ในยามนี้ คนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังด้านสถานะการเงินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) คงทราบดีแล้วว่า การบินไทยวิกฤติสุดๆ วิกฤติจนชนิดที่ว่าอาจจะไปไม่รอด จนหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งลงข่าวว่าการบินไทยอาจมีเงินจ่ายค่าจ้างให้พนักงานแค่เดือนเมษายนปีนี้
การบินไทยขาดทุนมายาวนาน ขาดทุนสะสมมาหลายปี ตัวเลขการขาดทุนทางธุรกิจของปี 2562 อยู่ที่ 12,017 ล้านบาท เมื่อย้อนดูตัวเลขการขาดทุนสะสมของการบินไทยในรอบ 5 ปี (2558-2562) รวม 36,000 ล้านบาท แต่หากรวมตัวเลขการขาดทุนสะสมทั้งหมดของบริษัทจะอยู่ที่ 280,000 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีทุนเหลืออยู่เพียง 30,000 ล้านบาท คนที่รู้เรื่องบัญชีและการเงินรู้ดีว่าบริษัทการบินไทยมีหนี้สินต่อทุนในระดับที่สูงมากๆ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือการบินไทยมีหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อการบินไทยมีหนี้สินมากมายมหาศาลเช่นนี้ จึงทำให้เกิดคำถามว่า แล้วการบินไทยจะมีปัญญาชำระหนี้สินให้หมดสิ้นในศตวรรษไหน
มีคำถามตามมาคือจะมีเจ้าหนี้รายไหนที่ยังยินดีให้การบินไทยกู้ยืมเงินอีกต่อไป ในเมื่อหนี้เก่าก็ยังไม่มีปัญญาชำระ แล้วยังจะมีหน้าร้องขอกู้เงินเพิ่มเติมอีก ขอถามว่าหากคุณเป็นเจ้าหนี้ที่มีลูกหนี้เช่นนี้ คุณจะยอมให้ลูกหนี้ที่ยังใช้หนี้เก่าไม่หมด กู้เงินใหม่เพิ่มเติมได้อีกหรือ หากพูดภาษาทางการเงินก็ต้องบอกว่าการบินไทยมีหนี้สินต่อทุน (D/E) สูงเกินกว่า 12 เท่า เพราะฉะนั้นสถานะการเงินของการบินไทยจึงอยู่ในขั้นวิกฤติ
แล้วเมื่อการบินไทยไม่สามารถหารายได้จากการขายตั๋วเครื่องบินได้ หรือพูดสั้นๆ คือไม่สามารถทำการบินได้ การบินไทยจะหารายได้จากที่ไหนมาหล่อเลี้ยงบริษัท คุณต้องยอมรับความจริงว่า ธุรกิจการบินคือธุรกิจที่ต้องการกระแสเงินสดเพื่อใช้หล่อเลี้ยงบริษัท เมื่อบริษัทไม่มีรายได้มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว การบินไทยจะหายใจต่อไปได้อีกกี่วัน เพราะขนาดการบินไทยยังบินได้ตามปกติ ก็ยังแก้ปัญหาขาดทุนไม่ได้
มีคนบางคนพยายามอ้างว่าการบินไทยคือสายการบินแห่งชาติ รัฐบาลไม่ปล่อยให้ล้มอย่างแน่นอน ถ้าพูดเช่นนี้ก็ต้องถามกลับว่า ก็ในเมื่อสายการบินแห่งชาติขาดทุนจนบักโกรกปีแล้วปีเล่า แล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววจะกำไรเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงและบอร์ดของการบินไทยมาแล้วกี่ชุดก็ตาม แต่การบินไทยก็ยังคงสถานะของบริษัทที่เจ๊งแล้วเจ๊งอีก แล้วจะมีความจำเป็นอันใดที่รัฐบาลจะต้องเอาเงินภาษีอากรของประเทศไปทุ่มให้กับธุรกิจเดี้ยงๆ ที่แก้ปัญหาขาดทุนไม่เคยได้
ล่าสุดมีข่าวจากวงในการบินไทยบอกว่า ผู้บริหารระดับสูง(แต่ทำงานล้มเหลว) ของการบินไทยมีแนวคิดจะว่าจ้างบริษัทชื่อ Accenture มาให้คำปรึกษาเพื่อปรับโครงสร้างของการบินไทย โดยมีการระบุตัวเลขเบื้องต้นว่าอัตราค่าจ้างอยู่ที่ระดับ 100 ล้านบาท โดยจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมบอร์ด เพื่อขออนุมัติ เมื่อได้ข่าวเรื่องนี้ก็ทำให้ประชาคมการบินไทย และคนภายนอกที่ติดตามเรื่องราวของการบินไทยอย่างใกล้ชิดถามว่า นี่ขนาดบริษัทใกล้จะล้มละลายอยู่แล้ว ผู้บริหารการบินไทยยังมีแก่ใจคิดจะโยนเงิน 100 ล้านบาท ออกไปอีกหรือ แล้วที่ผ่านมาๆ มานั้น การบินไทยเคยว่าจ้างบริษัทอื่นๆ มาให้คำปรึกษาแล้วกี่บริษัท แล้วต้องเสียเงินค่าจ้างไปกี่ร้อยล้านบาทแล้วสุดท้ายการบินไทยดีขึ้นมาหรือไม่ ได้กำไรหรือเปล่า
เท่าที่สาธารณชนทราบก็คือการบินไทยเคยจ้างบริษัทชื่อ YATES (ออกเสียงว่า เยท์ส) โดยจ่ายค่าจ้างไป 200-300 ล้านบาทแล้วการบินไทยสามารถพลิกจากขาดทุนให้มีกำไรได้หรือไม่ คำตอบคือก็ไม่เคยมีกำไร เรื่องนี้คงจะตำหนิบริษัทที่ปรึกษาไม่ได้ เพราะเขาให้คำปรึกษาเท่านั้น เขาไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารบริษัทโดยเต็มตัวแต่ที่ต้องตั้งคำถามให้มากก็คือใครอนุมัติให้ว่าจ้าง แล้วเมื่อผู้อนุมัติไม่สามารถแก้ปัญหาขาดทุนให้การบินไทยได้ แล้วเหตุใดผู้อนุมัติจึงไม่รับผิดชอบ แต่สำหรับคนที่รักการบินไทยจริงๆ เขาให้ความเห็นว่า การว่าจ้างที่ปรึกษาไม่สามารถทำให้การบินไทยกลับมามีกำไรได้ถ้าหากผู้บริหารการบินไทยยังไร้ประสิทธิภาพ เพราะผู้บริหารที่ไร้ประสิทธิภาพคือตัวทำลายการบินไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี