สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่ระบาดไปทั่วโลกนั้น ขณะนี้ในหลายประเทศได้เข้าสู่สถานการณ์ที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้วและประเทศที่กำลังแพร่ระบาดอยู่หลายประเทศก็มีแนวโน้มว่าใกล้เข้าสู่สถานการณ์ควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว และในหลายประเทศผลการรักษาผู้ป่วยได้ผลมากและได้ผลเร็ว จึงทำให้ยอดผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างรักษาลดลงจนประชาชนในประเทศเหล่านั้นพ้นจากความตื่นตระหนกตกใจไปแล้ว
เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดผ่านมานานสี่เดือนแล้ว และชาวโลกก็ได้เห็นแล้วว่าถ้าได้รักษาทันท่วงทีด้วยยาที่ถูกตรงกับโรคก็จะรักษาให้หายได้ในเวลา 2-7 วัน เว้นแต่ประเทศที่ไม่มีความพร้อมในด้านสาธารณสุขที่ต้องปล่อยให้ผู้ป่วยเสียชีวิตไปตามยถากรรม ดังนั้นชาวโลกจึงตื่นรู้ขึ้นมาแล้วว่าโควิดนั้นไม่ใช่โรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย แต่เป็นโรคที่รักษาให้หายได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ความตื่นกลัวของชาวโลกก็ค่อยๆ หมดไป และแม้ว่าขบวนการวัคซีนของโลกที่มีเครือข่ายพวกขายชาติ ทรยศชาติ อยู่ในวงการค้ายาทั่วโลกและซึมซ่านอยู่ในวงการสาธารณสุขของทุกประเทศจะพยายามโหมกระแสให้ชาวโลกตื่นตระหนกตกใจอกสั่นขวัญผวาจนไกลออกไปจากความจริง จึงค่อยๆ ถูกความจริงตบหน้าและทำให้สิ่งลวงโลกทั้งหลายไม่สามารถทนทานกับกระแสแห่งสัจจะที่ปรากฏขึ้นทั่วโลกได้
ดังนั้นบัดนี้โลกจึงเข้าสู่สถานการณ์ปลดล็อก restart ประเทศต่างๆ กันแล้ว ประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้วก็ปลดล็อก restart เต็มอัตราและลดหลั่นลงไปตามลำดับ และโดยภาพรวมก็คือโลกกำลังเข้าสู่สถานการณ์ปลดล็อก restart ประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย
การปลดล็อกแบบไหน restart ประเทศแบบไหนและจะให้ผลต่อเนื่องเป็นอย่างไร จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการปลดล็อกrestart รวมทั้งประชาชาติทั้งหลายของแต่ละประเทศจะต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างแจ้งและดำเนินการให้ถูกต้อง มิฉะนั้นแล้วการปลดล็อกและ restart แทนที่จะทำให้ประเทศโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจก้าวรุดหน้าไป กลับจะทำให้เกิดสภาพล้มครืนลงมา และอาจล้มละลายกันทั้งประเทศก็ได้
จึงอย่าได้ดูเบาในเรื่องนี้ และอย่านึกเออเองเชียร์กันเองแบบสุ่มสี่สุ่มห้าโดยเด็ดขาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชะตากรรมของประเทศชาติและราษฎรทั้งปวง
เท่าที่ประมวลแบบแผนการปลดล็อกrestart ของประเทศต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้สามารถสรุปจำแนกได้เป็นสองรูปแบบ คือ
รูปแบบแรก ปลดล็อกและ restart ประเทศในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว คงปิดกั้นกักตรวจเฉพาะพื้นที่เล็กๆที่จำกัด เฉพาะพื้นที่ที่ยังมีการระบาดหรือมีความเสี่ยงอยู่เท่านั้น โดยประสานกับการปลดล็อกกิจการของผู้ประกอบการต่างๆ คือ ในพื้นที่ที่ปลดล็อก restart แล้ว ให้ทุกกิจการสามารถประกอบการได้เต็มรูปแบบ แต่ยังคงจำกัดเฉพาะบางกิจการที่มีความเสี่ยงหรืออาจจะเป็นเหตุให้มีการแพร่ระบาดได้ ซึ่งเรียกว่าเปิดพื้นที่กว้าง ล็อกกิจการบางประเภทที่มีความเสี่ยง
สำหรับพื้นที่เล็กที่ยังคงควบคุมกักตรวจนั้นก็ให้เปิดดำเนินธุรกิจหรือเปิดกิจการได้บางส่วน เฉพาะกิจการที่เห็นว่าจำเป็นและไม่มีความเสี่ยง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนในพื้นที่กักตรวจนั้น
รูปแบบที่สอง เปิดให้บริการและดำเนินธุรกิจต่างๆ โดยมีมาตรการควบคุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ หรือที่เรียกว่าปลดล็อกธุรกิจบางส่วน แต่ปิดกั้นกักตรวจทั่วประเทศ
การใช้รูปแบบแรกจะทำให้การปลดล็อก restart ประเทศในภาพรวมในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และในกิจการส่วนใหญ่ของประเทศสามารถปลดล็อก restartขับเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ยังคงมีการควบคุมกักตรวจพื้นที่เล็กๆ ที่มีการแพร่ระบาดหรือมีความเสี่ยง และทำให้กิจการบางกิจการในพื้นที่เล็กๆ ที่มีการกักตรวจสามารถดำเนินการได้
ประเทศจีนเป็นต้นแบบของการใช้รูปแบบแรก ตามมาด้วยอิหร่านและอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ไม่เชื่อถือการชวนเชื่อของพวกฝรั่งและมีความเป็นตัวของตัวเอง หรือไม่อยู่ในอาณัติกำกับชี้ชวนหรือชวนเชื่อของพวกฝรั่ง ดังนั้นในบัดนี้บรรดาประเทศที่ใช้รูปแบบแรกจึงสามารถปลดล็อก restart ประเทศได้อย่างคึกคัก
การใช้รูปแบบที่สองโดยผลก็คือยังไม่มีการปลดล็อก restart อย่างแท้จริง มีลักษณะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อโดยไม่ตั้งอยู่กับความเป็นจริง
ดังเช่นมาตรการที่ให้เปิดร้านอาหารได้ แต่ต้องรักษาระยะห่างในการนั่ง 1.5-2 เมตรต่อคน ทำให้ร้านขนาด 12 x 8 เมตร ซึ่งปกติจะตั้งโต๊ะได้ถึง 12 ตัว และมีผู้ใช้บริการได้ถึง 50 คน กลับสามารถใช้บริการได้เพียงครั้งละ 4 คนเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มกับค่าจ้างพนักงานเสิร์ฟ กิจการเหล่านี้แม้ได้รับอนุญาตให้เปิดได้ แต่โดยผลที่แท้จริงก็คือเปิดไม่ได้
มาตรการในลักษณะนี้ยังมีอยู่โดยทั่วไป ซึ่งน่าอนาถใจสักเพียงใดที่ประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคนแต่มีการติดเชื้อใหม่วันละไม่ถึง 10 คน กลับทำให้ประชากรทั้ง 70 ล้านคน ต้องรับชะตากรรมและความอเนจอนาถดังที่รู้เห็นกันอยู่ และยิ่งนานไปเท่าใดบรรยากาศเปรตขอส่วนบุญก็จะเต็มไปทั้งประเทศ และถึงวันนั้นโศกนาฏกรรมใหญ่ก็อาจเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราได้
ดังนั้นจึงควรจะได้ทบทวนพิจารณาในการใช้รูปแบบการปลดล็อก restart ประเทศไทยให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของประเทศไทย และสถานการณ์ที่ประเทศไทยควบคุมการแพร่ระบาดได้เกือบจะสิ้นเชิงแล้ว ทั้งประเทศไทยยังมียาขนานเอกที่สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายได้อย่างชะงัดในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ได้ยากลำบากไปกว่าการรักษาไข้หวัดใหญ่เลย
จะต้องนำประเทศไทยไปสู่การปลดล็อก restartที่ก้าวรุดหน้า ไม่ใช่เพื่อการล้มละลายกันทั้งประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี