สำหรับ “ประเทศไทย” ที่ถูกเรียกกันว่าเป็น “เมืองพุทธ” ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ “ศีล 5” เป็นสิ่งที่คุ้นเคยเพราะท่องจำกันมาตั้งแต่เด็ก หนึ่งในนั้นคือ“สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกขาปทัง สมาทิยามิ : เว้นจากการดื่มน้ำเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท” แต่ความเป็นจริงในสังคมนั้นเป็นคนละเรื่อง ดังสิ่งที่ปรากฏในวันที่ 3 พ.ค. 2563 เมื่อรัฐบาลผ่อนคลาย “ล็อกดาวน์ (Lockdown)” ให้กิจการบางประเภทกลับมาเปิดทำการ หลังปิดยาวนานนับเดือนเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19
ในวันดังกล่าวยังเป็น “วันแรกที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลับมาขายอีกครั้ง” หลังถูกห้ามขายทั่วประเทศมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เม.ย. 2563 จึงมีภาพผู้คนหลั่งไหลไปแออัดกันตามซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าบ้าง ห้างค้าปลีกบ้าง “น้ำเมาทั้งเหล้าและเบียร์ถูกผู้คนขนออกไปเป็นลังๆ ราวกับแจกฟรี” ถูกตีแผ่เป็นข่าวทั้งในสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ ด้านหนึ่งมีผู้อธิบายว่าคงเป็นเจ้าของร้านค้าปลีกในชุมชนที่มาซื้อไปตุนไว้ขายแต่อีกด้านก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า หากไม่มีความต้องการดื่ม ร้านค้ารายย่อยก็ไม่น่าจะมาลงทุนซื้อไปมากขนาดนี้
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้จุดกระแส “วิวาทะ” ในสังคมไทยเกี่ยวกับ “มุมมองต่อน้ำเมา” ขึ้นมาอีกครั้งระหว่าง “ฝ่ายที่มองว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัญหา” ส่งผลกระทบทั้งต่อผู้ดื่มและสังคม อาทิ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ออกโรง
“หนุนเต็มสูบ” กับการงดขายน้ำเมา ไล่ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 2563 ให้ความเห็นว่า แม้ในปี 2563 จะยกเลิกวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่คนที่อยู่ตามชุมชนต่างๆ อาจตั้งวงดื่มแล้วออกไปขับขี่ยานพาหนะจนเกิดอุบัติเหตุได้
29 เม.ย. 2563 นพ.แท้จริงแสดงความเป็นห่วงกรณีรัฐบาลอาจให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้หลัง วันที่ 30 เม.ย. 2563 ซึ่งครบกำหนดประกาศห้ามขายของทุกจังหวัด เพราะ 1.การดื่มนั้นมักต้องรวมกลุ่มซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงให้ไวรัสโควิด-19 ระบาดมากขึ้น2.การดื่มยังทำให้ร่างกายอ่อนแอลง มีโอกาสป่วยได้ง่ายขึ้น และ 3.การงดดื่มลดอุบัติเหตุได้จริง โดย28 วันแรกของเดือน เม.ย. 2562 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 1,038 ราย ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 มีผู้เสียชีวิตลดลงมาอยู่ที่ 673 ราย หรือลดลงมากถึง 365 ราย หรือราว 1 ใน 3
ล่าสุดในช่วงต้นเดือน พ.ค. 2563 นพ.แท้จริง ได้ให้ความเห็นอีกครั้งหลังแน่ชัดแล้วว่ารัฐบาลไฟเขียวให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 2563 ว่า“การให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ควรเป็นเรื่องสุดท้ายที่นึกถึง” เพราะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต่อชีวิต ไม่ดื่มก็ไม่ตาย แต่การปล่อยให้ขายได้แล้วหากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ท้ายที่สุดจะมีผู้เดือดร้อนเป็นวงกว้างเพราะสถานที่อื่นๆ ที่กลับมาเปิดได้อาจถูกสั่งปิดอีกครั้งเพื่อควบคุมการระบาดของโรค
เช่นเดียวกับ นพ.ดร.มูฮัมมัดฟาห์มี ตาเละ นักวิชาการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ที่กล่าวเมื่อ6 พ.ค. 2563 กรณีการรวมกลุ่มเฉพาะกิจของกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รณรงค์ให้ดื่มที่บ้านไม่ออกไปรวมกลุ่ม ว่า “แม้การดื่มในบ้านจะลดความเสี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ไม่ลดความเสี่ยงปัญหาความรุนแรงในครอบครัว” เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้นการใช้ความรุนแรง เมื่อประกอบกับรายงานของนานาประเทศ ว่าในช่วงมีมาตรการล็อกดาวน์ สถิติความรุนแรงในบ้านเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 “เลิกดื่มดีที่สุด” ทำให้ทั้งตนเองและคนรอบข้างปลอดภัย
แต่กับ “ฝ่ายที่มองว่าการดื่มเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลหากดื่มแล้วไม่ออกไปก่อปัญหาต่อสังคม” ย่อมคิดต่างออกไป อาทิ บุญถาวร ปัญญามณีโชติ ทนายความชื่อดัง โพสต์คลิปวีดีโอผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อ 5 พ.ค. 2563 ตอนหนึ่งเล่าถึง “ชีวิตของคนงานก่อสร้าง ได้ค่าแรงวันละ 400 บาท หักไว้ซื้อเหล้าขาว 60 บาท ที่เหลืออีก 340 บาท ให้ภรรยาเก็บไว้ และเหล้าขาวที่ซื้อก็นำไปดื่มคนเดียวระหว่างเตรียมพื้นที่นาไว้เพาะปลูก” แล้วตั้งคำถามว่า “ใครมีสิทธิ์ไปก้าวก่ายชีวิตเขาหรือ?” เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามดื่ม ดังนั้นใครจะดื่มหรือไม่ก็เป็นทางเลือกของแต่ละคน
อีกด้านหนึ่ง นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล หัวหน้าแผนกจิตเวช โรงพยาบาลพญาไท 2 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว 2 ครั้ง ในวันที่ 5 พ.ค. 2563 ครั้งแรก อธิบายว่า “เหล้าไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่ช่วยให้สมองไม่จ่อมจม ในภาวะมึนเมา เคลิบเคลิ้ม คลื่นสมองจะลดความถี่ลง จาก Beta (เครียด ฟุ้งซ่าน) มาเป็น Alpha (ผ่อนคลาย) และ Theta (สะลึมสะลือ) แล้วก็
Delta (หลับสนิท)
ในช่วงภวังคจิต จิตรู้สำนึกอ่อนกำลังลง เขาปลดปล่อยความเจ็บปวดที่ซ่อนตัวในจิตใต้สำนึก คนเมาจะระเบิดน้ำตาแห่งความร้าวรานใจโดยไม่อาย ร้องไห้เดียวดายซึ่งในสภาพจิตที่มีสติเขายิ้มกลบเกลื่อน” และครั้งที่ 2 กล่าวเสริมว่า “ไม่ได้ส่งเสริมให้คนดื่มสุรา แต่อยากให้เข้าใจความรู้สึกของเขา เหมือนผมไม่มีรถ ไม่ส่งเสริมให้คนซื้อรถ แต่ก็เข้าใจความจำเป็นของคนที่มีรถ” เพราะเมื่อเข้าใจกันก็จะไม่ดูถูกดูหมิ่นกัน
นพ.สุกมลยังแนบบทความจากเพจ “นักยุทธศาสตร์ - The Strategist” ที่เผยแพร่เมื่อ 4 พ.ค. 2563 โดยเพจดังกล่าวตั้งคำถาม “ทำไมคนจนถึงชอบกินเหล้า?” แล้วอธิบายว่า “เหล้าเป็นความสุขราคาถูกของชนชั้นรากหญ้า” ในขณะที่ชนชั้นกลางมีรายได้มากพอที่จะผ่อนคลายความเครียดด้วยการกินบุฟเฟ่ต์ราคาแพงๆ ช็อปปิ้งในห้างหรูๆ ชนชั้นรากหญ้านั้นทำงานได้ค่าแรงน้อยนิด มีชีวิตด้วยค่าจ้างล่วงเวลา (OT) น้ำเมาจึงเป็นช่องทางที่คนกลุ่มนี้มีกำลังเข้าถึงได้ ซึ่งคนทำเพจก็ย้ำเช่นกันว่าไม่ได้สนับสนุนให้ดื่ม แต่อยากให้เข้าใจอีกมุมหนึ่งเท่านั้น
ข้อสังเกตของเพจข้างต้นสอดคล้องกับที่ “นสพ.แนวหน้า” เคยนำเสนอไปแล้ว (“สุขเล็กๆ” ในสังคมเหลื่อมล้ำ “เหล้า-พนัน” วิถีชนชั้นแรงงาน : สกู๊ปหน้า 5 ฉบับวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ค. 2561) ว่าด้วยเรื่องเล่าจาก ผศ.ดร.ธนิต โตอดิเทพย์ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ที่เข้าไปคลุกคลีกับผู้ใช้แรงงาน แล้วพบว่า เหล้าและการพนัน (หวยทั้งใต้ดินและสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมถึงการพนัน ผลการแข่งขันฟุตบอล) เป็นการสร้างพื้นที่ของคนกลุ่มนี้ เพื่อผ่อนคลายตนเองจากแรงกดดันต่างๆ ในการทำงานและการใช้ชีวิตที่ไร้ปากเสียงในสังคม
สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” ขอนำมุมมองต่างๆ ที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาบอกเล่ากับท่านผู้อ่าน ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้คงเป็นวิวาทะไปอีกนาน แต่ถึงกระนั้นก็ต้องย้ำด้วยว่า “กฎหมายให้ขายได้ ให้ดื่มได้ แต่ห้ามรวมกลุ่มมั่วสุม” ในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรับมือไวรัสโควิด-19 นี้!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี