ความท้าทายของรัฐบาลได้เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากพรรคฝ่ายค้านได้ตัดสินใจยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีอีก 5 ราย ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในวันที่ 31 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อให้มีการอภิปรายในเดือนกุมภาพันธ์ก่อนปิดสมัยการประชุม ซึ่งคาดว่าอาจมีการตัดสินคดีพรรคอนาคตใหม่จากกรณีเงินกู้ 191 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันหรือไม่? หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าประเด็นที่ใช้ในการอภิปรายในครั้งนี้มีน้ำหนักเพียงพอแล้วหรือยัง? หรือเป็นการเล่นเกมเพื่อต่อรองอะไรบางอย่างหรือไม่?
ก่อนหน้าที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีกระแสข่าวว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางในรัฐมนตรีทั้งหมด 9 รายแต่ภายหลังถูกตัดชื่อออกไป 3 ราย ได้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกฯและรมว.สาธารณสุข นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ซึ่งเป็นการตัดรัฐมนตรีสายเศรษฐกิจออก แล้วนำประเด็นของรัฐมนตรีเหล่านี้มาใช้อภิปรายนายกรัฐมนตรีแทน เช่น ประเด็นการไม่รักษาวินัยทางการคลัง ประเด็นล้มเหลวด้านการบริหารเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำรวยกระจุกจนกระจาย ประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ราคาพืชผลทางการเกษตรและลดภาษีเงินได้ ประเด็นเรื่องน้ำกำลังจะหมดเขื่อนและมวลอากาศเป็นพิษ จะเห็นได้ว่าเป็นการตีวงให้แคบลง เพื่อชี้เป้าไปทางนายกฯคนเดียวหรือไม่?
ในขณะที่รัฐมนตรีอีก 5 ราย ล้วนแต่เป็นรัฐมนตรีสายทหารทั้งสิ้น เว้นแต่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ถึงจะไม่ใช่ทหารแต่ก็เป็นมือทำงานมาตั้งแต่สมัยยังเป็นรัฐบาล คสช. และที่น่าตั้งข้อสังเกตคือหลายประเด็นที่ฝ่ายค้านยกมาให้เป็นญัตติอภิปรายนายกฯ เป็นการอ้างย้อนไปในสมัยที่พล.อ.ประยุทธ์ยังดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้า คสช. และการใช้อำนาจในช่วงก่อนการเลือกตั้งทั้งสิ้นหรือไม่? หรือเป็นเพียงการสับขาหลอกเพราะฝ่ายค้านเองก็ออกมาพูดในทำนองว่าที่พูดไม่ใช่ ที่ใช่ไม่พูด ก็เป็นได้ แต่แม้ว่าจะตีรวนประเด็นอย่างไรก็ยังต้องยึดการอภิปรายตามกรอบหลักที่ได้เสนอต่อประธานสภาฯ มิฉะนั้นอาจถูกประท้วงจากขุนพลฝ่ายรัฐบาล ที่เตรียมพร้อมแล้วเพื่อตัดจังหวะการอภิปรายในครั้งนี้เมื่อประเด็นถูกฉีกกรอบออกไป? กระทั่งการออกมาโต้แย้งอย่างทันควันของคนในพรรครัฐบาลถึงญัตติที่ผู้นำฝ่ายค้านเสนอต่อประธานสภาฯ ว่าเป็นการนำเรื่องเก่ามาพูดใหม่ เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯยุค คสช. ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นต้น
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นคือ เหตุใดฝ่ายค้านจึงไม่ยื่นอภิปรายรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ บ้าง เช่น พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย หรือว่าฝ่ายค้าน
จะมองการณ์ไกลถึงอนาคตเผื่อว่าจะได้มีการสลับขั้วมาจับมือกัน? โดยเฉพาะรมว. และรมช.เกษตรฯที่ก่อนหน้านี้ก็โดนโจมตีอย่างหนักจากฝ่ายค้านในเรื่องราคาสินค้าเกษตรและการห้ามใช้สารพิษ 3 ตัว ในอุตสาหกรรมการเกษตร แต่ก็ไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้ถูกอภิปรายในครั้งนี้ซึ่งเป็นที่จับตามองว่ามีคลื่นใต้น้ำที่กำลังหาทางออกอยู่หรือไม่?
ด้วยความสั่นคลอนของรัฐบาลตั้งแต่การที่รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบกรณีสส.เสียบบัตรแทนกันที่นำมาซึ่งรอยร้าวในรัฐบาลระหว่างพรรคร่วมด้วยกันเอง และการเลื่อนการใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ไปด้วย ตลอดจนเรื่องที่นั่งรัฐมนตรีที่เมื่อมีข่าวใกล้การปรับ ครม. เข้ามาทุกทีก็ย่อมต้องมีการเกลี่ยที่นั่งรัฐมนตรีใหม่ ด้วยอัตราส่วน สส. ที่มีการเพิ่มลด จากกรณีการย้ายพรรค การตัดสินของศาลกรณีใบดำ ทำให้ความสำคัญของพรรคร่วมมีการจัดลำดับใหม่ ซึ่งส่งผลชัดต่อจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรีที่ควรจะได้ นอกจากนั้นแล้วพรรคที่โดดออกจากพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างพรรคเศรษฐกิจใหม่จะกระโจนเข้าร่วมวงพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่? เพราะถ้าเศรษฐกิจใหม่เข้าร่วมจะส่งผลไม่มากก็น้อยต่อเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยที่หลายตำแหน่งก็ต่างหนาวๆ ร้อนๆ อยู่ด้วยเรื่องของข้อโจมตี และผลงานที่ไม่ประจักษ์ตั้งแต่เริ่มรัฐบาล
แต่การอภิปรายครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะน่ากลัวเสมอไป เพราะหลายคนตั้งข้อสังเกตถึงช่วงจังหวะเวลา ผลของการดำเนินนโยบายรัฐบาลที่ยังไม่ถึงปี ตลอดจนการดำเนินงานแบบต่างคนต่างทำของสองพรรคหลักฝ่ายค้าน ที่มีหลายครั้งพบว่าการดำเนินงานหรือเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกัน จึงยากที่จะผนึกกำลังสร้างเกมที่จะเอาชนะได้ ยัง
ไม่นับเรื่องเนื้อหาที่คาดว่าจะเอามาอภิปราย ที่ยังไม่พบว่าเรื่องใดที่จะโดดเด่นแต่ก็อาจมีเรื่องที่สำคัญซ่อนอยู่หลายฝ่ายจึงมุ่งว่าการอภิปรายครั้งนี้อาจเป็นไปเพื่อการสร้างกระแสทางการเมืองบางส่วน หรือเพื่อทดสอบความเหนียวแน่นของพรรคร่วมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูญัตติที่เสนอมาโดยเฉพาะส่วนของนายกฯ ที่มีการแตกประเด็นออกไปมากมายทั้งการไม่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ความล้มเหลวในการบริหาร ที่แตกประเด็นการโจมตีออกมาได้นับสิบข้อ พบว่ามีการหว่านประเด็นให้กว้างที่สุดเพื่อปูพื้นให้ผู้อภิปรายมุ่งตรงสู่เฉพาะนายกรัฐมนตรีเป็นหลักแต่จะสามารถชักจูงประชาชนให้เชื่อว่านายกฯมีความไม่น่าไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งต่อไปหรือไม่?นั้นอาจยังไม่ถึงเวลา เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีในวงการของผู้ติดตามการเมืองว่าที่ผ่านมาหากหมายจะล้มรัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจสิ่งที่ฝ่ายค้านหลายชุดในอดีตได้ทำคือการเปิดประเด็นเพียงไม่กี่ประเด็นหลักๆ แต่จับให้มั่นในประเด็นนั้นๆ ชำแหละกันถึงต้นตอของปัญหาและความเสียหายที่ประชาชนและประเทศชาติได้รับ เพื่อชักจูงให้ผู้แทนฯในสภา ตลอดจนประชาชนที่รับฟังอยู่ทางบ้าน เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารงานเรื่องนั้นๆ
ยุทธศาสตร์การเดินเกมเช่นนี้ก็ทำให้มองได้อีกว่าเป็นเพราะฝ่ายค้านเองที่อ่อนกำลัง ทั้งกำลังขุนพล และเป็นการฝึกประสบการณ์ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ฝ่ายรัฐบาลของพรรคการเมืองใหม่หรือไม่? ยุทธศาสตร์แบบกองโจรคือต้องแยกกันเดินและรวมกันตี แต่ดูจากรอบนี้แล้วอาจมีเพียงการแยกกันเดินและแยกกันตี เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็อาจไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหรือไม่?ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ก็มีงูเห่า ที่ต้องมีมติขับออกจากพรรค พรรคเพื่อไทยก็มีปัญหากลุ่มขั้วภายในที่ยังไม่ลงตัว โดยเฉพาะแกนนำจริงๆ ไม่ได้เข้ามาอยู่ในสภาจึงทำให้คุมเกมในสภายากตลอดจนพรรคร่วมอื่นๆ ก็ไม่ได้มีทีท่าเข้าขากันสักเท่าไหร่หรือไม่? ต่างคนต่างมีรูปแบบการทำงานของตัวเอง หรือขนาดพรรคอย่างเศรษฐกิจใหม่ที่ว่าอยู่แน่แต่ตอนนี้ก็ยังออกจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน
สุดท้ายหากเป็นอย่างที่หลายฝ่ายคาด ถึงผลของการอภิปรายครั้งนี้อยู่แล้วว่าคงไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไร โดยเฉพาะการปรับครม.ที่รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นรัฐมนตรีสายหลักของรัฐบาลนี้ที่ยากที่จะมีการเปลี่ยนแปลง หากแต่ต้องการเพียงสร้างแรงเขย่าให้รัฐบาลให้ต้องระมัดระวังการทำงานให้มากขึ้น เพราะมีกระบวนการรัฐสภาคอยตรวจสอบอยู่ ไม่ได้มีอำนาจเต็มเหมือนครั้งที่เป็นรัฐบาลคสช.อีกต่อไป นอกจากนี้การลาออกจากพรรคร่วมฝ่ายค้านของพรรคเศรษฐกิจใหม่ก็สร้างความมั่นใจให้กับฝ่ายรัฐบาลมากขึ้นที่จะผ่านการอภิปรายครั้งนี้ไปได้ด้วยดี ซึ่งพรรคฝ่ายค้านเองก็คงคิดเช่นนั้น แล้วอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริง?..
“ดีชั่วปะปน คนมีหลากหลาย ระหว่างธรรมะและอธรรม ไม่ใช่สิ่งที่วัดกันอย่างฉาบฉวยผิวเผิน”
โจโฉ สามก๊ก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี