แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
■■ ความสามัคคีนั้นอาจหมายถึงเห็นชอบเห็นพ้องกันโดยไม่แย้งกัน ความจริงงานทุกอย่างหรือการอยู่เป็นสังคมย่อมมีความขัดแย้งกัน ความคิดต่างกัน ซึ่งไม่เสียหายแต่อยู่ที่จิตใจของเรา ถ้าเราใช้หลักวิชาและความปรองดองด้วยการใช้ปัญญา การแย่งต่างๆ ย่อมเป็นประโยชน์...(พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสายสะพาย ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต วันที่ 29 ตุลาคม 2517...
■■การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชาโดยพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ดำเนินการผ่านพ้นไปแล้วสองวัน ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้สนใจประเด็นการเมืองไทยว่า ดูเสมือนว่าจะมีสาระ แต่เมื่อพิจารณาจริงๆ แล้วกลับพบว่ามีสาระไม่มากนัก แต่กลับพบว่า นักการเมืองจากพรรคร่วมฝ่ายค้านส่วนใหญ่เน้นการโชว์ฝีปากกลางรัฐสภา มากกว่าโชว์ระดับสติปัญญา...
■■ ผู้ที่ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจจำนวนไม่น้อยฝากธรรมกร ให้ช่วยถาม เพื่อเตือนสติของผู้อภิปรายในรัฐสภาว่า เคยตระหนักถึงภาระหน้าที่ของการเป็น สส. บ้างหรือไม่ แล้วเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าการแสดงวาทะที่ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้มีสติปัญญา คือการทำลายความน่าเชื่อถือของ สส. ไทย หรือต้องการจะเผยโฉมหน้าเพื่อประจานความเสื่อมทรามของ สส. ไทยมากกว่าการมุ่งเน้นทำประโยชน์เพื่อสาธารณชน...
■■ คนไทยเฝ้าติดตามดูว่ารัฐบาลนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ ได้กระทำการอันใดที่น่าจะถือได้ว่าเข้าข่ายทุจริต โดยต้องการรับฟังข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงจากปากของ สส. ฝ่ายค้าน แต่เท่าที่รับชมและรับฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านไปแล้วสองวัน กลับพบได้ว่า สส. ฝ่ายค้านหลายคนใช้สภาเป็นที่ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก...
■■ มีคำถามตามมาว่าเมื่อไรหนอการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภาของไทยจะหมดยุคน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง เสียที...
■■ ที่ผ่านมาคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ชอบการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ เคยนึกว่าการพูดโดยใช้วิธีการเล่นวาทะในรัฐสภา คือการก่อกำเนิดของดาวสภา อย่างเช่นที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า เฉลิม อยู่บำรุง นักการเมืองหลายสมัยคือดาวสภา ครั้นเมื่อเฉลิมไม่มีโอกาสเข้าสภาในยุคปัจจุบัน หลายคนหลงดีใจว่าจะหมดยุคนักการเมืองดีแต่ตีฝีปาก แต่แล้วกลับพบว่ายังอุตส่าห์มีนักการเมืองอย่างชลน่าน ศรีแก้วสส. จากเมืองน่านปรากฏให้เห็นอีก ดังนั้นคนไทยจำนวนไม่น้อยจึงสรุปแบบหมดหวังว่า คงไม่มีโอกาสเห็นนักการเมืองไทยพัฒนาการทำงาน และพัฒนาระดับสติปัญญาให้สูงส่งไปมากกว่าเดิมได้อีกแล้ว...
■■ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรกจนถึงขณะนี้ คอการเมืองไทยหลายคนหันมาให้ความสนใจกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากเห็นว่าสามารถควบคุมอากัปกิริยาและสามารถควบคุมอารมณ์ในระหว่างการชี้แจงในรัฐสภาได้เป็นอย่างดีโดยยังไม่ปรากฏว่า นายกรัฐมนตรีเกิดอาการสติแตกเหมือนกับที่สาธารณชนเคยได้พบเห็นมาก่อนคอการเมืองหลายคนบอกว่า รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีสามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดีในขณะชี้แจงกลางสภา พร้อมกับกล่าวต่อไปว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีนิ่งแล้วชี้แจงได้ตรงประเด็น ก็จะทำให้ สส. ฝ่ายค้านกลายเป็นตัวตลกกลางสภามากยิ่งๆ ขึ้นไป...
■■ มีข้อน่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งคือการทำหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร ชวน หลีกภัย คอการเมืองไทยยังคงยกนิ้วให้กับการปฏิบัติหน้าที่ของอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้ว่ายังเฉียบและคมเหมือนเดิม โดยเฉพาะการที่ประธานรัฐสภาท้วงติงการแสดงพฤติกรรมและการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมของ สส. ขณะอภิปรายไม่ไว้วางใจ...
■■ สาธารณชนพบว่าท่านประธานชวนใช้คำพูดที่แสนสุภาพ เพื่อเตือนสติเหล่า สส.ผู้ไม่รู้จักกาลเทศะ โดยมีคำพูดประโยคหนึ่งของท่านประธานชวนที่ระบุทำนองว่า แม้คำพูดที่ใช้กลางสภาอาจจะไม่ใช่คำหยาบหรือคำไม่สุภาพ แต่ผู้พูดก็จำเป็นจะต้องระมัดระวัง และต้องคำนึงไว้ตลอดเวลาว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการอบรมสั่งสอนที่ดาราบุคคลได้รับมาจากการเลี้ยงดู...
■■ หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมในระยะนี้เหล่าคนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นปัญญาชน เพราะกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยจึงออกมาแสดงปฏิกิริยาทางการเมืองในทำนองที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเอื้อต่อพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่เพิ่งถูกยุบโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วิญญูชนในสังคมไทยถามกลับว่าคนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นปัญญาชนในสังคมไทยสามารถแยกแยะออกหรือไม่ว่าพฤติกรรมใดถูกหรือผิดกฎหมาย และการกระทำใดของนักการเมืองและพรรคการเมืองคือเรื่องที่ผิดหรือถูกกฎหมาย วิญญูชนในสังคมไทยแสดงความห่วงใยว่าถ้าหากปัญญาชนในสังคมไทยยังไม่สามารถแยกแยะสิ่งพื้นฐานของความถูกและผิด ความดีและความเลวได้แล้ว นั่นย่อมแสดงว่าคำว่าปัญญาชนเป็นเพียงคำลวงโลก ซึ่งทำให้หลายคนยิ่งเป็นห่วงว่าระบบการศึกษาขั้นสูงในระดับอุดมศึกษาของไทยไม่สามารถทำให้ผู้ศึกษาเล่าเรียนแยกแยะได้ว่าอะไรคือถูกและอะไรคือผิด ซึ่งนับว่าเป็นความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทยอย่างสิ้นเชิง...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี