ช่วงนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุม รัฐสภาหยุดพักทำการ ในขณะเดียวกันก็มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โอนอำนาจบริหารราชการต่างๆ มาไว้ที่ตัวนายกรัฐมนตรี เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 และกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าและความมั่นคงของชีวิตประชาชนพลเมือง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่จำเป็นพอเข้าใจกันได้
แม้จะเป็นการใช้อำนาจในสภาวะฉุกเฉิน แต่ก็ต้องมีการตรวจตรา และตรวจสอบ มีการติชม และวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์ (ConstructiveCriticism) ไปจนถึงการเสนอแนะทางเลือกและวิถีทางที่จะต่อสู้กับประเด็นปัญหาเฉพาะหน้านี้ เพื่อให้การใช้อำนาจนั้นมีกรอบ มีความพอดีเหมาะสมกับเหตุการณ์ ไม่เลยเถิด และไม่เปิดโอกาสให้มีการใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือไปละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนพลเมืองเกินความจำเป็น ตามหลัก การคานอำนาจและถ่วงดุล ในระบอบประชาธิปไตย
ซึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ออกมาประกาศว่า จะให้ความร่วมมือกับฝ่ายรัฐบาล ซึ่งมีนัยว่าจะให้ความร่วมมือแบบสร้างสรรค์ แต่น่าเสียดายที่ผู้นำฝ่ายค้านมิได้แจงว่าจะให้ความร่วมมือในเรื่องอะไรบ้าง และอย่างไร
ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ก็อยากขอให้ผู้นำฝ่ายค้านได้ช่วยขยายความ บอกกล่าวกับสาธารณชนอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ได้ตกลงกับเพื่อนร่วมงาน (Colleagues) ไม่ว่าจะมีตำแหน่ง หรือไม่มีตำแหน่งในสภา ให้มีการยุติการออกมาพูดจาในทำนองเอาดีเข้าตัว ฉวยโอกาสหาคะแนนนิยม ดูถูกดูแคลน หรือประเมินค่าผู้อื่นอย่างต่ำต้อย ส่วนเรื่องจะบริจาคเงิน หรือสิ่งของส่วนตัวก็ไม่ต้องพยายามให้เป็นข่าว ช่วยดูตัวอย่างประชาชนพลเมืองไทยทั่วไป ที่เขาปิดทองหลังพระ ให้ความช่วยเหลือแพทย์ พยาบาล กันมากมายหลายเรื่องแบบไม่ต้องป่าวประกาศ ซึ่งสื่อต่างๆ ก็ต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อให้กับนักการเมืองน้ำเน่าเหล่านี้ นอกจากนั้นยังจะได้นำเวลาไปเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์แก่สังคมในการสู้กับไวรัสโควิด-19
ในภาพกว้าง ฝ่ายค้านนั้นยังต้องมีหน้าที่ตรวจหา ตรวจสอบ การดำเนินการของฝ่ายรัฐบาลอยู่ จะอ้างว่าสภาปิดสมัยประชุม หรือมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามการชุมนุม และการเคลื่อนไหวสัญจรไป-มาไม่ได้ เมื่อเป็นฝ่ายค้านที่คิดจะรับใช้สังคม ก็ต้องทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ เพื่อจักได้เป็นสื่อกลางในการสื่อสารผลงาน หรือข้อบกพร่องของฝ่ายรัฐบาลให้กับประชาชนในพื้นที่ของตน นโยบาย มาตรการ และกฎเกณฑ์ใดๆ ของฝ่ายรัฐบาล หากไม่ครอบคลุม มีช่องโหว่ฝ่ายค้านก็ควรเสนอแนะเพิ่มเติม การใดที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือการดำเนินชีวิตประจำวัน ฝ่ายค้านก็สามารถเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนพลเมืองได้ ช่วยประชาชนเจรจากับรัฐบาล เพื่อหาช่องทางที่ยืดหยุ่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อการโจมตีรัฐบาล หรือหาคะแนนเสียง
ก็ขอเสนอเป็นการบ้านต่อผู้นำฝ่ายค้าน ดังนี้
1.ขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญ หรือฉุกเฉิน
2.ในการประชุมนี้ ให้ยกเว้นกฎเกณฑ์ว่าด้วยองค์ประชุมขั้นต่ำ
3.ให้องค์ประชุมประกอบด้วย ตัวแทนพรรคการเมืองพรรคละ 1-5 คน (สส.) เพื่อกระจายที่นั่งในสภา และการอภิปรายก็ให้น้อยคนต่อพรรค โดยให้กระชับ สั้น ตรงประเด็น โดยที่สมาชิกอื่นๆ ก็จะสามารถติดตามการประชุมผ่านระบบออนไลน์ได้
4.ฝ่ายค้านสามารถมีถ้อยแถลง ติชมอย่างสร้างสรรค์ และมีข้อเสนอทางออกทางเลือก ในประเด็นสำคัญๆ เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่ฝ่ายรัฐบาลได้ออกมา ทั้งในเรื่อง
4.1 การควบคุมการเคลื่อนไหวของประชาชนพลเมือง
4.2 การปฏิบัติของฝ่ายข้าราชการด้วยความมั่นคง
4.3 บทบาทของผู้ว่าราชการจังหวัด
4.4 บทบาทของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงและปลัดกระทรวง ที่เป็นหัวเรือใหญ่ในเรื่องการต่อสู้กับโควิด-19
4.5 บทบาทของศูนย์ประสานโควิด-19
4.6 การใช้จ่ายงบประมาณรัฐ และงบธนาคารรัฐ และการกู้เงินของธนาคารแห่งประเทศไทย
4.7 การสอดส่องดูแลการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก เพราะมีความน่ากังวลคือ ประชาชนพลเมือง วิพากษ์วิจารณ์อะไรก็จะเหมาว่า เป็นข่าวลือข่าวเท็จ ข่าวบ่อนทำลาย เป็นต้น
ในวิกฤตินี้ ผู้ที่อยู่ในฐานะฝ่ายค้าน จะต้องทำหน้าที่อย่างฉับไว ขะมักเขม้น และสร้างสรรค์ เพื่อช่วยเหลือกัน ให้สังคมฝ่าฟันปัญหาไปได้อย่างราบรื่นที่สุด
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี