การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สายการบินจีนติดต่อขอกลับมาบินเข้าประเทศไทยในเดือนพฤษภาคมนี้ ขึ้นอยู่กับว่าไทยจะพร้อมรับนักท่องเที่ยวหรือไม่
ขอช่วยตอบว่า ไม่น่าจะพร้อม และไม่ควรรีบร้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ เพราะไหนๆ COVID-19 ได้ทำให้
คนไทยต้องหยุดอยู่บ้าน นักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดกลับบ้านกลับประเทศของเขา ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมของเรา ทั้งทะเล ท้องฟ้า ป่าเขา อากาศ ได้ฟื้นฟูงดงามขึ้นมาอย่างมาก
เราควรจะตั้งหลักใช้ระยะเวลาอย่างน้อยอีก 1 ปี และอาจจะยาวถึงปลายปี 2564 ที่ผู้คนจะยังเดินทางระหว่างประเทศไม่ได้ ในช่วงเวลาดังกล่าวการวางแผนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจึงเป็นของสำคัญ ทั้งนี้เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่จะมาในอนาคต มาร่วมอยู่ ร่วมกิน ร่วมเรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และร่วมใช้ทรัพยากรของเราอย่างทะนุถนอมยั่งยืน
ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. ก่อนเกิดเหตุโรคระบาดจนต้องปิดประเทศ เรามีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปีสุดท้ายถึง 39.7 ล้านคน ขณะที่ประเทศไทยมีประชากร 60 ล้านคนเศษ
2. นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนมีหลากหลายคุณภาพ ทั้งที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ มาเดี่ยว หรือมาเป็นครอบครัว ส่วนหนึ่ง
มาเพื่อได้พักผ่อนชื่นชมธรรมชาติอันงดงามที่โลกมอบให้ประเทศไทย ชื่นชมขนบธรรมเนียมประเพณี ความมีน้ำใจของคนไทย รวมทั้งบริการด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพของการต้อนรับ
ขณะเดียวกันก็มีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอยู่กิน มาเที่ยวผู้หญิง มาเสพยา มาแอบแฝงทำธุรกิจ มาตั้งแก๊งฉ้อโกง หลอกลวงค้ายา ค้ามนุษย์ มาทำลายทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางทะเลและป่าเขา
3. ขณะนี้ประเทศไทยจำต้องปิดประเทศ ธรรมชาติอันงดงาม ทั้งท้องฟ้า ทะเล ป่าเขา ฟื้นฟูกลับขึ้นมา ขณะที่รายได้ของการท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก โรงแรม ร้านอาหาร รถรับส่งนักท่องเที่ยว และผู้ให้บริการทั่วไปต้องเดือดร้อน ปรับเปลี่ยนอาชีพหารายได้ใหม่
4. การเดินทางระหว่างประเทศด้วยเครื่องบิน คงจะหยุดชะงักนับจากวันนี้ไปอย่างน้อยอีก 1 ปี และอาจจะหยุดไปถึงปลายปี 2564
เพราะตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน COVID-19 ประเทศทั้งหลายก็ไม่มั่นใจที่จะเปิดรับคนต่างชาติอื่น การเดินทางระหว่างประเทศจำต้องได้รับความมั่นใจและเปิดประเทศพร้อมกันหลายประเทศ
ขณะนี้ประเทศนิวซีแลนด์อ้างว่ามีผู้ติดเชื้อ COVID-19 เป็นศูนย์ คือ ไม่มีผู้ติดเชื้อแล้ว แต่ก็ยังห้ามไม่ให้มีการบินระหว่างประเทศ เพราะเกรงคนต่างชาติจะนำเชื้อ COVID-19 เข้ามาในประเทศ
12 เดือน ถึง 18 เดือน คือ ตัวเลขที่นักวิทยาศาสตร์การแพทย์คาดการณ์ว่าจะค้นพบวัคซีน และหลังจากนั้นก็ยังมีปัญหาอีกว่า ประเทศใดจะได้ใช้วัคซีนที่ผลิตได้ก่อน และใครในประเทศจะได้ใช้วัคซีนก่อนกัน ยิ่งกว่านั้นเมื่อไรคนในประเทศต่างๆ จะได้วัคซีนในจำนวนที่มากพอที่จะมีภูมิคุ้มกัน จนมั่นใจว่าโรคระบาดจะสะดุดหยุดลง ทั้งหมดนี้
อาจบรรลุผลในปลายปี 2564
5. สายการบินต่างๆ คงจำต้องปิดตัวกันไปมากพอสมควร เพราะได้ลงทุนซื้อเครื่องบินซึ่งมีมูลค่าสูงแต่ไม่ได้ใช้งานและไม่มีรายรับ เมื่อเปิดทำการบินใหม่อีกครั้งคงจะต้องจัดระบบความปลอดภัยด้านการติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มเติมมากขึ้น
จะต้องจัดที่นั่งเว้นระยะห่างกันมากขึ้น เครื่องบินลำหนึ่งอาจจะรับผู้โดยสารเหลือเพียง 40 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนผู้โดยสารเดิม ราคาค่าตั๋วเดินทางก็จะแพงมากขึ้น
6. รายได้ของคนทั้งโลกน่าจะตกต่ำลง ซึ่งส่งผลให้การเดินทางระหว่างประเทศมีจำนวนน้อยลง การเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวระหว่างประเทศย่อมน้อยลงอย่างแน่นอน
7. ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยจึงมีเวลาได้หยุดเพื่อปรับตัว ปรับกลยุทธ์ในการรับนักท่องเที่ยวใหม่ในเวลาอย่างน้อย 1 ปี หรือมากกว่านั้น
แม้บางคนใฝ่ฝันจะเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่คิดว่าโรคระบาดไม่เลวร้ายมากนัก
ขณะนี้ก็ยังคงไม่มั่นใจในสถานการณ์และคิดว่าคนเดินทางก็จะไม่มากอย่างที่คาดคิด
8. ประเทศไทยโดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ควรจะได้ใช้โอกาส 1 ปีเศษ กำหนดยุทธศาสตร์ กำหนดเป้าหมายและมาตรการเพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวที่พึงปรารถนา
1) กำหนดนักท่องเที่ยวเป้าหมายให้ชัดว่า ต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีคุณภาพ หวังจะมาเรียนรู้ทำความรู้จักกับธรรมชาติของไทย วัฒนธรรมของไทย ผู้คน อาหารไทย ได้พักผ่อนในธรรมชาติโดยไม่ทำลายธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และนักท่องเที่ยวจะเป็นผู้นำความรู้วัฒนธรรมของสังคมของเขามาแลกเปลี่ยนกับเจ้าของบ้าน และเมื่อกลับไปเขาก็จะนำไป
เผยแพร่บอกต่อถึงความดีความงดงามของไทย
2) มีมาตรการให้คนไทยได้ร่วมกำหนดกลุ่มเป้าหมายของนักท่องเที่ยวที่พึงปรารถนา เพื่อแก้ไขทัศนคติในอดีตที่หวังจะหาเงินจากนักท่องเที่ยวอย่างเดียว ด้วยวิธีต่างๆ ทั้งหลอกลวงด้วยเล่ห์เพทุบายจะได้ลดลงและหมดไปในที่สุด
ทั้งนี้ เพื่อให้คิดถึงประโยชน์ระยะยาวและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
3) ออกมาตรการกีดกันนักท่องเที่ยวที่ไม่พึงประสงค์ ด้วยการกำหนดให้ทุกคนต้องทำวีซ่าเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศ จะได้มีโอกาสเลือกคุณสมบัติของผู้จะมาเยือน และจะต้องเก็บค่าธรรมเนียมการขอทำวีซ่าในอัตราที่สูง ดังเช่น ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา หรือยุโรป คิดค่าธรรมเนียมการขอทำวีซ่าครั้งละ 5,000 ถึง 13,000 บาทต่อคน (แล้วแต่ชนิด
ของวีซ่า)
ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าพร้อมกรอกคุณสมบัติในคำขอนี้ หากไม่รับวีซ่าจะไม่คืนค่าธรรมเนียมให้ ทั้งนี้เพื่อเป็นต้นทุนของผู้จะขอวีซ่าจะต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติตัวเองว่าสอดคล้องเหมาะสมที่จะได้รับวีซ่าหรือไม่ จึงเป็นการกีดกันคนที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมมาขอวีซ่า
4) จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่เปราะบางอ่อนไหวต่อผลกระทบธรรมชาติสิ่งแวดล้อมได้ พร้อมทั้งเก็บค่าเยี่ยมชมใช้งานตามสมควรโดยไม่เลือกปฏิบัติระหว่างคนไทยและคนต่างชาติ
ขณะเดียวกันนำรายได้ดังกล่าวมาพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องน้ำและอื่นๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้น
5) เสนอให้นักท่องเที่ยวได้รับ WiFi ติดตัว (Pocket WiFi) โดยไม่คิดมูลค่านับแต่เดินทางถึงสนามบินหรือถึงพรมแดนของไทย แต่ต้องกำหนดเงื่อนไขให้นักท่องเที่ยวต้องเปิด Pocket WiFi ตลอดเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย และนำมาส่งคืนเมื่อเวลาจะออกจากประเทศไทย
นักท่องเที่ยวต่างชาติจะได้ใช้ WiFi ฟรี แต่เราก็จะได้ข้อมูลการเดินทางว่าเขาชอบไปที่ไหน อยู่แต่ละแห่งนานเท่าไร หากเกิดอุบัติเหตุก็สามารถช่วยเหลือได้
6) จัดโปรแกรมแนะนำนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัว หรือท่องเที่ยวด้วยตนเองว่าหากจะพักอยู่กี่วันควรมีเส้นทางไปเยี่ยมชมเรียนรู้อะไรบ้าง เพื่อช่วยให้นักท่องเที่ยวคุณภาพได้เลือกเดินทางท่องเที่ยวอย่างเหมาะสม และจะได้เรียนรู้
แลกเปลี่ยนกับคนไทยทั่วไป
การที่นักท่องเที่ยวมาเป็นกรุ๊ปทัวร์มีคนจำนวนมาก มักจะมีโอกาสได้พบคนท้องถิ่นน้อย ส่วนมากจะได้ข้อมูลจากไกด์และพูดคุยกันเอง เราก็จะได้แต่เงินจากการซื้อของซื้ออาหาร แต่ไม่ได้ความรู้ความคิดแลกเปลี่ยนเรียนรู้
7) ส่งเสริมให้มีโปรแกรมทัวร์ เยี่ยมชมเรียนรู้การเกษตร ประมง อาหารไทย โดยแนะนำที่พักในชุมชนชนบทอย่าง
เหมาะสมและปลอดภัย
8) ขณะนี้ประเทศต่างๆ มีโครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุจำนวนมาก ซึ่งผู้สูงอายุเหล่านี้ส่วนมากมีเงินออม มีกำลังซื้อ ต้องการมาประเทศไทยซึ่งมีชื่อเสียงที่ดีในด้านระบบบริการสาธารณสุข อาหารไทย และการบริการทั่วไปของไทย
หากประเทศของเราจะได้ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุที่ใช้ไม้เท้า รถคนช่วยเข็น (Wheelchair) ปรับพื้นต่างระดับให้เป็นทางลาด มีราวจับในห้องน้ำและบันได เป็นต้น ประเทศของเราจะเป็นที่สนใจของผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ มีอำนาจซื้อที่จะมาท่องเที่ยวชั่วคราวหรือจะอยู่ระยะยาว เพราะนอกจากคนไทยยิ้มแย้ม มีอัธยาศัยดี เคารพผู้สูงอายุ มีระบบบริการทางสาธารณสุขและอื่นๆ น่าประทับใจอยู่แล้ว หากปรับสภาพแวดล้อม ทั้งสถานที่พัก สภาพการเดินทาง และอาคารสถานที่สาธารณะให้เหมาะสม ก็จะสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
9) หากเราจะได้เตรียมบุคลากรที่มีความสามารถในการจัดการรองรับผู้สูงอายุ และเตรียมพร้อมการดูแลผู้สูงอายุอย่างเข้าใจ
อนาคตสังคมไทยก็กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ที่อีก 10 ปีเศษจะมีผู้สูงอายุมากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ หรือประมาณ 20 ล้านคน (ผู้สูงอายุในเวลานั้น คือคนวัย 40-60 ปีในปัจจุบัน) การเตรียมระบบรองรับการท่องเที่ยวในมิตินี้ก็จะเป็นการช่วยรองรับสังคมสูงวัยของไทยด้วย
รัฐบาล โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องไม่รีบร้อนดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ได้แต่จำนวน แต่ปะปนด้วย
ผู้ไร้คุณภาพ ใช้ช่วงเวลาปัจจุบันที่ปลอดนักท่องเที่ยวกำหนดยุทธศาสตร์เป้าหมาย เพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวคุณภาพร่วมกับคนไทยในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ให้เป็นการท่องเที่ยวแลกเปลี่ยน เรียนรู้ อย่างยั่งยืน
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี