ประเทศไทยเราควรจะมีหรือไม่มีวุฒิสภาต่อไปหรือไม่ และหากยังอยากจะมีวุฒิสภากันต่อไป วุฒิสภาที่ยกเครื่องใหม่ ควรจะมีลักษณะอย่างไร
หลายประเทศมีวุฒิสภา เพราะลักษณะโครงสร้างประเทศของเขาเป็นแบบหลายๆ รัฐ มลรัฐ หรือมณฑล มารวมตัวกันเป็นประเทศ ก็เลยต้องมีที่ยืน หรือมีการรักษาอำนาจ ศักดิ์ศรี เกียรติภูมิ และบทบาทไว้ให้กับรัฐ มลรัฐ หรือมณฑลไว้ เช่นในกรณีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเริ่มต้นมาจากการรวมตัวกันของ 13 มลรัฐ (States) และฉะนั้นรัฐสภาของเขาที่เรียกว่า สภาคองเกรส จึงประกอบด้วยวุฒิสภา (ตัวแทนมลรัฐ) และสภาผู้แทนราษฎร (ตัวแทนผู้คนพลเมืองทั้งประเทศ) เป็นการแบ่งอำนาจและภารกิจ และการคานอำนาจระหว่างส่วนกลางที่เมืองหลวง (กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.) กับส่วนท้องถิ่น คือมลรัฐทั้งหลาย
สหราชอาณาจักร (The United Kingdom) ก็ประกอบด้วย อังกฤษ เวลส์ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ และรัฐสภามี 2 สภา คือสภาล่างและสภาสูง สภาล่าง คือสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยผู้แทนที่ส่วนใหญ่สังกัดพรรคการเมือง และส่วนน้อยมากไม่สังกัดพรรค โดยทุกคนมาจากการเลือกตั้งแต่สภาสูง (House of Lords) ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งจากทั่วราชอาณาจักร เป็นผู้มีประสบการณ์การทำงาน และส่วนหนึ่งเป็นขุนนางสืบทอดตำแหน่ง
ส่วนที่ญี่ปุ่นนั้น เขาเป็นประเทศรัฐเดี่ยว (Unitary State) เหมือนประเทศไทย โดยเขามี 47 จังหวัด ที่มีการเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรงโดยประชาชน ในขณะเดียวกัน รัฐสภาของเขามี 2 ส่วน หรือ 2 สภา คือวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร โดยวุฒิสมาชิก และผู้แทนราษฎรก็มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ทั้งที่สังกัดพรรคการเมือง และที่เป็นอิสระไม่สังกัดพรรค
แต่อีกหลายประเทศ มีแค่สภาผู้แทนราษฎรสภาเดียว (เช่น บังกลาเทศ ไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ สวีเดน เดนมาร์ก ฯลฯ)
ฉะนั้นการจะให้ประเทศมี 2 สภา หรือสภาเดียว ในประเทศที่เป็นรัฐเดี่ยว (Unitary State) ก็เป็นเรื่องการตัดสินใจทางการเมือง และหากจะมีวุฒิสภาก็ต้องกำหนดภารกิจให้แน่ชัด แต่ต้องเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยส่วนรวมเท่านั้น (มิใช่ตั้งขึ้นมาเพื่อ “ดันก้นกัน” เช่น ในกรณีประเทศไทย) อีกทั้งวุฒิสมาชิกต้องมีจิตใจจิตวิญญาณ ทัศนคติ และทักษะ หรือมี DNA เป็นนักประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเท่านั้น
ในกรณีของไทยเรา ก็คุ้นเคยกับการมี2 สภา มาหลายๆ สิบปี ส่วนที่มาของวุฒิสภาก็แตกต่างกันไปบ้างตามยุคสมัย แต่โดยภาพรวมโดยทั่วไป วุฒิสภาไทย มักจะแสดงบทบาทเป็นฐานการเมืองให้กับฝ่ายรัฐบาล มิได้เพื่อประชาธิปไตย และประเทศชาติ
ฉะนั้น หากไทยเราจะคิดนอกกรอบ ก็เปลี่ยนให้ระบบการเมืองไทยมีเพียงสภาผู้แทนราษฎรเดียวก็น่าจะได้ จะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งขจัดการบิดเบือนภารกิจของวุฒิสภา เพื่อรอรับกลุ่มผลประโยชน์ และสังคมไทยจักได้มีแค่สภาผู้แทนราษฎรสภาเดียว และรับผิดชอบต่อประชาชนพลเมืองแบบ “หมัดต่อหมัด”
แต่หากเรายังจะยึดติดกับการมี 2 สภา ชาวไทยเราก็ต้องมาทบทวน วางรูปแบบเนื้อหาของวุฒิสภากันใหม่หมด ภายใต้หลักการเงื่อนไขผูกมัด ดังเช่น วุฒิสภาต้อง
1.เป็นตัวคาน ตรวจสอบ สภาผู้แทนราษฎร หรือ
2.เป็นผู้คัดกรองข้อกฎหมาย นโยบาย มาตรการ ระดับที่สอง หรือรอบที่สอง ให้กับสังคมไทย (Second opinion) เป็นต้น
ในกรณีสภาคองเกรสของสหรัฐฯ (วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร) มีอำนาจพอๆ กัน เช่น กฎหมายต้องผ่านทั้ง 2 สภา เป็นต้น รัฐสภาของญี่ปุ่นซึ่งมี 2 สภา ก็มีอำนาจพอๆ กัน และเป็นการคานอำนาจไปในตัว ส่วนของสหราชอาณาจักรนั้น สภาสูงไม่มีอำนาจเท่าสภาล่าง แต่ข้อคิดเห็นมีคุณค่าเป็นที่ยอมรับของสังคม ก็เป็นการคานอำนาจอย่างหนึ่ง
ในกรณีของไทย วุฒิสภามักมีบทบาทเป็นแค่ “ตรายาง” หากจะคงไว้ก็ต้องมาด้วยความถูกต้องชอบธรรม และมีบทบาทและอำนาจให้แน่ชัด โดยเฉพาะในบางเรื่องของงบประมาณ เช่น งบพัฒนาบริหาร เป็นต้น ก็เป็นเรื่องที่สามารถระดมความคิดแบบสร้างสรรค์ได้
สังคมไทยจะรีรออยู่กับความไม่จริง ไม่ถูกไม่ควรไม่ได้ และต้องมุ่งหน้าในการมีวุฒิสภาที่รับใช้ชาติ เป็นประโยชน์ด้วยการเป็นองค์กรที่คาน ถ่วงดุล สภาล่าง และร่วมตรวจสอบฝ่ายบริหารอย่างมีสาระ
ส่วนวุฒิสมาชิกจะมาอย่างไรก็ต้องมาจากประชาชน หรือนัยหนึ่งต้องยึดโยงกับประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ส่วนจะใช้จังหวัด หรือกลุ่มจังหวัด หรือทั้งประเทศ เป็นเขตเลือกตั้ง ก็เป็นเรื่องที่จะต้องปรึกษาหารือหาข้อยุติกันต่อไป อีกทั้งวุฒิสมาชิกส่วนหนึ่งก็ยังสามารถมาจากกลุ่มอาชีพมาจากกลุ่มชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ได้ และในหลายๆ ประเทศก็ยังเปิดโควตาไว้ให้กับประมุขของประเทศ เป็นการให้เกียรติ และแสดงความเคารพนับถือ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี