ประเทศไทยเป็นประเทศในกลุ่มที่เรียกว่ากลุ่ม Middle Powers โดยมีรายได้ประชาชาติ หรือ GNP ในปี 2562 ที่ผ่านมาประมาณ 1.35 ทริลเลี่ยนดอลลาร์สหรัฐ เป็นอันดับ 2 รองจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียในกลุ่มอาเซียน ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาในการต่อสู้กับโรคไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับอีก 210 ประเทศทั่วโลก ถึงแม้ไทยจะไม่อยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศ Super Powers เหมือนสหรัฐอเมริกา, จีน, รัสเซีย, ฝรั่งเศส,สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น หรือสหพันธรัฐเยอรมนี ก็จริงแต่ไทยก็เป็นประเทศที่มีศักยภาพมากพอในการก้าวขึ้นไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในเวลาอีกไม่นานนัก
สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลไทยได้ใช้มาตรการต่อสู้กับการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 โดยการให้ประชาชนส่วนใหญ่ปฏิบัติงานที่บ้านที่เรียกว่า Work At Home หรือ Work from Home ตามระบบ Social Distancing เพื่อลดความเสี่ยง
ในการติดโรคทำให้ค่าไฟฟ้าตามบ้านพักอาศัยของประชาชนคนชั้นกลางทั่วประเทศเขยิบเพิ่มสูงมากกว่า 2 ถึง 3 เท่า เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อนที่อากาศอบอ้าวคนต้องใช้เครื่องปรับอากาสทั้งวัน
ทำให้มีเสียงเรียกร้องมาจากประชาชนทั่วประเทศและจากนักการเมืองทั้งสมาชิกวุฒิสภา, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าของประชาชนจนในที่สุดคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่21 เมษายนที่ผ่านมา ให้มีมาตรการลดภาระค่าใช้ไฟฟ้าของประชาชน ผลจากการที่ค่าไฟฟ้าแพงทำให้มีเสียงเรียกร้องมายังรัฐบาลให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตและการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของไทยเสียใหม่เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้ไฟฟ้าในราคาที่ถูกลง
นั่นก็คือถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องยินยอมให้ภาคเอกชนได้มีสิทธิในการผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองและสามารถผลิตไฟฟ้าออกจำหน่ายแข่งขันกับรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าของรัฐบาลทั้ง 3 แห่ง เช่นเดียวกับนานาประเทศ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีพระราชบัญญัติให้การไฟฟ้า 3 แห่งผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเท่านั้น เสียงเรียกร้องนี้ให้เหตุผลว่ารัฐบาลเลิกผูกขาดเรื่องไฟฟ้าและน้ำประปาได้แล้วจะเห็นว่า ขณะนี้การบริการด้านการบิน, โทรศัพท์และการไปรษณีย์ขนส่งพัสดุ เมื่อให้เอกชนมาร่วมบริการทำให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น
รัฐวิสาหกิจด้านการไฟฟ้าของประเทศไทยทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขึ้นกับกระทรวงพลังงาน ในขณะที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย มีตัวเลขระบุว่า การไฟฟ้าที่เป็นรัฐวิสาหกิจผูกขาดทั้ง 3 รายล้วนมีรายได้และกำไรมากมาย ในปี 2562 ที่ผ่านมานั้น 3 รัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้าได้นำกำไรเป็นรายได้ส่งให้รัฐบาลรวม 35,327 ล้านบาท เป็นของ กฟผ. จำนวน 18,924 ล้านบาท กฟภ. จำนวน 10,903 ล้านบาท และกฟน. 5,500 ล้านบาท
เมื่อวิเคราะห์ลงไปถึงรายได้และกำไรของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง มีดังนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีรายได้ในปี 2562 ตามปีปฏิทินสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2562 จำนวน 560,446.1 ล้านบาท กำไรก่อนหักภาษี 52,514.3 ล้านบาท เสียภาษี ให้รัฐบาล 955 ล้านบาท กำไรสุทธิ 51,558.8 ล้านบาท นำกำไรส่งให้รัฐบาลไปร้อยละ 36.7 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีรายได้ในปีงบประมาณ2562 สิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2562 จำนวน 395,428 ล้านบาท มีกำไรหลังหักภาษี เงินได้จำนวน 15,494.1 ล้านบาท นำกำไรส่งให้รัฐบาลร้อยละ 70
ส่วนการไฟฟ้านครหลวงนั้นในปีงบประมาณ 2562 สิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2562 มีรายได้รวม 157,085 ล้านบาท มีกำไรสุทธิหลังหักภาษีจำนวน 8,405.7 ล้านบาท นำกำไรส่งให้แก่รัฐบาลร้อยละ 65
จากตัวเลขเหล่านี้พบว่า 3 การไฟฟ้ามีสินทรัพย์รวม 1,020,448,417,067 บาท เป็นสินทรัพย์หมุนเวียน 196,367,629,341 บาท โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 84,420,506,095 บาท ส่วนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 824,080,787,726 บาท ส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ตามสัญญาเช่าการเงิน-โรงไฟฟ้า 283,556,369,727 บาทที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 307,944,449,064บาท งานระหว่างก่อสร้าง 102,759,184,631บาท สรุปการไฟฟ้าทั้งหมดมีสินทรัพย์ร้อยละ 5.67 ของรายได้ประชาชาติ
ปัจจุบัน กฟผ.ผลิตไฟฟ้าได้ 15,789 เมกะวัตต์ และซื้อไฟฟ้าจากบริษัทเอกชนอีกในจำนวนที่เท่าๆ กันประมาณ 15,000 เมกะวัตต์ ถ้าหากรัฐบาลมีนโยบายใหม่ให้เอกชนผลิตไฟฟ้าได้เองแล้วจำหน่ายได้เองเป็นตลาดเสรีแบบต่างประเทศเชื่อว่าผู้บริโภคจะได้ใช้ไฟฟ้าในราคาที่ต่ำลงเหมือนในต่างประเทศ จะมีความเป็นไปได้หรือไม่อยู่ที่พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนนตรี พลเอกอนุพงษ์เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี