เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ยูนิเซฟ และหน่วยงานด้านความเสมอภาคทางการศึกษาจากหลายประเทศ เช่น ฟินแลนด์, นิวซีแลนด์, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จัดประชุมเครือข่ายองค์กรนานาชาติด้านความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ The Equitable Education Association : A Kick-off Meeting โดยตัวแทนจากประเทศต่างๆได้นำเสนอความก้าวหน้าด้านการลดความเหลื่อมล้ำและเดินหน้าร่วมเป็นเครือข่ายนานาชาติด้านความเสมอภาคทางการศึกษา
งานนี้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ก่อตั้งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเจ้าภาพ
นายอิจิโร่ มิยาซาวา (Mr.Ichiro Miyazawa) ผู้เชี่ยวชาญด้านการรู้หนังสือและการเรียนรู้ตลอดชีวิต จากยูเนสโก กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายองค์กรนานาชาติด้านความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อหาทางแก้ปัญหาร่วมกันได้อย่างตรงจุด รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของแต่ละประเทศ และสร้างความเข้าใจร่วมกัน เราได้เห็นจุดแข็งของหลายๆ ประเทศ ที่โดดเด่นที่สุดคือ ทุกคนต้องการสนับสนุนการศึกษาอย่างเสมอภาคให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ขอชื่นชมประเทศไทยที่จัดตั้ง กสศ. ขึ้นเพื่อลงมือแก้ปัญหานี้ นับเป็นตัวอย่างที่ดีที่อยากจะให้โลกได้เห็น
นายอิจิโร่กล่าวว่า ปัญหาของเด็กๆ ทั่วโลกที่ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา โดยมีเด็กและเยาวชนจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายกว่า 263 ล้านคนทั่วโลก ที่ออกจากระบบการศึกษา และเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข แม้ว่ารัฐบาลหรือหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ยูนิเซฟ ยูเนสโกได้พยายามอย่างมากที่จะแก้ไขปัญหานี้ แต่ก็ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ดังนั้นจึงต้องมาร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง ลาวเมียนมา เวียดนาม หรือมาเลเซีย รวมถึงประเทศอื่นๆ อีกมากมาย ยังไม่มีหน่วยงาน กองทุนในลักษณะนี้ ทางยูเนสโกหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสร้างเครือข่ายในประเทศไทยแล้วขยายต่อออกไปทั่วโลก นี่คือสิ่งที่เราอยากจะเห็น และหวังว่าการเริ่มต้นของเครือข่ายนานาชาติจะทำให้เราได้เรียนรู้และค้นพบกุญแจสำคัญที่จะใช้สร้างความเสมอภาคทางการศึกษาให้เด็กทุกคนได้
ด้าน น.ส.ธันว์ธิดา วงศ์ประสงค์ ผอ.สำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วม นวัตกรรมและทุนการศึกษา กสศ. กล่าวว่าจากการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในการทำงานด้านความเสมอภาคทางการศึกษาระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ลงนามตกลงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ภายในปี 2573 ร่วมกับ 193 ประเทศ ซึ่งประเด็นเรื่องการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นหนึ่งในเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ ดังนั้น การหารือในวันนี้จึงเป็นโจทย์ร่วมกันที่เรามุ่งมั่นที่จะทำงานให้บรรลุเป้าหมาย โดยการนำโมเดลและมาตรการที่เป็นจุดแข็งของ 5 ประเทศ มาปรับใช้กับประเทศไทย อาทิ ประเทศฟินแลนด์ มีจุดแข็งด้านการสนับสนุนและสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับกลุ่มเด็กที่เรียนไม่ทัน เด็กพิเศษ ผ่านการมีระบบดูแลเด็กรายบุคคล รวมถึงมีนักจิตวิทยาเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนนิวซีแลนด์เน้นสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กปฐมวัย โดยมีการจัดสอนเสริมให้แก่เด็กปฐมวัยจากครอบครัวที่ยากจนให้ได้รับการพัฒนาที่ดีและมีการจัดสรรงบประมาณส่วนเพิ่มเติม (Top-up) ขณะที่อเมริกาใช้วิธีการพัฒนาโรงเรียนของชุมชน (Promise Neighborhood School) ในย่านที่มีคนยากจนอยู่จำนวนมาก โดยผสานความร่วมมือทั้งหน่วยจัดการศึกษาและพ่อแม่ให้การดูแลตั้งแต่แรกเกิดจนถึงมีงานทำ
สำหรับก้าวต่อไป วันที่ 10-12 กรกฎาคม 2563 นี้กสศ. ยูเนสโก ยูนิเซฟ Save the children เครือข่ายองค์กรนานาชาติด้านความเสมอภาคทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะร่วมกันจัดประชุมหน่วยงานที่ขับเคลื่อนด้านความเสมอภาคทางการศึกษาในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก เพื่อเปิดโอกาสให้นวัตกรรมของไทยและต่างประเทศได้มีโอกาสขยายบทเรียนไปสู่ประเทศอื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาให้เกิดประโยชน์แก่เด็กและเยาวชนทั่วโลก
นายเดเมียน เอ็ดเวิร์ด ผู้ช่วยรองเลขาธิการ สำนักงานนโยบายระบบการศึกษา กระทรวงศึกษา นิวซีแลนด์ กล่าวว่า การสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาควรต้องเพิ่มงบประมาณให้แก่ระบบการศึกษาเพื่อสนับสนุนเด็กที่ประสบปัญหาเรื่องความเสมอภาค โดยกุญแจสำคัญคือต้องเข้าใจข้อมูลเรื่องราวของเด็กแต่ละคน เพื่อทราบว่าควรจะเพิ่มงบประมาณไปที่จุดไหนและใช้อย่างไร ทางนิวซีแลนด์ได้เก็บข้อมูลเจาะลึกลงไปจากเดิมที่ระดับชุมชุนสู่ระดับครัวเรือนของเด็กที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือเด็กแต่ละคนได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ครับทั้งหมดเป็นมุมมองระดับโลก เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการศึกษา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาทุกประเทศที่หลายฝ่ายกำลังดำเนินการอยู่รวมทั้งประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี