ปี พ.ศ. 2563 คงจะเป็นที่ข้าราชการไทยที่มีเงินเดือนซึ่งได้รับเงินเดือนจากภาษีของประชาชนสร้างปัญหาด้วยความผิดที่ร้ายแรงเริ่มต้นเดือนมกราคม มีการสร้างสถานการณ์เพื่อยึดตำแหน่ง ผบ.ตร. ด้วยยิงรถต่อมามีผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพธิ์ชัย จ.สิงห์บุรี ปฏิบัติการจี้ชิงทอง ยิงคนตาย 3 ศพ มีเด็ก 2 ขวบ ถูกยิง มีผู้บาดเจ็บ 4 คน
ต่อมาบ่ายวันเสาร์ที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา มีจ่าทหารบกนำอาวุธปืนสงครามพร้อมลูกกระสุนนับร้อย ระเบิดมือ ปืนพกสั้นกราดยิงผู้พันและครอบครัวตาย สาเหตุมาทวงเงินค่านายหน้าแต่ผู้พันไม่จ่าย จากนั้นขับไปที่คลังอาวุธในค่ายทหารเพื่อนำอาวุธปืนสงครามออกมาเต็มพิกัด ด้วยฆ่าทหารที่เฝ้าคลังอาวุธห้ามไม่ให้เข้าไปนำอาวุธสงครามออกมา เมื่อจ่าทหารได้อาวุธเต็มพิกัดก็ขับรถจิ๊ปไปที่บ้านนายทหารคู่อริยิงไม่ยั้งตายทั้งครอบครัว
เมื่อยิงเสร็จขับรถผ่านห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ค่ายทหารลงจากรถแล้วยิงกราดไปทั่วตำรวจได้รับแจ้งเพื่อมาระงับเหตุถูกยิงตายทั้งสองคนหลังจากนั้นใช้อาวุธสงครามยิงประชาชน ที่เดินในห้างนอนตายเกลื่อนส่วนใหญ่พากันวิ่งหลบเข้าหาที่กำบัง หลังจากตำรวจได้รับแจ้งรีบมาที่เกิดเหตุต้องระดมกำลังมา แต่จ่าทหารใช้ปืนข่มขู่นำประชาชนมาเป็นตัวประกันประมาณ 20 คน
การสร้างคดีประวัติศาสตร์ของทหารคนนี้เขาจะเปิดเฟซบุ๊ค และถ่ายทอดออกมาให้ชาวเนตชมกันอย่างน่าสะพรึงกลัว ทำให้ตำรวจต้องประสานงานให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเครือข่ายตัดสัญญาณของเขาออกทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทหารและตำรวจพร้อมหน่วยแม่นปืนทุกชุดระดมสรรพกำลังเข้ามาเพื่อช่วยเหลือตัวประกันและประชาชนหลายร้อยคนที่หลบตามชั้นต่างๆ ของห้างให้ออกมาอย่างปลอดภัย แต่ก็ยังมีผู้บาดเจ็บและตายหลายคน ตำรวจและทหารต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงจึงจะทำการวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายได้
กรณีที่เกิดขึ้นมีผู้เสียชีวิต 30 ศพ บาดเจ็บ 57 ราย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรกสาเหตุมาจากผู้บังคับบัญชาที่ไม่รักษาคำพูดเงินเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ตำรวจตามสถานีตำรวจทั่วประเทศควรนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องเตือนใจถ้ามีประชาชนมาแจ้งความควรให้ความสนใจในเรื่องที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากตำรวจ ถ้าท่านปล่อยให้เรื่องที่เขามาแจ้งความโดยคิดว่าเป็นเรื่องเล็กเมื่อเขาพึ่งตำรวจไม่ได้เขาจะไปก่ออาชญากรรมที่รุนแรงที่ถึงกับชีวิตตำรวจฝ่ายสืบสวนจะต้องพยายามหาตัวคนร้ายมาลงโทษต้องเสียทั้งเงินและเวลาโดยใช่เหตุ
เมื่อประชาชนเขามาแจ้งความพนักงานสอบสวนควรรับเรื่องแล้วรีบดำเนินการไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ขณะนี้มีประชาชนเขามาบ่นให้สื่อฟังว่าเขาได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยไปแจ้งความและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้วไม่มีการดำเนินการอะไรเลย 3 ปีมาแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยไม่ทราบว่าตำรวจท้องที่ดองเรื่องเขาไว้ทำไม นี่สาเหตุหนึ่งที่ประชาชนไม่ไว้ใจตำรวจท้องที่แล้วพวกเขามักจะไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจกองปราบฯหรือหน่วยงานอื่นๆ ที่สามารถช่วยเขาได้ถ้าเป็นอย่างนี้ผู้บริหารของ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ควรยุบสถานีตำรวจที่ตั้งอยู่ภายในกรุงเทพฯดีกว่าสาเหตุมาจากตำรวจท้องที่ไม่ใส่ใจความเดือดร้อนของประชาชน “สนใจแต่เบี้ยหลากสี” เท่านั้น อย่าให้ประชาชนเขาคิดว่า “เราอยู่ไหนประชาวอดวายทั่วกัน”.....สวัสดีครับ....
เกลือสมุทร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี