“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)” เป็นหน่วยงานของตำรวจ แต่ละหน่วยงานมีหน้าที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่มักจะมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องโดยเฉพาะตำรวจท้องที่ การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจฝ่ายสืบสวนมักจะมีบุคคลภายนอกคอยมาเดินเก็บเบี้ยให้และคอยชี้สถานที่ต้องจ่ายเบี้ยให้!!! เหตุเกิดที่ห้างดังแถวถนนรัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ของห้างส่งภาพจากวงจรปิดมาให้ดู เขาเล่าว่าการแต่งตั้งโยกย้ายของตำรวจแต่ละครั้ง ตำแหน่งผู้กำกับฝ่ายสืบสวนจะเปลี่ยนในยุคนี้มีตำรวจฝ่ายสืบสวนและผู้ที่ทำตัวเป็นนิ้วของตำรวจจะเป็นคนชี้เป้าสถานที่ต้องจ่ายเบี้ยให้นักสืบ
เหตุเกิดที่ห้างดังบริเวณรัตนาธิเบศร์ มีผู้อ้างตัวว่าเป็นสายสืบของจังหวัดมากัน 4 คน มาเดินเก็บเบี้ยตามร้านค้าขายของเลี่ยงภาษีและสถานบริการรายย่อยโดยอ้างว่าเป็นคนของนายตำรวจท่านหนึ่ง ผู้จัดการของห้างเขาข้องใจเนื่องจากที่ผ่านมานายตำรวจท่านนี้ไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน เขาจึงขอเบอร์โทรศัพท์โทร.ไปหานายตำรวจท่านนี้ปรากฏว่าเป็นนายตำรวจคนใหม่ คนเก่าถูกย้ายไปแล้วเขาต้องให้ร้านค้าจ่ายเงินไปและนำรูปถ่ายจากกล้องวงจรปิดมานั่งดูเขาจำได้ว่าผู้ที่มาเดินเก็บเบี้ยมากัน 4 คน มีสายลับคอยชี้เป้า 2 คน เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบเพิ่งย้ายมาใหม่ 2 คน ผู้จัดการจึงเก็บภาพในกล้องไว้
ขณะเดียวกันคนสนิทของนายตำรวจคนใหม่จะให้นักสืบทำบันทึกสถานบริการต่างๆ แม้กระทั่งร้านขายเหล้าอย่างละเอียดส่งให้ท่านเพิ่มราคาจากเดิมร้านเล็กๆ จ่ายเบี้ยให้ตำรวจสายสืบ 1 พัน เปลี่ยนราคาใหม่เป็น 4 พัน
ล่าสุดเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสายสืบชุดนี้ได้ไปจับคลินิกรักษาผิวที่ห้างใหญ่ห้างหนึ่งแถวปากเกร็ด พวกท่านนักสืบเข้าไปปฏิบัติการตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึงเวลา 24.00 น. กับร้านค้าและบรรดาคลินิกรักษาผิวที่ไม่มีใบอนุญาตสามารถรวบรวมเบี้ยได้ประมาณ 400,000 บาท โอ้โห! เพียงไม่กี่ชั่วโมงรวมยอดเบี้ยได้มหาศาลมิน่าเล่าบรรดานายตำรวจเส้นใหญ่จึงมีความพยายามดิ้นรนย้ายเข้ามาในพื้นที่ที่มีสถานบริการและมีห้างใหญ่ตั้งอยู่จะเสียเบี้ยเท่าไหร่ก็ยอมเนื่องจากผลประโยชน์ที่ได้รับมหาศาล
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์มีผู้หญิงคนหนึ่งเธอไม่ค่อยชำนาญเส้นทางภายในเขต กทม.เธอขับรถเพื่อจะไปทำหน้าที่ที่ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” บังเอิญเธอเข้าเส้นทางผิดหลงไปใน “ถนนดินแดน” ซึ่งเป็นพื้นที่ของ สน.ดินแดง ขณะนั้นเวลาประมาณ 11.00 น.เศษ เธอเห็นป้อมจราจร สน.ดินแดง เธอดีใจมากจอดรถและวิ่งไปที่ตู้ยาม ขณะนั้นภายในตู้ยามมีตำรวจจราจรนั่งอยู่ประมาณ 4 นายมีนายตำรวจสูงอายุประมาณ 50 เศษ คาดว่าเป็นหัวหน้า เธอเข้าไปบอกอย่างนอบน้อมว่าจะไป สตช.แต่เธอหลงขอความกรุณาตำรวจช่วยพาเธอไปส่งหน่อย ท่านหัวหน้าตำรวจนั่งนิ่งเหมือนไม่ให้ลูกน้องยุ่ง มีตำรวจอีกคนชี้มือบอกไปซ้ายไปขวา ซึ่งเธอไม่รู้เรื่องเธอจึงต้องเดินออกมาพบรถจักรยานยนต์รับจ้างบอกให้เขาขับพาไปที่ สตช.เขาเรียกค่านำทาง 120 บาท เธอจ่ายไป
ขณะที่เธอขับตามรถ จยย.รับจ้างมาเพียง 2 ทางแยกพบโรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) เธอรำพึงในใจว่า ตำรวจมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนแต่ตำรวจยุคนี้ทำตัวเป็น “จ่าเฉย” ประชาชนเดือดร้อนเข้าไปขอความช่วยเหลือกลับนั่งฟังเหมือนหุ่นยนต์ ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาลควรเรียกบรรดานายตำรวจที่มีหน้าที่สัมผัสกับประชาชนควรมีจิตสำนึกในการบริการประชาชนบ้าง เงินเดือนของพวกท่านคือภาษีของประชาชนอย่าทำตัวเป็นจ่าเฉย ตำรวจที่ดีก็มีมากอย่าทำตัวเป็นกาฝากทำให้ตำรวจส่วนใหญ่ถูกประชาชนรังเกียจมากไปกว่านี้ “ตำรวจอยู่ที่ไหนประชาวอดวายทั่วกัน”.....สวัสดีครับ.....
เกลือสมุทร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี