ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราประชาชนรวม 68 ล้านคน ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ร้ายแรงจากอาวุธสงครามอีกครั้งจากฝีมือของนายทหารชั้นประทวนที่มีอารมณ์คลุ้มคลั่งชาวชัยภูมิที่มีชื่อว่าจ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา วัย 32 ปี นายทหารรายนี้เป็นทหารเหล่าสรรพาวุธสังกัดกองพันสรรพวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
จ่าสิบเอกจักรพันธ์เกิดความคลุ้มคลั่งมาจากสาเหตุไปทะเลาะกับผู้บังคับบัญชาคือพันเอกอนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22เรื่องปมเงินค่ายนายหน้าค้าที่ดินจำนวน 50,000 บาทที่มีการทวงถามเงินหลายครั้งกับแม่ยายของผู้บังคับกองพันในบ่ายของวันเกิดเหตุคือวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นวันมาฆบูชาด้วย เมื่อเกิดทะเลาะกันจ่าสิบเอกจักรพันธ์ได้บันดาลโทสะใช้ปืนพก 9 มิลลิเมตรยิงพันเอกผู้บังคับบัญชาและแม่ยายตายคาบ้านพักแล้วยิงพลทหารอีกคนตายด้วยรวมเป็น 3 ศพ
หลังจากก่อเหตุแล้ว จ่าสิบเอกจักรพันธ์ยังไม่หยุดความคลุ้มคลั่งเขาได้บุกไปที่คลังสรรพาวุธของกองพันแล้วใช้อาวุธปืนยิงทหารที่รักษาการที่คลังสรรพาวุธพร้อมกับเข้าไปขนอาวุธสงครามทั้งปืนพก,ปืนเล็กยาว,ปืนไรเฟิลจู่โจมเอชเค 33 ขนาด 5.56 มิลลิเมตรและปืนกลเอ็ม 60 ขนาด 7.62 มิลลิเมตร รวมทั้งหมดเกือบสิบกระบอกพร้อมกับได้ขับรถฮัมวี่ของราชการทหารออกมาจากค่ายพร้อมกับใช้อาวุธปืนสงครามยิงประชาชนระหว่างทางไปที่ห้างเทอร์มินอล 21 สาขานครราชสีมา
จากนั้นเขายังไม่หยุดความคลุ้มคลั่งได้บุกเข้าไปในห้างดังกล่าวพร้อมกับใช้อาวุธยิงประชาชน,พนักงานห้างและพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้วมีการจับประชาชนไปเป็นโล่มนุษย์ป้องกันการบุกจับกุมของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก สำนักข่าวต่างประเทศชั้นนำทั้งบีบีซี,ซีเอ็นเอ็น,เอพี,รอยเตอร์,แอนตารา,เดอะไทมส์,พีเพิลส์เดลี่,เอ็นเอชเค ฯลฯต่างรายงานว่าจ่าสิบเอกทหารไทยก่อเหตุร้ายดังกล่าว
จากผลงานของจ่าสิบเอกจักรพันธ์นั้นยังผลให้มีข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ชาวไทยถึงแก่ความตาย 27 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 57 คนในขณะที่ผู้นำรัฐบาลคือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี,พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี,พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย,พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกและพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
เนื่องจากเหตุร้ายที่นครราชสีมาครั้งนี้ทำให้รัฐบาลต้องกลับมาทบทวนว่าการบรรจุข้าราชการทหารหรือว่าตำรวจที่มีการฝึกการใช้อาวุธสงครามจนชำนาญยิงปืนแม่นยำแต่ไม่ได้มีการตรวจสภาพของอารมณ์และสุขภาพจิตของพวกเขาโดยละเอียดเคร่งครัดอาจจะทำให้รัฐต้องพบกับเหตุร้ายที่รุนแรงเหมือนในครั้งนี้อีก เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกก็เป็นได้เหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญอีกครั้งที่สังคมต้องรีบหาทางป้องกันโดยเร่งด่วน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี