เมื่อวานนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีธรณีสงฆ์อัลไพน์
นั่นคือ คดีหมายเลขดำที่ อท.38/2559 ที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
1.คดีนี้ ศาลปราบโกงพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
ศาลอุทธรณ์ฯ พิพากษายืน
นายยงยุทธยื่นขออนุญาตฎีกา และประกันตัวสู้คดี
เมื่อวานนี้ นายยงยุทธเดินทางมาศาล ศาลฎีกาแผนกคดีคำสั่งคำร้องฯ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า คำร้องขอฎีกาของจำเลยไม่ได้แสดงถึงปัญหาข้อเท็จจริง หรือปัญหาข้อกฎหมายที่ขออนุญาตฎีกา ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ตามมาตรา 47 และข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ข้อ 28 (1) จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกา โดยให้ยกคำร้องและไม่รับฎีกาของจำเลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ คดีย่อมถึงที่สุด ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ศาลจึงได้ออกหมายคดีถึงที่สุด
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวนายยงยุทธไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รับโทษตามคำพิพากษา
2.ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ตามมาตรา 47 บัญญัติว่า หลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นคำร้อง การพิจารณาวินิจฉัย และระยะเวลาในการพิจารณาคำร้องตามมาตรา 44 การตรวจรับฎีกา การแก้ฎีกา การพิจารณา และการพิพากษาคดีให้เป็นไปตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ข้อ 28 ระบุว่า คําร้องแสดงเหตุที่ศาลฎีกาควรรับฎีกาไว้พิจารณาต้องแสดงถึง (1) ปัญหาข้อเท็จจริงหรือปัญหาข้อกฎหมายที่ขออนุญาตฎีกา (2) ปัญหาที่ขออนุญาตฎีกานั้นเป็นปัญหาสําคัญดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 46 หรือในข้อบังคับนี้ ซึ่งศาลฎีกาควรรับวินิจฉัย
ส่วนเหตุผลในการยื่นขออนุญาตฎีกานั้น ตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตฯ มาตรา 46 ระบุว่า เหตุที่ศาลฎีกาจะพิจารณาอนุญาตให้ฎีกาได้ ต้องเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย ซึ่งรวมถึงปัญหาดังต่อไปนี้
(1) ปัญหาที่เกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ
(2) เมื่อคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญขัดกันหรือขัดกับแนวบรรทัดฐานของคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกา
(3) คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่สำคัญซึ่งยังไม่มีแนวคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกามาก่อน
(4) เมื่อคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบขัดกับคำพิพากษาหรือคำสั่งอันถึงที่สุดของศาลอื่น
(5) เมื่อจำเลยต้องคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบให้ประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
(6) เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้วอาจมีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
(7) ปัญหาสำคัญอื่นตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
นั่นจึงคาดได้ว่า ประเด็นที่นายยงยุทธยื่นฎีกามา ไม่เข้าลักษณะดังที่กล่าวมานี้
3.คดีนี้ ถึงบทอวสานแล้ว
ตอนจบ จำเลยเข้าคุก
อนิจจา... นายยงยุทธเคยรุ่งโรจน์ ได้ดิบได้ดีหลังกระทำการนี้ ชีวิตหลังเกษียณก็ได้บำเหน็จเป็นถึงรัฐมนตรีมหาดไทย เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
คำพิพากษาที่ออกมาในชั้นต้นและอุทธรณ์ชี้ไปในทางเดียวกันอย่างชัดแจ้งว่า นายยงยุทธ ขณะดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาอุทธรณ์และมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนาม “สนามกอล์ฟอัลไพน์” อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นธรณีสงฆ์จากการที่นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ที่ถึงแก่ความตายแล้วได้ทำพินัยกรรมยกที่ดิน 2 แปลงดังกล่าว ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารนั้น จำเลยออกคำสั่งโดยมิชอบ
มีเจตนาช่วยเหลือบริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด, บริษัท กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในเวลาต่อมาให้ได้รับประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยจงใจละเลยข้อเท็จจริงต่างๆ และยังจงใจตีความกฎหมายให้ผิดเพี้ยนไปจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2482 ที่ระบุให้กระทรวงถือปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่จำเลยอ้างว่า คำสั่งของจำเลยนั้นได้ยึดถือตามแนวทางเสียงข้างมากของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของมหาดไทย ซึ่งเป็นการออกคำสั่งทางปกครองที่จำเลยในฐานะรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทยก็สามารถทำได้นั้น ศาลเห็นว่าคณะกรรมการดังกล่าวก็เกิดขึ้นโดยคำสั่งที่จำเลยแต่งตั้งเองขณะที่การบริหารราชการแผ่นดินนั้น ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาจะผูกพันหน่วยงานราชการด้วยตามแนวทางมติของ ครม.
ขณะที่ในช่วงปี 2545 ปรากฏข้อเท็จจริงว่าภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ซื้อสนามกอลฟอัลไพน์ต่อจากนายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งหลังจากนั้นก็พบว่าจำเลยได้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยจนเกษียณราชการ และยังได้รับตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ ในยุครัฐบาลนายทักษิณ
คำสั่งของนายยงยุทธ จำเลยจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแก่ผู้อื่น และก่อให้เกิดความเสียหายแก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ทั้งยังทำลายศรัทธาของผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง พิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
4.โกงเพื่อใคร?
ลำดับความโดยสังเขป บันทึกไว้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
ที่ดินอัลไพน์ โด่งดังขึ้นมาครั้งแรก สมัยรัฐบาลไทยรักไทย ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ ยุคนั้นมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รมว.มหาดไทย และ นายสมบัติ อุทัยสาง รมช.มหาดไทยในขณะนั้น เมื่อปี 2545
นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมยกที่ดินย่านปทุมธานี เนื้อที่เกือบพันไร่ ให้กับวัดธรรมิการามวรวิหาร แต่กลับถูกนักการเมืองและพวกร่วมกันเล่นแร่แปรธาตุ อาศัยอำนาจรัฐ เปลี่ยนแปลงโอนให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ก่อนถูกขายต่อให้บริษัทอัลไพน์ เรียลเอสเตท และต่อมาก็ตกไปอยู่ในมือคนในครอบครัวอดีตนายกฯ ทักษิณ
นางเนื่อมเสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2514 ที่ดินต้องเป็นธรณีสงฆ์ทันทีตามกฎหมาย
แต่หลังจากที่นายเสนาะ เทียนทอง เข้ามาเป็นรมช.มหาดไทย สั่งการเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2533 ว่าไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามฯได้มาซึ่งที่ดินมรดก เท่ากับว่า เปิดทางให้มูลนิธิฯเข้ามาจัดการทรัพย์สิน ก่อนที่จะมีการขายต่อไปให้บริษัทอัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งมีคนตระกูลเทียนทองถือหุ้น
บริษัทอัลไพน์ฯ ซื้อมาในราคา 142 ล้านบาท แต่เอาไปจำนองได้ถึง 220 ล้านบาท ภายในวันเดียวกัน
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2533 หลังจากนั้น ก็เอาไปพัฒนา ทำบ้านจัดสรร สนามกอล์ฟหรู ในที่สุด ก็ขายหุ้นบริษัทที่ครอบครองที่ดินต่อไปให้คนตระกูลชินวัตร ถูกวิจารณ์ในขณะนั้นว่าเป็นดีลการเมืองด้วยในตัว
หลังจากนั้น นายยงยุทธก็ได้ดิบได้ดี เกษียณแล้วก็ได้มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีมหาดไทย ยุครัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
น่าคิดว่า ใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงจากการทุจริตประพฤติมิชอบของนายยงยุทธ?
การกระทำอุกอาจข้างต้น อาศัยอำนาจรัฐ อำนาจการเมือง เล่นแร่แปรธาตุธรณีสงฆ์ ผู้ได้รับผลประโยชน์ในทางธุรกิจตัวจริง ยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ปัจจุบันที่ธรณีสงฆ์ก็ยังถูกครอบครองโดยเอกชน
คดีถึงที่สุดแล้ว สะสางล้างบางได้แล้ว ทำความถูกต้องให้ปรากฏ
มิฉะนั้น ใครยังไม่จัดการเด็ดขาด ก็จะต้องตกนรกหมกไหม้ไปด้วย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี