ในช่วง 7 วันหลังจากผมได้เขียนถึงเรื่องไวรัสโคโรนาจากเมืองอู่ฮั่น ตัวเลขยังขึ้นอยู่ อย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุด ยอดติดเชื้อรวมทั่วโลก 31,450 คน และยอดรวมผู้เสียชีวิต 638 ศพ
ขอแสดงความเสียใจพร้อมส่งกำลังใจให้กับชาวจีนที่เมืองอู่ฮั่นและผู้นำของจีนที่กำลังแก้ปัญหาอย่างหนักและรวดเร็ว ต้องการการร่วมมือจากทุกๆ ประเทศ วันนี้ผมจึงเขียนเพื่อส่งกำลังใจไปยังประชาชนชาวจีน (มิตรประเทศจีน)
ผมคิดว่าน่าจะผนึกกำลังกัน โลกต้องการความสามัคคี ช่วยเหลือป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกระทบความรุนแรงต่อประเทศไทยและต่อโลก ขอให้โรคร้ายแรงของจีนครั้งนี้คงผ่านไปได้
เป็นที่น่าภาคภูมิใจในการแพทย์และการสาธารณสุขของไทยที่ยังทำหน้าที่ได้ดี มีมาตรฐานระดับโลก แต่ยังมีกลุ่มที่ไม่หวังดี มีสื่อมวลชนใหญ่บางแห่งยังโจมตีรัฐบาลบิ๊กตู่ตลอดเวลาเพื่อกดดันรัฐบาล บางครั้งในช่วงวิกฤติ เราต้องร่วมมือกัน
ผมอยากเห็นทุกฝ่ายหันมาจับมือกัน สามัคคีกันเพื่อแก้ปัญหาโรคภัยให้รอดพ้น ทั้งในประเทศจีนและในประเทศอื่นๆ รวมทั้งในไทยด้วย
ขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลบิ๊กตู่ที่ส่งเครื่องบินไปรับคนไทยประมาณ 140 คน จากเมืองอู่ฮั่นมาถึงสนามบินอู่ตะเภา อย่างปลอดภัยและดูแลกักบริเวณอีก14 วัน ป้องกันการติดเชื้อ มีอาการไข้แค่ 2 คน ความสำเร็จครั้งนี้ลดปัญหาข่าวลวงอันน่าละอายไปได้
ยอมรับว่าโรคระบาดที่จีนครั้งนี้มีผลกระทบต่อโลกมากนอกจากในด้านสุขภาพแล้วยังมีผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย
ในระดับโลกโดยเฉพาะ GDP ของจีนที่ลดลงจากเคยสูงถึง 9-10% ปัจจุบันเหลือแค่ 6% คาดว่าไวรัสอู่ฮั่น
อาจจะทำให้ GDP ของจีนลดไปถึงอีก 1% เหลือแค่ 5% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและโลกอย่างมาก รวมทั้งจะเป็นระดับสหรัฐ, ยุโรป หรือในเอเชีย
โดยเฉพาะประเทศไทยไม่ใช่มีผลกระทบเรื่องท่องเที่ยวเท่านั้น จากการศึกษาของหลายสำนัก ผลกระทบจะถึง ภาคการผลิตที่แท้จริง ตัวอย่างในประเทศไทย ภาคการผลิตที่แท้จริง (Real Factor) มีทั้งภาคอุตสาหกรรมซึ่งจีนมีความสัมพันธ์ทั้งส่งออก นำเข้า จะเชื่อมโยงเป็นห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งประเทศไทยพึ่งการผลิตแบบห่วงโซ่จากจีนหลายด้าน ขณะเดียวกันไทยก็มีศักยภาพส่งห่วงโซ่อุปทานไปยังจีนด้วย
ค.ศ.1347-1351 เคยมีโรคระบาดที่ติดมาจากหนู เรียกว่า กาฬโรค (Plague) ภาษาทางการคือ The Black Death
นอกจากนั้นยังมีเรื่องเกษตร ตัวอย่างเช่น ทุเรียนอย่างเดียวยังมีปัญหาการบริโภคในจีนลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 6 เดือน ถึง 1 ปี
คนในจีนมีรายได้พอที่จะบริโภคต่างๆ คงจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี เพราะรายได้ของคนจะลดลง ต้องรอเวลาที่จะปรับตัวให้ดีขึ้น
และสุดท้ายถ้าไวรัสยังเป็นอยู่เช่นนี้ จากที่ผมได้คุยกับเพื่อนผู้เชี่ยวชาญว่าด้านอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าค่าเงินบาทคงจะอ่อนตัวลงอยู่ในระดับ 33-35 บาทต่อเหรียญ มีข้อดีกับการส่งออก แต่ข้อเสียคือตลาดที่จะซื้อสินค้าจากไทยจะมีปัญหาด้านกำลังซื้อจะลดลง
สรุปคือคนไทยต้องติดตาม
1. เรื่องสุขภาพ
2. เรื่องเศรษฐกิจ
3. เรื่องแสดงความห่วงใยและเห็นใจประเทศจีน
ผมขอชื่นชมประเทศจีนที่ไม่พอใจท่าทีของสหรัฐฯ เช่น ไม่เห็นใจและยังซ้ำเดิมจีนในเรื่องไวรัส เช่น ไม่ให้คนจีนเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯหรือไม่ให้คนสหรัฐเดินทางมาจีน
เมื่อจีนแสดงความไม่พอใจ สหรัฐฯเริ่มรู้ตัวว่าถ้าเศรษฐกิจจีนแย่ลง จะกระทบทั่วโลกและสหรัฐฯด้วย เริ่มร่วมมือกับรัฐบาลจีนโดยนำทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯมาช่วย ทำให้จีนมีความรู้สึกดีขึ้น
ผู้อ่านคงเห็นแล้วว่า โลกปัจจุบันต้องมีพันธมิตรในหลายๆ ประเทศ โดยมีเครื่องช่วย สร้างเครือข่าย Networking ในระดับประเทศหรือระดับองค์กรนับเป็นจุดที่สำคัญ โลกยุคต่อไปอยู่คนเดียวไม่ได้ แม้กระทั่งในระดับองค์กร อยู่คนเดียวไม่ได้
ในอดีตประมาณ 700 ปีมาแล้ว ค.ศ.1347-1351 เคยมีโรคระบาดที่ติดมาจากหนู เรียกว่า กาฬโรค (Plague) ภาษาทางการคือ The Black Death เริ่มจากเอเชียและลามไปถึงยุโรป ผ่านการติดต่อทางเดินเรือ
พีท บุตอาเจจ (Pete Buttigieg)
กว่าจะแก้ปัญหากระแสโรคระบาดได้ใช้เวลา 4 ปี ในยุโรปเฉลี่ย 75-200 ล้านคน แต่ยุคปัจจุบันไม่รุนแรงถึงขนาดนั้น แต่ให้เห็นว่าโรคระบาดมีมาอย่างต่อเนื่องในอดีตถึงปัจจุบัน
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างไร อย่างน้อย2 เรื่องใหญ่ๆ
1. แรงงานหายไปอย่างมากมาย อาจจะทำให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น
2. ความต้องการของสินค้าจะลดลง เพราะผู้บริโภคเสียชีวิต ความต้องการสินค้าน้อยลง
มองปัญหาอู่ฮั่นในระยะ 6 เดือน ถึง 1 ปี หรือยาวกว่านั้น บิ๊กตู่ต้องวางแผนเรื่องเศรษฐกิจด้วยไม่ใช่แค่กระทรวงสาธารณสุข และท่องเที่ยวแล้วต้องดูภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรและอัตราแลกเปลี่ยนด้วย คนไทยทุกคนต้องรัดเข็มขัด ต้องมีภูมิคุ้มกันโดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง บิ๊กตู่ถูกโจมตีมากขึ้น ต้องเตรียมตัวเรื่องความ
อยู่รอดของคนระดับล่างจะอยู่อย่างไรให้รอดในช่วง 6 เดือน
ข้างหน้า
ผมแนะนำว่า ธุรกิจใหญ่ๆ คงต้องแสดงความเห็นใจธุรกิจเล็กๆ มีโครงการที่จะลงสู่ชุมชนและช่วยเหลือ SME ด้วย
ผมมั่นใจในทฤษฎีพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้ผล คนไทยต้องผนึกกำลังร่วมกันส่งมิตรไมตรีให้ชาวจีนทุกๆ คน ถ้าเงินบาทอ่อนถึง 33-35 บาท ถ้าปัญหาไวรัสจบภายใน 1 ปี การส่งออกของเราจะกลับมาภายใน 1 ปี จึงจะต้องดูว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะเป็นอย่างไร ในเวลานี้เงินบาทเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย
สุดท้าย ผมภูมิใจที่เขียนถึง พีท บุตอาเจจ (Pete Buttigieg) ก่อนคนอื่น เกือบ 1 ปีมาแล้วทำให้คนไทยได้รู้ว่ามีนักการเมืองรุ่นใหม่อายุ 37 ปี เป็นเกย์เปิดเผย ผมคาดไว้ว่าเขาเป็นที่น่าสนใจเพราะคู่แข่งส่วนใหญ่ อายุ
70 ปีขึ้นไป แถมสู้กับทรัมป์ ซึ่งอายุ 73 ปีแล้ว กว่าจะเลือกประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน 2020 ทรัมป์ก็ 74
ถือว่าคนรุ่นใหม่สู้กับคนรุ่นเก่า
ปรากฏว่าผลการเลือกตั้งขั้นต้น ที่รัฐไอโอวา Iowa มาเป็นอันดับหนึ่งพลิกล็อกถล่มทลาย น่าสนใจว่าเขาอาจจะมีโอกาสเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตแข่งกับทรัมป์ก็ได้ ต้องดูกันต่อไป
ที่ผมคาดไว้อาจเป็นจริงเพราะคนอเมริกาเริ่มสนใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น จะได้สู้กับคนแก่ๆ 70 กว่า แต่จะประสบ
ความสำเร็จหรือไม่อยู่ที่การวางตัวอย่างใด อายุน้อย ถ้ามีความรอบคอบ ไม่ประมาท ไม่เหลิง ถ่อมตัวเอง เก่ง มีคนรุ่นใหม่หนุนหลัง และได้ใจคนรุ่นเก่าด้วย หาประสบการณ์ ไม่คึกคะนอง ก็ยังเป็นความหวังของประเทศสหรัฐฯและประเทศไทยด้วย จะดูต่อไป
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี