แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
■■ ในระบอบประชาธิปไตย หนังสือพิมพ์เป็นผู้ให้ข่าวสารที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเป็นเวทีการต่อสู้ทางอุดมการณ์ของบุคคลกลุ่มต่างๆ หนังสือพิมพ์ไม่ได้เป็นสื่อของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นสื่อของมวลชนทั้งหมดในสังคม ดังนั้น หนังสือพิมพ์ต้องมีเสรีภาพในการนำเสนอความจริงอย่างถูกต้องครบถ้วน และปราศจากอคติ (จากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร)...
■■ หลังจากรัฐบาลไทยประกาศคลายล็อกให้กับห้างสรรพสินค้าในเขตกรุงเทพฯ เป็นวันแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ธรรมกร ได้ไปสังเกตบรรยากาศที่หน้าห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ในใจกลางเมืองหลวงของไทย 2-3 แห่ง โดยไปดู
ในช่วงเริ่มเปิดห้าง แล้วก็พบว่ามีผู้คนจำนวนบางตาอยู่ในห้าง ส่วนพนักงานของห้างทุกแห่งก็สวมหน้ากากอนามัย บางแผนกก็สวมแผ่นใสปิดหน้า (Face Shield) และตามจุดผ่านเข้าในตัวห้างก็มีพนักงานคอยตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้เข้าห้าง และมีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการในจุดต่างๆ อย่างเพียบพร้อม แต่เนื่องจากวันเปิดห้างวันแรกเป็นวันอาทิตย์จึงอาจจะยังไม่เห็นความคึกคักของผู้คนมากนัก คงต้องรอดูวันทำงานตามปกติว่าจะมีความเหมือนหรือความต่างอย่างไร แต่ถึงกระนั้น ธรรมกร ก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่า อย่าการ์ดตก หากไม่อยากติดเชื้อโควิด-19 แต่ก็ไม่ต้องตื่นตระหนก เพียงแค่ระมัดระวังตัวตลอดเวลา รักษาระยะห่าง (keep social distancing) สวมหน้ากากอนามัยในยามอยู่ร่วมกับ
ฝูงชน ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อยเป็นเวลา 20-30 วินาที หลังจากจับต้องสิ่งของนอกบ้าน และกินร้อน ช้อนใครช้อนมัน แล้วก็ถ้าหากคุณออกไปนอกบ้านแล้วกลับเข้าบ้าน ขอให้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที อย่ารีบเข้าไปกอด ไปหอมแก้มพ่อแม่ ลูกเมียสามี และสัตว์เลี้ยง ก่อนที่คุณชำระล้างร่างกาย...
■■ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำให้ไทยศึกษาการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสิงคโปร์ หลังจากสิงคโปร์สามารถควบคุมโรคนี้ได้แล้ว โดยแนะให้นายจ้างที่มีพนักงานจำนวนมากในสถานปฏิบัติการต้องใช้เกมรุกป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการเฝ้าระวังมิให้โรคนี้แพร่ระบาดขึ้นมาอีก เพราะหากเกิดการแพร่ระบาดรอบสองแล้ว จะเกิดการระบาดอย่างรวดเร็วและยากจะควบคุมได้...
■■ เกิดคำถามในสังคมไทยว่า หากไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวโดยรัฐบาล การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในไทยจะลดลงหรือเพิ่มมากกว่าเดิม คำถามนี้ขึ้นอยู่ว่าใครถาม เพราะหากฝ่ายค้านถาม ก็มีเป้าประสงค์ไปอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากคำถามที่มาจากคนทำมาหากินตัวจริง แต่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ประการหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยคือ หลังประกาศบังคับใช้เคอร์ฟิวในเมืองไทย ก็ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในบ้านเราจากหลักร้อยต้นๆ ลงมาเหลือศูนย์ในปัจจุบัน แม้อาจจะมีบางวันมีตัวเลขผู้ติดเชื้อกระเด้งขึ้นมาเป็นหลัก 4-6 คนก็ตาม ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำมาก และน่าพอใจมาก แต่เชื่อว่าฝ่ายค้านของรัฐบาลคงไม่ happy มากนักที่ตัวเลขคนติดเชื้อต่ำ เพราะไม่รู้จะหาประเด็นอะไรไปโจมตีรัฐบาล...
■■ ส่วนยอดสะสมของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยล่าสุดอยู่ที่ 3,028 คน รักษาหาย 2,856 คน เสียชีวิต 56 คน ต้องบอกว่าผลการดูแลรักษาเรื่องโควิด-19 ของไทยน่าพอใจมาก เมื่อเทียบกับตัวเลขในสหรัฐฯ อิตาลี สเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส แล้วก็เห็นได้ชัดเจนด้วยว่าบรรดามหาเศรษฐี และเหล่านักการเมืองไทยรวมถึงข้าราชการไทยที่ส่งลูกหลานไปชุบตัวในประเทศย่านยุโรปตะวันตก และสหรัฐฯ ต้องเรียกลูกหลานกลับไทยเพื่อหนีพิษโควิด-19 จากต่างประเทศกันอย่างจ้าละหวั่น นี่คือความจริงที่ทุกคนประจักษ์ ส่วนจะยกความดีความชอบในเรื่องนี้ให้รัฐบาลไทยหรือไม่นั้น คนที่เกลียดรัฐบาลไทยคงทำใจยาก แต่ที่สำคัญคือต้องยกความดีความชอบให้บรรดาหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงคนไทยทุกคนที่ให้ความร่วมมือดูแลตัวเองให้พ้นจากโควิด-19 เพราะหากเชื่อฝ่ายค้านแล้วละก็ มีหวังปานนี้ยอดตัวเลขคนตายเพราะโควิด-19 ในไทยคงติดอันดับต้นๆ ของโลกก็เป็นได้...
■■ กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของคนที่อ้างตนว่าเป็นญาติวีรชนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 โต้กลับกลุ่มญาติวีรชนฯ ว่า ทำไมจึงกล่าวหาว่าการที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมทุกด้านของไทย แล้วเหตุใดจึงวิพากษ์ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยหลังวิกฤติโควิด-19 จะรุนแรง ฝ่ายที่เห็นต่างจากผู้ที่อ้างตนเองว่าเป็นญาติวีรชนฯ ถามกลับอีกว่า หากไม่ประกาศใช้เคอร์ฟิวแล้วเกิดผู้คนล้มตายมากมายทั้งแผ่นดินเพราะเชื้อโควิด-19 ญาติวีรชนฯ จะรับผิดชอบอย่างไร ส่วนปัญหาที่อ้างว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
หลังโควิด-19 นั้น ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว เพราะเมื่อจำเป็นต้องรักษาชีวิตผู้คนเอาไว้ด้วยการชะลอการค้าการขายภายในประเทศไว้ชั่วคราว ก็เพราะต้องการรักษาชีวิตคนไว้ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับมีคำถามตามมาอีกว่า หากคนล้มตายมากมายเกลื่อนแผ่นดินแล้ว นักธุรกิจบางคนที่เป็นญาติวีรชนฯ จะค้าขายกับใคร หรือจะค้าขายกับซากศพของคนไทยด้วยกัน...
■■ คนไทยกลุ่มหนึ่งที่เห็นด้วยกับมาตรการเคอร์ฟิวบอกว่า ไม่ได้สนับสนุนรัฐบาลอย่างไม่ลืมหูลืมตา สิ่งใดที่รัฐบาลทำไม่ถูกต้องก็คัดค้านเสมอมา แต่ค้านอย่างมีเหตุมีผลมีสติปัญญา ไม่ได้ค้านด้วยอคติ ไม่ได้ค้านเพราะต้องการเห็นชาติบ้านเมืองล่มจม พร้อมถามกลับไปยังญาติวีรชนฯ ว่าคนที่ตายเพราะโควิด-19 จะได้รับการยอมรับว่าเป็นวีรชนได้หรือไม่ หรือว่าวีรชนจะหมายความเฉพาะคนที่ตายเพราะถูกยิงในเหตุการณ์ความไม่สงบของบ้านเมืองเท่านั้น แล้วแน่ใจหรือว่าทุกคนที่ตายในเหตุการณ์ความไม่สงบของบ้านเมืองคือวีรชนจริงๆ...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี