เมื่อวันวานได้ยกเรื่องค่าโง่จากระบบการตั้งอนุญาโตตุลาการมาเกริ่นไว้ครั้งหนึ่งแล้ว ในวันนี้จะได้พรรณนาขยายความเรื่องระบบอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการกระทำโง่ๆ ที่ร้ายแรงและเกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวงให้แจ่มแจ้งแดงแจ๋กันไป
และในที่นี้ก็ต้องตั้งข้อกล่าวหาว่าการทำข้อตกลงในสัญญาทั้งหลายของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐกับเอกชนก็ดี กับเอกชนต่างชาติก็ดี ที่ให้ตั้งอนุญาโตตุลาการนั้นเป็นการกระทำที่ทรยศชาติที่ขายชาติ และละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ กระทั่งลบหลู่ต่อพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์
ในยุคล่าอาณานิคมประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราชทางศาลตามสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง ที่กำหนดให้บรรดาข้อพิพาทระหว่างคนในบังคับสยามกับต่างชาติไม่อยู่ในอำนาจศาลไทย แต่ให้ขึ้นศาลโปลิศสภาซึ่งเป็นศาลต่างชาติ อยู่ในบังคับของต่างชาติ เป็นความอัปยศอดสูของชาติ และเป็นความทุกข์พระทัยใหญ่หลวงของพระเจ้าอยู่หัว
ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ 5 ที่มีพระราชหัตถเลขาไปถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ในขณะที่ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษว่า ที่ทรงรับพระราชธุระสืบมาว่าเป็นภาระอันหนัก ปิ่มว่าพระเศียรจะไม่สามารถรับน้ำหนักพระมหาพิชัยมงกุฎได้
ความอัปยศแห่งชาตินี้เป็นภาระอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องปลดเปลื้อง และในที่สุดพระเจ้าอยู่หัวก็สามารถยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตดังกล่าวได้สำเร็จ ประเทศไทยจึงมีเอกราชทางศาลสืบมาตั้งแต่บัดนั้น
แต่มาในชั้นหลังนี้แม้อ้างกันนักหนาว่าเป็นประชาธิปไตย มีความเฉลียวฉลาดรอบรู้และมีหน่วยงานและบุคคลซึ่งมีความรู้ทางกฎหมายเป็นอันมาก แต่กลับกระทำในสิ่งที่สวนทางและย้อนกลับไปยังความอัปยศยิ่งใหญ่ของชาติในครั้งกระโน้นอีก นั่นคือการยอมรับเข้าสู่ระบบอนุญาโตตุลาการ
ระบบอนุญาโตตุลาการก็คือแบบแผนที่ฝรั่งตะวันตกตั้งแบบแผนขึ้น มีหลักการสำคัญคือให้คู่กรณีที่มีข้อพิพาทระหว่างกันทำความตกลงกันตัดอำนาจศาล โดยให้นำข้อพิพาทนั้นเข้าสู่ระบบอนุญาโตตุลาการแทน
โดยให้แต่ละฝ่ายตั้งอนุญาโตตุลาการของตนขึ้นฝ่ายละ 1 คน ซึ่งเพียงเท่านี้ก็เห็นได้แล้วว่าเอกชนในประเทศหรือต่างประเทศก็ย่อมได้เปรียบรัฐในการตั้งอนุญาโตตุลาการแล้ว เพราะเอกชนสามารถเลือกอนุญาโตตุลาการที่เชี่ยวชาญและเป็นพวกของตนเอง 100% และมีโอกาสที่จะเล่นกลเกมให้ส่วนราชการหรืออีกฝ่ายหนึ่งตั้งอนุญาโตตุลาการที่เป็นพวกของตนแอบแฝงเข้าไปด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสที่อนุญาโตตุลาการทั้งสองคนจะรักษาผลประโยชน์ของเอกชนมากกว่ารัฐจึงมากขึ้น ดังนั้นเมื่อตั้งอนุญาโตตุลาการคนที่สาม
ที่อนุญาโตตุลาการทั้งสองฝ่ายตั้งขึ้นจึงมักจะเป็นอนุญาโตตุลาการที่ฝ่ายเอกชนเป็นผู้กำหนด แต่ทำทีว่าเป็นคนกลาง แค่นี้ก็เห็นได้แล้วว่ารัฐหรือหน่วยงาน
ของรัฐเสียเปรียบและพ่ายแพ้คดีตั้งแต่ต้นแล้ว
นี่คือระบบอนุญาโตตุลาการ และที่หนักหนาสาหัสกว่านั้นก็คือมีการสร้างระบบและแบบแผนข้อตกลงในการตั้งอนุญาโตตุลาการ ให้ใช้อนุญาโตตุลาการต่างชาติหรืออนุญาโตตุลาการต่างประเทศ และพิจารณาไต่สวนกันในต่างประเทศ ซึ่งเป็นภาระของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ พูดง่ายๆ ก็คือแพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้ว
คดีให้สัมปทานเหมืองแร่ทองคำก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำความตกลงกันตัดอำนาจศาลไทยและใช้อนุญาโตตุลาการในต่างประเทศ
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจใดๆ ว่าข้อตกลงทั้งหลายระหว่างรัฐหรือหน่วยงานของรัฐที่ให้ใช้ระบบอนุญาโตตุลาการจึงเป็นกรณีที่ต้องเสียค่าโง่เกือบทั้งหมดทุกเรื่อง และค่าโง่นั้นก็จะมีจำนวนมากมาย มหาศาลจนหาประมาณและขอบเขตไม่ได้
ดังเช่นเรียกค่าเสียหายกันเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ซึ่งย่ำยีระบบกฎหมายของประเทศไทยอย่างยับเยิน เพิ่มขึ้นจากการตัดอำนาจศาลไทยที่สุดแสนจะอัปยศอีกด้วย
เพราะในบรรดาเรื่องค่าเสียหายนั้น ประเทศไทยได้ใช้หลักสากลเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหายนี้ไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นกฎหมายทั้งส่วนแพ่งและพาณิชย์อันเป็นหลักของบ้านเมืองตามแบบอารยประเทศ และตามแบบสากลที่ปฏิบัติกันทั่วโลก
เพราะหลักกฎหมายในเรื่องค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และที่ปฏิบัติกันทั่วโลกนั้นต้องถือความเสียหายตามความเป็นจริง กระทั่งแม้หากคู่กรณีจะตกลงเรื่องค่าเสียหายกันแล้ว ถ้าหากค่าเสียหายนั้นสูงเกินส่วน ศาลก็มีอำนาจตามกฎหมายที่จะลดจำนวนค่าเสียหายลงให้เป็นไปโดยยุติธรรมได้
ระบบอนุญาโตตุลาการได้ล้มเลิกหลักเรื่องความเสียหายดังกล่าวนี้ กลับไปเข้ารกเข้าพงในลักษณะอาณานิคมอยู่ในบังคับของเจ้าอาณานิคม คือสุดแท้แต่จะกำหนดค่าเสียหายกันเอาเองตามอำเภอใจ ดังนั้น คู่กรณีจึงเรียกค่าเสียหายกันเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ทั้งๆ ที่ความจริงอาจจะเสียหายแค่ระดับร้อยล้านหรือพันล้านเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องประกาศและเชิญชวนปวงชนชาวไทยให้ตั้งความเห็นให้พ้องต้องกันว่า ใครทำสัญญาให้รัฐหรือหน่วยงานของรัฐตัดอำนาจศาลไทย และนำพารัฐหรือหน่วยงานของรัฐเข้าไปเป็นประเทศราชของระบบอนุญาโตตุลาการแล้วไซร้ ก็คือการทรยศชาติและการขายชาติ ที่จะสร้างความเสียหายย่อยยับให้แก่ประเทศชาติและประชาชนไม่มีที่สิ้นสุด
ก็ไหนว่านักกฎหมายของรัฐเก่งกล้าสามารถยิ่งกว่าศรีธนญชัย แล้วไฉนจึงเป็นเช่นนี้?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี