โควิด-19 เป็นโรคระบาดใหม่ เราต้องเรียนรู้จากปรากฏการณ์ของโรคไปด้วย ไม่มีใครทายได้ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยจัดการทางการแพทย์ได้ดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ปัจจุบันหลังจากผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอยู่ในอัตราหลักหน่วยมาหลายวัน รัฐบาลมีแผนเริ่มเปิดประเทศ อย่างมีเงื่อนไขคือ เปิดเป็น 4 ระยะ แต่ละระยะเตรียมการอย่างละเอียด มีการทดลอง การประเมินผลผมเรียกว่า เป็นการเปิดประเทศอย่างฉลาด (Smart Trade-Off) เพราะบางประเทศไม่ระมัดระวัง ไม่มีแผนงานที่ชัดเจน โรคระบาดก็กลับมาได้ เช่น เกาหลีใต้หรือสิงคโปร์
ในประวัติศาสตร์ Spanish Flu ก็กลับมาใน 2-3 ระลอก ประเทศไทยจึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่งอย่าให้ระบาดหนักอีกรอบ
ผมขอยกตัวอย่าง เกาหลีใต้จัดการกับโรคร้ายได้ดีแต่พอเริ่มเปิดประเทศมีคนหนุ่มสาวไปเที่ยวผับ ทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เกาหลีใต้มีข้อกำหนดคล้ายประเทศไทยรัฐบาลของเขามีระเบียบวินัยมากกว่าประเทศไทยเสียอีกเกาหลีจึงต้องกลับมาปิดประเทศอีกรอบ
บทเรียนของเกาหลีใต้ น่าจะเป็นการเตือนสติคนไทยในการจะเปิดประเทศอย่างฉลาด ผมคิดว่า ต้องมีตัวบุคคล 3 กลุ่มร่วมกัน
กลุ่มหนึ่งคือ ความรับผิดชอบของเจ้าของหรือผู้ประกอบการ ต้องฉลาดในการเปิดธุรกิจในยุคปรับตัว ต้องลงทุนเคร่งครัดให้คนระวังเรื่องสุขภาพอย่างน้อย 3 อย่าง
(1) ทำงานโดยเว้นระยะห่างทางสังคม
(2) ล้างมือ
(3) ใช้หน้ากากอนามัย
(4) ต้องทำความสะอาดสถานประกอบการตลอดเวลาอย่าประมาท เพราะเชื้อโรคนี้อยู่ที่พื้นได้นาน
ในสหรัฐอเมริกา มีข่าวอยู่เสมอว่า ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดเช่น ธุรกิจออนไลน์ คือ Amazon ในช่วงที่มีโรคระบาด ปริมาณงานเพิ่มขึ้นมาก จ้างคนมากขึ้น แต่พนักงานบางคนบ่นว่า เขาทำงานหนักและความปลอดภัยของเขาไม่ดีพอ บางคนจึงลาออกไปและเจ้าของอาจจะคิดว่า เสียค่าใช้จ่ายมากเกินไปทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียไปด้วย
หรือเมื่อเร็วๆ นี้ โรงงานด้านอาหารชื่อ Tyson Foods ในสหรัฐอเมริกามีคนตายจากไวรัสโคโรนากว่าพันคนแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังสั่งให้เปิดธุรกิจเพราะต้องการให้มีการจ้างงานและทำรายได้เมื่อเปิดแล้วมีพนักงานป่วยเพิ่มขึ้นอีกหลายคน การเปิดธุรกิจที่ทำโดยไม่ได้คำนึงถึงอนามัยและการแพทย์ของ Tyson Foods ผมเรียกว่า เป็นการเปิดแบบไม่ฉลาด การเปิดแบบฉลาดคือ ต้องดูแลอนามัยและการแพทย์ควบคู่ธุรกิจไปด้วยไม่ใช่ให้ทำงานเพื่อสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้แต่ต้องหาวิธีการไม่ให้พนักงานติดโรคด้วย
บทบาทของกลุ่มที่สองคือ พนักงาน สิ่งที่พนักงานต้องมีคือ รักษาวินัยอย่างเคร่งครัด ต้องระมัดระวังอย่างมากไม่ให้การ์ดตก มีคู่มือปฏิบัติ ไม่ใช่รอให้มีกฎระเบียบของฝ่ายเจ้าของเท่านั้น ตัวเองต้องระวังมาก มีวินัย รู้ปัญหาในการทำงานในวิถีที่ไม่ปกติ ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา และถ้าป่วย ต้องหยุดทำงาน และเจ้าของต้องมีการวินิจฉัยโรค (Test) ฝ่ายบุคคลของบริษัทต้องมีที่ปรึกษาทางการแพทย์ มีเครื่องมือป้องกันในการทำงานที่เพียงพอ และสื่อสารกับพนักงานตลอดเวลา และถ้าพนักงานมีอาการป่วย ต้องให้พักงาน หยุดทำงานโดยจ่ายค่าจ้างให้ บางบริษัทไม่เห็นใจคนงาน พอป่วยก็ให้หยุดงาน โดยไม่จ่ายค่าจ้าง
การเปิดธุรกิจแบบฉลาดจึงต้องเน้นความเข้าใจระหว่างนายจ้างและพนักงาน ไม่ใช่มีกฎระเบียบหรือมีคู่มือเท่านั้นหรือหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานด้วย
กลุ่มสุดท้ายที่สำคัญสำหรับประเทศไทยในการเปิดประเทศแบบฉลาด คือ ธุรกิจร้านอาหาร ศูนย์การค้าร้านค้าปลีก กลุ่มที่ต้องระวังคือ ผู้บริโภค จะต้องมีระเบียบวินัยของผู้บริโภคต้องระวัง อย่าประมาท
ผู้ใช้บริการในยุควิถีชีวิตใหม่ (New Normal)มีบทบาทที่สำคัญและเป็นกลุ่มใหญ่ การอยู่ในที่แออัด จะเป็นตัวแพร่เชื้อได้
ผมได้สังเกตเห็นว่า การเปิดธุรกิจช่วงแรก ส่วนใหญ่ทำได้ดี โดยเฉพาะร้านอาหาร การนั่งก็ห่างกัน ร้านที่ผมไปสังเกตช่วงนี้ เขาจัดโต๊ะ การนั่ง ระยะห่างกันได้ดี แต่ที่อันตรายก็คือ การที่ลูกค้ามาซื้อ Delivery กลับบ้าน บางครั้งแออัด บวกกับพนักงานฝ่ายส่งอาหารมาคอยกันแออัดมากผู้บริหารต้องระวังไม่ให้ใกล้กันเกินไป จะสร้างปัญหาได้เพราะถ้ามีการระบาดเพิ่มขึ้น ทำให้เราอาจจะกลับมาปิดอีก
เรื่องนี้ผมคิดว่า รัฐบาลต้องสื่อสารอธิบายกับ 3 กลุ่มให้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
(1) ผู้ประกอบการหรือผู้บริหาร
(2) พนักงาน
(3) ผู้บริโภค
ผมหวังว่า รัฐบาลจะมีกฎระเบียบและสื่อสารเรื่องเหล่านี้มากๆ และในช่วงทดลองมีข้อมูลเหล่านี้ ถ้าเจ้าของธุรกิจทำดีพนักงานและลูกค้าร่วมมือ ประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างในโลกควรจะทำในทุกๆ จังหวัดเพราะโรคนี้ระบาดทุกจุด ไม่มีพรมแดน
ผมหวังว่า ใน 3-4 อาทิตย์ข้างหน้า ตัวเลขของไทยยังนิ่งอยู่ ไม่เกิน 10 การเปิดประเทศแบบฉลาดอาจเกิดขึ้น ประเทศไทยก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีของกรณีศึกษาเรื่อง Smart Trade-off เพราะการแพทย์ของไทยโดยเฉพาะการรักษาหายจำนวนกว่า 90% ทำได้ดี ผู้ป่วยใหม่ลดลง ถ้าค่อยๆ เปิดประเทศจะทำให้รัฐบาลมีเวลาเยียวยาผู้เสียเปรียบได้ดีขึ้น และประเทศจะมีทรัพยากรที่จะพยุงให้คนไทยอยู่รอด แต่ขณะเดียวกัน ระบบเศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าโดยดูแลทางการแพทย์และดูแลทางด้านชีวิตความเป็นอยู่ให้เศรษฐกิจเดินไปได้
ปัจจัยที่ทำให้เกิด Smart Trade-off ได้ที่สำคัญสุดอีกอันหนึ่งคือ ความสามัคคีของทุกคนในชาติ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ฝ่ายการแพทย์ฝ่ายธุรกิจและประชาชน เดินไปในทิศทางเดียวกันซึ่งทำให้เกิดความสามัคคี และความเห็นอกเห็นใจแก่คนในชาติ ตัวอย่างเช่น ตู้ปันสุขและโรงทานแบบไทยๆ
ผมจึงเรียกว่า “Smart Trade-off” ฉลาดในการเปิดประเทศชนิดได้ทั้งสองอย่าง ไม่ใช่ได้อย่าง เสียอย่าง คือโรคหายแต่คนอดอยาก
ขอให้โรคค่อยๆ หายไป และคนไทยมีเศรษฐกิจค่อยๆดีขึ้น เรียกว่า เปิดประเทศเป็นขั้นเป็นตอนดีกว่าหลายประเทศที่เป็นอยู่
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี