ขณะที่ประชาชนคนไทยเดือดร้อนแสนสาหัสจากโรคระบาด COVID-19 ที่ทำให้คนเกือบทั้งประเทศต้องหยุดงาน ขาดรายได้ เกิดความยากลำบาก ไหนจะต้องกักกันตนเอง ไหนจะต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนหาอาหารให้ครอบครัวและลูกไป
รับประทาน
คนไทยใจดีหลายคน รวมทั้งวัดบางแห่งเช่น วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่เปิดการแจกอาหารเพื่อประทังชีวิตให้กับเพื่อนร่วมแผ่นดิน
เป็นโอกาสดีที่วัดและพระจะได้เจริญสติ พิจารณาความเป็นจริงว่าเงินและสมบัติที่สะสมอยู่ในชื่อของวัดและพระ ก็คือเงินออมของชุมชนและของประชาชน
วัดและพระมีรายได้จากศรัทธาของประชาชน ที่เจียดรายได้บริจาคสะสมไว้ที่วัด จึงเป็นเสมือนเงินที่ออมร่วมกันของคนในแต่ละชุมชน
เงินออมเหล่านี้สะสมอยู่ในรูปของศาสนวัตถุ เช่น โบสถ์ วิหาร อาคาร ศาลาที่พักและอื่นๆ อยู่ในรูปของเงินสดที่ฝากไว้ในบัญชีธนาคาร จำนวนรวมกันทั้งประเทศประมาณหลายแสนล้านบาท หากรวมบัญชีส่วนบุคคลในนามของพระด้วยจะมีเงินรวมกันมากกว่านี้มาก
จึงเป็นโอกาสดีที่วัดในพระพุทธศาสนาจะได้แสดงออกในการเป็นองค์กรที่สำคัญอันเป็นที่พึ่งของประชาชนยามวิกฤตการณ์ ครั้งนี้จึงน่าจะเป็นโอกาสให้วัดและพระเกื้อหนุนพึ่งพาซึ่งกันและกันกับชุมชนและประชาชน
ประชาชนจะเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนามากขึ้น อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นเพราะเงินของวัดและของพระ ก็คือเงินบริจาคที่มาจากการอดออมของประชาชน โดยเฉพาะคนระดับล่าง ผู้ที่มีอาชีพต้องสุ่มเสี่ยงภัย หรือเสี่ยงที่จะกระทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรม เช่น โสเภณี คนเดินโพยหวย นักการพนัน โจรและมือปืน ก็ยังบริจาคให้วัดและพระ เพราะหวังจะทำบุญชดเชยความรู้สึกผิด ที่คิดไปเองว่าสามารถลบล้างความบกพร่องของตนได้บางส่วน
จึงขอเสนอแนะให้วัดและพระ ได้โปรดพิจารณานำเงินออมของประชาชนที่ได้บริจาคไว้ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของบัญชีเงินฝากของวัดและของพระ มาดำเนินกิจกรรมร่วมกับญาติโยม กรรมการวัด อุบาสก อุบาสิกา จัดกิจกรรมช่วยเหลือในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งอาจมีรูปแบบและวิธีการแตกต่างกันไปตามสภาพการณ์
วัดขนาดใหญ่ที่ได้สะสมทรัพย์สมบัติ สะสมเงินออมไว้มาก อย่างเช่น วัดพระธรรมกาย วัดโสธรวรารามวรวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร (พระพุทธชินราช) และวัดอื่นๆน่าจะเป็นกำลังสำคัญ เป็นผู้นำในการดำเนินการรวมทั้งโอนเงินออมและทรัพยากรให้แก่วัดขนาดกลาง ขนาดเล็ก ที่ขาดแคลนและกระจายในชุมชนชนบท ได้ดำเนินประโยชน์ในยามที่ประเทศไทยมีภัยในยามนี้
บทบาทของมหาเถรสมาคม
ในฐานะองค์กรบริหารสูงสุดของคณะสงฆ์ ที่มีอำนาจตามกฎหมาย เป็นทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ ควรได้พิจารณาออกข้อบัญญัติ
1. ให้แต่ละวัดสามารถนำรายได้ (เงินออม) ที่สะสมไว้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ใช้ดำเนินกิจการเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน
กิจการดังกล่าวอาจจะดำเนินการเอง ร่วมกับกรรมการวัด อุบาสก อุบาสิกา และคนในชุมชนกำหนดกิจกรรมตามความต้องการและจำเป็นของท้องถิ่นต่างๆ ทั้งนี้จะต้องโปร่งใสตรวจสอบได้
2. แนะนำส่งเสริมให้พระภิกษุนำบัญชีเงินออมในนามของตน ที่ได้รับบริจาคจากประชาชนมาดำเนินการร่วมกับเงินของวัดตามข้อ 1
3. ให้วัดขนาดใหญ่ที่มีเงินสะสมจำนวนมาก เช่น วัดพระธรรมกายและวัดอื่นๆ สามารถกระจายเงิน โอนเงินให้วัดที่ต้องการใช้เงิน เพื่อช่วยเหลือประชาชนในชนบทที่ห่างไกลได้
4. เสริมสร้างความรู้ให้พระภิกษุสามารถเป็นภูมิปัญญาของชุมชนและประชาชนได้ โดยจะต้องให้พระภิกษุรู้จักธรรมชาติของ COVID-19 เพื่อให้ประชาชนป้องกันได้อย่างถูกวิธี ไม่กลัวเกินเหตุ
พระภิกษุจะได้เป็นผู้มีปัญญาและความรู้ สามารถเตือนสติพุทธศาสนิกชนให้รู้จักธรรมชาติ ซึ่งก็คือ รู้จักธรรม รู้จักการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติซึ่งถือเป็นเด็ดขาด และทุกคนต้องรับผลของการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ
คนไทยจะได้อยู่ร่วมกับธรรมชาติ โดยไม่หลงตัว ทำลายและเอาชนะกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ
COVID-19 เชื้อโรคร้ายที่อุบัติขึ้น น่าจะเป็นปริศนาธรรมของพระคุณเจ้าในการพิจารณาเข้าถึงธรรมได้เป็นอย่างดี
5. ส่งเสริมให้พระเป็นที่พึ่งทางใจแก่ประชาชนในยามนี้ เพราะขณะที่ประชาชนเกิดความกลัว ความเครียด จากการกักตนเองอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน ย่อมเกิดปัญหาทางจิตใจแพร่กระจายไปทั่วประเทศในอนาคต
พระจะต้องทำหน้าที่ผู้นำทางจิตใจ ให้คำปรึกษาแก่ผู้ทุกข์ร้อน โดยเป็นผู้รับฟังปัญหา
ที่ดี ให้ผู้มีทุกข์ได้ระบาย เสริมสร้างให้กำลังใจ ให้ความรู้ใหม่และข้อมูลใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกในการดำรงชีวิต เสมือนจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาบำบัด
อนาคตอันใกล้ คนตกงาน คนว่างงาน คนสูญเสียคนรักในครอบครัว คนอดอยาก คนเคียดแค้น ชิงชังผู้บริหารประเทศจะต้องมีมากขึ้นอย่างแน่นอน
6. ในสถานการณ์ที่คนต้องกักตัวอยู่ในบ้านเช่นนี้ หากจะได้มีการฝึกสอนการทำวิปัสสนาสมาธิ ในรูปแบบอานาปานสติหรือวิธีอื่นทางไกล โดยมีการกำหนดเวลาดำเนินการที่ชัดเจน ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อนำการปฏิบัติก็น่าจะเป็นประโยชน์ เพราะในยามนี้คนไทยมีเวลามากขึ้น
อภิวัฒน์กิจการพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
การระบาดของโรคร้าย COVID-19 สร้างความเสียหายกับประชาชนคนไทย เดือดร้อนกันทั่วหน้า ถือเป็นวิกฤติของชาติที่องค์กรคณะสงฆ์ วัด และพระสงฆ์จะได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส สร้างความสัมพันธ์ช่วยเหลือเกื้อกูลกับชุมชนและประชาชน
โดยแสดงตนให้เห็นว่า ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้รับอย่างเดียว แต่เป็นผู้ให้ด้วย คืนเงินออมของชุมชนที่ได้ร่วมกันบริจาคสะสมไว้กับวัดและพระ วัดและพระจะเป็นองค์กรสำคัญที่ร่วมช่วยให้สังคมปลอดภัยจากความเดือดร้อนแสนสาหัสในครั้งนี้
เร่งพัฒนาให้พระเป็นผู้รู้ทันธรรมชาติของเชื้อโรค จะได้ให้สติและปัญญาแก่ประชาชนสามารถป้องกันและต่อสู้ทางจิตใจจากความกลัว ความเครียด ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
ขอกราบนมัสการ เสนอมหาเถรสมาคม และพระคุณเจ้า
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี