กสทช.กำลังจะให้สื่อทีวีที่มีการถ่ายทอดสดเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช ชี้แจงข้อเท็จจริงเร็วๆ นี้
นับว่าเป็นท่าทีที่บ่งบอกถึงสำนึกความรับผิดชอบต่อหน้าที่อยู่บ้าง
แต่จะนำไปสู่การลงโทษ และปรับพฤติกรรมของสื่อบางรายได้หรือไม่?
1. อยากให้ กสทช. และท่านผู้อ่าน ลองพิจารณาตามพฤติกรรมบางส่วนที่ประชาชนวิพากษ์สื่อ
พฤติกรรมเหล่านี้ อันไหนเลวร้ายกว่ากัน?
ถ้าท่านมีคนที่รักติดอยู่ในห้าง ขณะที่ผู้ร้ายกำลังอยู่ในห้าง?
ถ้าท่านเป็นเจ้าหน้าที่ผู้เสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อเข้าไปช่วยประชาชน?
ท่านจะบอกผู้ที่อ้างตัวว่าทำหน้าที่สื่อเหล่านี้ ว่าอย่างไร?
1.1 กรณีสื่อทีวีรายงานรายละเอียดการแจ้งพิกัดของประชาชนที่ติดอยู่ในห้าง ว่าอยู่ชั้นไหน โซนไหน ขณะที่คนร้ายมีอาวุธสงคราม มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และใช้โพสต์ภาพถ่ายและข้อความของตนเองอยู่ช่วงหนึ่งด้วย และยังกราดยิงคนอยู่ในห้างอย่างเหี้ยมโหด ทั้งดูเหมือนกำลังต้องการก่อเหตุต่อไปไม่หยุดหย่อน ทำให้สงสัยกันว่าคนร้ายจะได้ใช้ข้อมูลจากสื่อในการไล่ล่าฆ่าประชาชนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้างด้วยหรือไม่?
1.2 กรณีสื่อทีวีรายงานรายละเอียดการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ว่ามีหน่วยไหน กำลังจะทำอะไร กำลังจะเข้าไปในห้างอย่างไร ถ่ายทอดสด รายงานสด ขณะที่คนร้ายมีอาวุธสงครามร้ายแรง ผ่านการฝึกยุทธวิธี สงสัยว่าจะใช้ข้อมูลจากสื่อในการลอบสังหารโจมตีเจ้าหน้าที่ด้วยหรือไม่?
1.3 กรณีสื่อทีวีต่อสายสัมภาษณ์ญาติผู้ตาย ขณะที่ฝ่ายผู้สูญเสียยังไม่ทราบว่าลูกของตนเสียชีวิตเลยด้วยซ้ำ เพื่อจะได้ความรู้สึกสดๆ ร่ำไห้ โอดครวญ โหยหวนปานใจจะขาดขนาดไหน?
1.4 กรณีสื่อออนไลน์ ที่มีทั้งลิงค์สัญญาณจากสื่อทีวี และที่ตั้งตัวเป็นเพจข่าว แจ้งข่าวเท็จ ข่าวมั่ว สร้างความตื่นตระหนก อ้างข้อมูลวงใน ข้อมูลลับ ซึ่งสุดท้ายก็พบว่าเป็นข่าวเท็จเสียมาก มีการอัพข่าวราวกับแข่งกันว่าใครจะไว และหวือหวากว่าใคร
อยากถามว่า พฤติกรรมเหล่านี้ อันไหนเลวร้ายกว่ากัน?
ควรมีการไต่สวน สอบสวน เพื่อลงโทษมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง หรือไม่?
หรือควรปล่อยผ่านไป ให้สื่อดูแลกันเอง หรือแข่งขันนำเสนออย่างเสรี?
2. แฟนเพจ จริยธรรมวารสารศาสตร์ ตั้งประเด็นวิเคราะห์น่าสนใจว่า
“สื่อแจ้งผู้เสียชีวิตแก่ญาติแหล่งข่าวก่อนเจ้าหน้าที่ทำได้หรือไม่
ได้รับการร้องเรียนว่า สื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่ง โทรศัพท์ไปหาผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกผู้ก่อเหตุยิงเสียชีวิตเพื่อขอสัมภาษณ์ แล้วมีเสียงกรีดร้องของผู้หญิง พร้อมกับบอกว่าไม่จริงแทรกเข้ามา จากนั้น ผู้ดำเนินรายการชายยังพูดต่อไปว่า ถ้าคุณพ่อ (ผู้รับสาย) พร้อมอยากจะชี้แจงค่อยติดต่อเข้ามา อันหมายความว่า ผู้ปกครองของนักเรียนที่เสียชีวิตยังไม่ทราบข่าวนี้มาก่อน
ประเด็นของเรื่องนี้ก็คือ สื่อมีสิทธิ์แจ้งข่าวนี้แก่ผู้ปกครองหรือญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตหรือไม่ – ไม่มีกฎหมายใดระบุไว้ว่าทำไม่ได้ แต่จริยธรรมวิชาชีพสื่อสากล ระบุว่าไม่ใช่หน้าที่ของสื่อ เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว ควรให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเป็นผู้แจ้งข่าว
ประเด็นมีต่อไปว่า ที่ผ่านมา สื่อก็รายงานชื่อผู้เสียชีวิตกันเป็นเรื่องปกติ ต่างกันตรงไหน กรณีนี้มีข้อถกเถียงได้ว่า เพราะเจ้าหน้าที่เป็นผู้เปิดเผยรายชื่อให้สื่อไปรายงาน เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิตได้ทราบ - จึงไม่มีข้อยุติในทางจริยธรรมที่ชัดเจนของสื่อบ้านเรา
อย่างไรก็ตาม หากดูผลจากวิธีที่สื่อโทรทัศน์ติดต่อสองต่อสอง ผลที่ได้รับคือเสียงร้องออกอากาศ กับวิธีรายงานชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมดไปพร้อมกัน อันเป็นการสื่อสารทางเดียว เมื่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ทราบจากข่าวที่ประกาศ ผู้ชมอื่นๆ ก็ไม่รู้สึกสะเทือนใจไปกับเสียงร้อง – จากความแตกต่างนี้ น่าจะทำให้มีข้อพิจารณาในการกำหนดแนวปฏิบัติในโอกาสต่อไป
หมายเหตุ : มีข้อสังเกตว่า ผู้จัดรายการโทรทัศน์ช่องนี้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝงที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วหรือไม่ เช่นนั้น ก็เป็นเรื่องที่สังคมผู้รับสารควรร่วมกันพิจารณาแล้ว”
3. นอกจากนี้ ยังมีประเด็นผลกระทบต่อสังคมที่จะตามมาหลังจากเหตุการณ์
เว็บข่าว “ไทยพับลิก้า” ถอดบทเรียนเราควรเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์กราดยิง
บางตอนระบุว่า
“...งานวิจัยหลายชิ้น พบว่าผู้ก่อเหตุได้รับอิทธิพลและแรงจูงใจจากการรายงานข่าวของสื่อที่เกี่ยวกับผู้ก่อเหตุรายก่อนหน้า และการได้รับความสนใจจากสื่อคือเป้าหมายหลักของผู้ก่อเหตุ
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ครอบคลุมเหตุการณ์กราดยิง 31 เหตุการณ์นับตั้งแต่ปี 1966 พบว่า 87% ของผู้ก่อเหตุต้องการที่ได้รับความสนใจเป็นที่รู้จักและดังขณะที่งานวิจัยอีกชิ้นพบว่า ผู้ก่อเหตุหลายคนได้รับแรงจูงใจจากผู้ก่อเหตุรายก่อนหน้า และยกเป็นแบบอย่าง “ไอดอล” จากการที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับประวัติ รายละเอียดของคนร้ายและหน้าตา
ในปี 2015 นักวิจัยพบว่า พฤติกรรมการกราดยิงมีการส่งต่อ โดยมีความน่าจะเป็นในการเกิดการกราดยิงตามมาอีกใน 13 วัน และสำหรับการกราดยิงในโรงเรียนมีโอกาสที่จะเกิดอีก .22 ครั้ง ซึ่งเป็นผลจากการรายงานข่าวอย่างละเอียดของสื่อ…
...เว็บไซต์ reportingonmassshootings มีข้อแนะนำเกี่ยวกับการรายงานข่าวของสื่อต่อเหตุการณ์ที่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือคนกลุ่มเล็กกราดยิงไปที่ไผูคนในที่สาธารณะ แต่ไม่ได้มีเป้าประสงค์ที่จะแนะนำในเรื่องของความรุนแรงจากกลุ่มอิทธิพล หรือ การฆ่าตัวตาย
เว็บไซต์ยังมีข้อควรรู้ 3 ข้อได้แก่
1) งานวิจัยพบว่าแนวทางที่สื่อรายงานข่าวการกราดยิงในที่สาธารณะนั้นสามารถนำไปสู่การมีพฤติกรรมการเลียนแบบได้ การรายงานข่าวอย่างมีความรับผิดชอบสามารถลดความเสี่ยงนี้ได้
2) ผู้ที่มีอาการทางจิตส่วนใหญ่นั้นไม่ใช่ผู้ที่สร้างความรุนแรง ขณะที่ผู้ก่อเหตุที่ยิงกราดในที่สาธารณะนั้นมักจะไม่เคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการทางจิตมาก่อน
3) การรายงานข่าวอย่างมีความรับผิดชอบสามารถสร้างการเรียนรู้ของสังคมและลดความเสี่ยงที่เกิดความรุนแรงขึ้นได้ในอนาคต
Reportingonmassshootings ระบุว่า การรายงานของสื่อในทางลบอาจจะมีผลให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบจากคนที่มองว่าผู้ก่อเหตุเป็นไอดอล รวมทั้งตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับผู้รอดชีวิต ครอบครัวและชุมชน และยังเพิ่มอคติและบาดแผลทางใจกับผู้รอดชีวิต และทำให้คนที่อาการป่วยทางจิตไม่ยอมรับความช่วยเหลือ
ขณะที่การรายงานข่าวเชิงบวก จะเป็นการให้ความรู้แก่คนช่วยให้สังเกตและตอบสนองถูกทางต่อคนที่อาจจะกระทำการรุนแรงเป็นการปลอบขวัญผู้รอดชีวิต ครอบครัวและชุมชนรวมทั้งครอบครัวผู้ก่อเหตุ รวมทั้งให้ข้อมูลแก่สาธารณะเกี่ยวกับสัญญาณเตือนจากความกดดันหรือพฤติกรรมที่จะก่ออันตราย สนับสนุนให้คนหาความช่วยเหลือเพื่อตัวเองหรือคนอื่นที่อาจจะมีความเสี่ยงที่จะมีพฤติกรรมทำการรุนแรง...”
4. ประเด็นทั้งหมดข้างต้นนั้น สมควรที่ กสทช. จะได้ไต่สวนทวนความกับสื่อด้วย เพื่อหาข้อเท็จจริง บทลงโทษ และแนวทางการทำงานต่อไปในอนาคต
ถ้าจะอ้างเสรีภาพสื่อ ทำอะไรก็ได้ เชื่อแน่ว่าประเทศไทยเราก็คงจะเดินไปสู่จุดเลวร้ายกว่านี้
เพราะธุรกิจสื่อบางส่วนจะไม่มองเหตุการณ์วิกฤติเป็นวิกฤติแต่จะมองว่ามันคือโอกาสในการปั่นข่าว
ทำทุกวิถีทางให้ตื่นเต้น หวือหวา น่าหวาดเสียว ดราม่าที่สุด
เพื่อตอบสนองสันดานดิบของมนุษย์
เพื่อสร้างเรตติ้งให้กับตัวเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี