มติการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบการแก้ไขสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วนดี) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน – ปากเกร็ด (ทางพิเศษอุดรรัถยา) ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ
และที่สำคัญ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ยังให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ไปดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย เพราะเป็นเรื่องสืบเนื่องจากการกระทำในอดีตที่ทำให้รัฐเสียหาย และมีทุนทรัพย์สูง
1. กรณีการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน นั่นก็คือ “การจ่ายค่าโง่” รูปแบบหนึ่ง
แทนที่จะจ่ายเป็น “เงิน”
แต่จ่ายเป็น “ระยะเวลา” ในการบริหารทางด่วนเพิ่มขึ้น แสวงหาผลประโยชน์ตามสัญญาที่ขยายให้
2. ต้นเหตุที่มาของ “ค่าโง่” มาจาก “โง่จริง” หรือ “แกล้งโง่”
มีใครเจตนาเล็งเห็นผล ทำให้รัฐเสียหาย จนต้องมาชดใช้ในปัจจุบัน หรือไม่?
ควรตามตัวมาชดใช้ค่าเสียหายคืนด้วย
3. แนะนำให้ประชาชนที่สนใจใคร่รู้ อ่านข้อเขียนของ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte
อธิบายไว้อย่างกระจ่างชัด เขียนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ว่าด้วยเรื่อง “ไล่ล่า “ไอ้โม่ง” ค่าโง่ทางด่วน” ระบุว่า
“...ค่าโง่ทางด่วน เกิดจากข้อพิพาทระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กับบริษัท ทางด่วน และรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ข้อพิพาทสำคัญก็คือข้อพิพาทจากการแข่งขัน กล่าวคือกรมทางหลวงได้ขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ จากอนุสรณ์สถาน ไปถึงรังสิต ทำให้เกิดเป็นคู่แข่งขันกับทางด่วนสายปากเกร็ด-บางปะอิน ซึ่งบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบีอีเอ็ม) เป็นผู้รับสัมปทานจากการทางพิเศษฯ โดยศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้การทางพิเศษฯ แพ้คดี และให้ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้รับสัมปทานเป็นเงิน 4,318 ล้านบาท ตามที่ผู้รับสัมปทานฟ้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2542-2543 เท่านั้น
ส่วนความเสียหายในช่วงปี พ.ศ.2544-2561 มีมูลค่า 74,590 ล้านบาท ยังไม่เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการซึ่งหากเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการจนถึงศาลปกครองสูงสุด แล้วการทางพิเศษฯ แพ้ จะทำให้การทางพิเศษฯต้องชำระเงินชดเชยให้ผู้รับสัมปทานจำนวน 74,590 ล้านบาทรวมเป็นเงินชดเชยที่เกิดจากข้อพิพาทจากการแข่งขันจำนวน78,908 ล้านบาท (4,318+74,590) ซึ่งคิดเป็น 57.4% ของมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากข้อพิพาททั้งหมดจำนวน 137,517 ล้านบาท
ดังนั้น ข้อพิพาทจากการแข่งขันจึงเป็นข้อพิพาทที่น่าสนใจอย่างยิ่งเนื่องจากมีมูลค่าสูง น่าสนใจว่าเหตุใดการทางพิเศษฯ จึงยอมลงนามในสัญญาสัมปทานทางด่วนปากเกร็ด-บางปะอิน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2539 โดยมีข้อความสรุปได้ว่า“การทางพิเศษฯ จะชดเชยรายได้ให้ผู้รับสัมปทานกรณีมีการแข่งขัน” การทางพิเศษฯ ไม่รู้เลยหรือว่าจะมีการขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ จากอนุสรณ์สถาน ไปจนถึงรังสิต เพื่อรองรับการจราจรในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อปี พ.ศ.2541 หลังจากรัฐบาลในปีพ.ศ.2539 ได้มีมติให้ขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ จากดอนเมือง ถึงอนุสรณ์สถาน
ก่อนลงนามในสัญญา การทางพิเศษฯ น่าจะฉุกคิดสักนิดว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่ดอนเมืองโทลล์เวย์ จะถูกปล่อยให้ด้วนอยู่แค่อนุสรณ์สถาน เพราะมีการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์รออยู่ที่รังสิตอีกทั้ง รัฐบาลในปี พ.ศ.2539 ได้มีมติให้ขยายดอนเมืองโทลล์เวย์จากดอนเมืองถึงอนุสรณ์สถาน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคงจะให้ขยายต่อไปจนถึงรังสิตเพื่อรองรับการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ถ้าฉุกคิดสักนิดก็จะรู้ว่าเป็นการเสี่ยงมากที่จะยอมให้มีข้อความดังกล่าวข้างต้นอยู่ในสัญญา
แต่จะตำหนิการทางพิเศษฯ เพียงหน่วยงานเดียวก็ไม่ได้เพราะต่อมาในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2540 ได้มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กรมทางหลวงขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ จากอนุสรณ์สถาน ไปจนถึงรังสิต ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ของผู้รับสัมปทานทางด่วนสายปากเกร็ด-บางปะอิน ตามหนังสือทักท้วงของผู้รับสัมปทานลงวันที่ 11 มีนาคม 2540 และที่สำคัญ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2540 รับทราบผลกระทบของการขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ ไปจนถึงรังสิต ที่จะมีต่อทางด่วนสายปากเกร็ด-บางปะอิน พูดได้ว่าเป็นการอนุมัติให้ขยายทั้งๆ ที่รู้ว่าจะผิดสัญญา
เมื่อข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ ท่านพอจะหา “ไอ้โม่ง” ค่าโง่ทางด่วนได้มั้ยครับ…”
4. เพิ่มเติมว่า ช่วงเดือน ก.พ. – ก.ย. 2540 นั้น นายกรัฐมนตรี ชื่อ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
ส่วนใครจะเป็น “ไอ้โม่ง”
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องไปสืบสวนกันดู
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี