ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดทั่วโลกและในประเทศไทยนั้นมีผู้นำศาสนาอิสลามทางภาคใต้ของประเทศไทยท่านหนึ่งได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้กับพี่น้องมุสลิมในพื้นที่และมีผู้นำคลิปมาเผยแพร่ให้ได้ทราบกันโดยทั่วไป
ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา เพราะในคลิปดังกล่าวนั้นมีการอ้างว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างไวรัสโควิด-19 นี้ เพื่อพิสูจน์และจัดระบบต่างๆ ของมนุษย์
ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าย่อมมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและผู้ที่ไม่เห็นด้วยและต่างก็ยกเหตุผลมากมายหลายประการตามความคิดความเชื่อของตน เพื่อสนับสนุนความเชื่อของตน ซึ่งบางความเชื่อก็ไปพ้องกับคำกล่าวนั้น บางความเชื่อก็แย้งกับคำกล่าวนั้น
ก็เป็นธรรมดาของการออกความคิดความเห็นที่ย่อมต้องมีผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเสมอ แม้คำสอนในศาสนาต่างๆ ก็มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จะยกเว้นบ้างก็เฉพาะศาสนาพุทธเท่านั้นเพราะไม่ค่อยมีปรากฏผู้แย้งความเห็น และถึงแย้งไปก็พิสูจน์หักล้างไม่ได้ ยิ่งพิสูจน์ก็ยิ่งสมจริงตามคำสอนนั้นๆ
สมแล้วกับที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า พระธรรมที่ทรงแสดงนั้นไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา มีความถูกต้องเป็นจริงอยู่ในทุกกาลไม่ว่าในกาลไหนๆ
แต่ไม่ว่าประการใดก็ตาม การออกความคิดความเห็นนั้นก็ควรต้องเคารพซึ่งกันและกัน อย่าให้ถึงกับเป็นการทะเลาะเบาะแว้งกัน และเรื่องไวรัสโควิด-19 นี้เป็นเรื่องที่พระเจ้าสร้างจริงหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ควรจะได้ทำความเข้าใจกันสักครั้งหนึ่ง
ก่อนอื่นก็ต้องกล่าวว่าในบรรดาศาสนาที่เป็นเทวนิยมหรือที่มีพระเจ้าเป็นผู้สร้างนั้นจะยอมรับนับถือว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะมีเรื่องสะกิดใจให้ปรากฏอยู่ด้วยเสมอ นั่นก็คือจะมีการระบุว่าพระเจ้าก็มีศัตรู และศัตรูของพระเจ้าก็ทำลายพระเจ้าและคำสอนของพระเจ้าตลอดเวลา
ศัตรูของพระเจ้านั้นบ้างก็เรียกว่ามาร บ้างก็เรียกว่าซาตาน บ้างก็เรียกว่าซุฟยานี หรือจะเรียกประการใดๆ ก็สุดแท้แต่จะเรียกกันตามชื่อที่ตั้งขึ้น แต่รวมความก็คือมีศัตรูของพระเจ้าอยู่และต่อสู้กับพระเจ้ามาตั้งแต่ครั้งไหนๆก็ไม่มีใครรู้ เพราะคำสอนในศาสนาประเภทเทวนิยมนั้นก็ไม่เคยเอ่ยถึงว่าศัตรูของพระเจ้าได้ต่อสู้กับพระเจ้ามาตั้งแต่ครั้งไหนๆ และจะจบสิ้นลงเมื่อใด
ข้อสำคัญก็คือศัตรูของพระเจ้านั้นมีฤทธิ์มีเดชมากไม่ต่างกับพระเจ้าเลย และศาสนาจำพวกเทวนิยมทั้งหลายนั้นก็จะยอมรับเหมือนกันว่าศัตรูของพระเจ้านั้นได้ทำลายคำสอนและทำลายสาวกหรือคนของพระเจ้าอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต จนกระทั่งพระเจ้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเหลือมนุษย์ที่พระเจ้าสร้างอย่างไร
เรื่องราวก็เป็นมาอย่างนี้ ซึ่งสรุปได้ว่าศาสนาประเภทเทวนิยมทั้งหลายจะมีศัตรูของพระเจ้าอยู่เสมอและมีฤทธิ์เดชไม่ได้ด้อยกว่าพระเจ้า เป็นผู้ทำลายผู้นับถือพระเจ้า ขัดขวางการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระเจ้า และแทบจะไม่ปรากฏว่าพระเจ้าเคยเอาชนะศัตรูของพระเจ้าได้เลย
และอาจสรุปได้เป็นอย่างเดียวกันว่า ทุกศาสนาเทวนิยมนั้นไม่ได้ระบุว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างศัตรูของพระเจ้า
ดังนั้นในปัญหาที่ว่าไวรัสโควิด-19 ที่ล้างผลาญชีวิตของมนุษย์จำนวนมากในโลกปัจจุบันนี้จะเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างมาจริงหรือไม่ก็สุดแท้แต่ความเชื่อ และความคิดเห็นที่จะยกมากล่าวอ้างกัน แต่จะอ้างกันอย่างไรก็ตามทีก็ขอให้นึกถึงผลกระทบต่อศาสนานั้นๆด้วย มิฉะนั้นจะกลายเป็นผู้ทำลายศาสนาเสียเอง
นั่นคือไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาหรือว่าเป็นสิ่งที่ศัตรูของพระเจ้าสร้างขึ้นมากันแน่
ถ้าเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาก็ย่อมมีผู้กล่าวหาได้ว่าพระเจ้าช่างโหดร้ายอำมหิตนักหนา เพราะบรรดาผู้ที่เสียชีวิตด้วยไวรัสโควิด-19 นั้น จำนวนมากก็ไม่ได้คนผิดคิดชั่วอะไร และที่สำคัญคือความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างทั่วโลกนั้นกระทบชาวโลกทั้งหลาย ไม่จำแนกว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว
แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ศัตรูของพระเจ้าสร้างขึ้นก็น่าจะเป็นปกติธรรมดาที่ศัตรูของพระเจ้าจะทำเช่นนั้น เพราะศัตรูของพระเจ้าก็ย่อมอยู่ตรงกันข้ามกับพระเจ้า พระเจ้าทรงไว้ซึ่งความเมตตากรุณาปรานีต่อมนุษย์ ศัตรูของพระเจ้าก็มีความโหดร้ายอำมหิตต่อมวลมนุษย์
ก็คิดกันเอง ตัดสินใจกันให้ดีว่าไวรัสโควิด-19 นั้นเป็นผลิตผลที่พระเจ้าสร้างขึ้นหรือศัตรูของพระเจ้าสร้างขึ้นกันแน่ เพราะถ้าหากเป็นสิ่งที่ศัตรูของพระเจ้าสร้างขึ้นแล้วตู่เอามาเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นทำลายมนุษย์เสียเอง การอ้างเช่นนั้นก็ย่อมมีผลกระทบและทำลายศาสนา
ในศาสนาอิสลามนั้นพระอัลเลาะห์เป็นเจ้าไม่ได้จำแนกมนุษย์ว่าเป็นมุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิม แต่จำแนกมนุษย์กันที่การกระทำว่ากระทำความดีหรือกระทำความชั่ว และถือเป็นเส้นแบ่งของความเป็นมนุษย์
ต่อให้เป็นมุสลิมและเคร่งครัดในคำสอนทั้งหลาย กระทำละหมาดวันละ 5 ครั้ง ไปแสวงบุญตามกำหนดทุกครั้ง แต่ถ้าทำผิดทำชั่ว พระองค์ก็จะทรงลงโทษโดยไม่ละเว้น
ในทางตรงกันข้าม ถึงแม้ไม่ใช่มุสลิม ไม่เคยละหมาด ไม่เคยเข้าสุเหร่า ไม่เคยไปเมกกะ แต่ถ้าทำความดีความงามตามที่พระองค์ทรงตรัสสอนแล้ว พระองค์ก็จะทรงตอบแทนความดีนั้นไม่ละเว้นเช่นเดียวกัน
นี่คือความเป็นสากลของอิสลาม ที่พระอัลเลาะห์เป็นเจ้าทรงตรัสสอนไว้ แต่คนจำพวกเห็นแก่ตัวและมีความคับแคบในจิตใจต่างหากที่ผูกขาดอิสลามไว้เฉพาะพวกตนหรือกลุ่มตน ซึ่งนั่นก็เป็นความเห็นแก่ตัว ไม่ใช่ความเป็นสากล ไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสสอนเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี