ช่วงนี้จะเห็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ขึ้นเหนือล่องใต้ ไปเป็นประธาน เปิดติวเข้มการค้าขายตลาดออนไลน์ในหลายจังหวัด
ก็พอจะเข้าใจกันได้ว่าผลจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทุกวงการต้องปรับตัวไปสู่ “ภาวะปกติใหม่” หรือ นิว นอร์มอล โดย นายจุรินทร์ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เร่งเข้าไปช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี และช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรในการระบายผลไม้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมทั้งเร่งพัฒนาผู้ประกอบการในชุมชน คนรุ่นใหม่ และเกษตรกรให้สามารถเป็นผู้ส่งออกที่สามารถส่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่างๆ ไปทั่วโลกมากยิ่งขึ้น
ทาง นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระว่างประเทศ จึงดำเนินการปรับแผนส่งออกและการอบรมให้ความรู้กับเกษตรกรประชาชนทั่วไปที่สนใจจะเป็นผู้ส่งออกหน้าใหม่ โดยในปี 2563 ได้มีการนำหลักสูตรประมาณ 200 หลักสูตร ตั้งเป้าที่จะให้ความรู้และพัฒนาผู้ที่สนใจเป็นผู้ส่งออกหน้าใหม่ 27,500 ราย หรือเพิ่มจากปีก่อน 10% โดยในปีก่อนสามารถพัฒนาได้ 25,000 คนทั้งกระจายกลุ่มผู้ส่งออกที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจท้องถิ่น เกษตรกร และคนรุ่นใหม่กลุ่มต่างๆ ไปยังภูมิภาคมากขึ้น
สำหรับหลักสูตรที่ได้รับความนิยมจากเกษตรกรและมีผู้ร่วมเข้าโครงการอบรมเกินกว่าที่ประเมินไว้มากคือ หลักสูตร “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์ ออนไลน์สู่ตลาดโลก” ซึ่งมีเกษตรกรและผู้ประกอบการที่พัฒนาสินค้าเกษตรผู้เข้าร่วมโครงการ 200 ราย จากเดิมที่ตั้งเป้าเพียง 80 ราย
โดยมาจากจังหวัดต่างๆ ได้แก่ ร้อยเอ็ด นครราชสีมาสุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น ครอบคลุมเกษตรกรจากกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป เช่น ผงข้าวชงพร้อมดื่ม, ซีเรียลจากข้าว, ไอศกรีมผลไม้
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสินค้าข้าว อย่าง ข้าวหอมมะลิ,ข้าวไรซ์เบอร์รี่, ข้าวเหนียว กข.6, กลุ่มสินค้าปศุสัตว์ เช่นผู้เลี้ยงสุกร, ผู้เลี้ยงไก่ กลุ่มสินค้าผลไม้และผัก เช่น มะม่วง, ผักสวนครัวและกลุ่มสินค้า เป็นต้น
หลักสูตรสมาร์ท ฟาร์มเมอร์ ออนไลน์สู่ตลาดโลก เป็นหลักสูตรที่ต้องการจะผลักดันชาวนาและเกษตรกรไทยรุ่นใหม่ให้มีการเรียนรู้เรื่องการส่งออก จากการที่ได้รับทราบถึงปัญหาของชาวนาและเกษตรกรไทยพบว่ากลุ่มดังกล่าวต้องการความรู้เบื้องต้นในการส่งออก แม้ว่าบางรายจะมีประสบการณ์การส่งออกมาบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่ทราบวิธีการส่งออกที่ถูกต้องโดยเฉพาะเรื่องขั้นตอนและกฎระเบียบต่างๆ ที่จำเป็น รวมทั้งเรียนรู้เรื่องการค้าออนไลน์แบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกษตรกรที่ผันตัวมาเป็น สมาร์ท ฟาร์มเมอร์ สามารถยืนอยู่ในตลาดส่งออกต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ในส่วนของการพัฒนาเกษตรกรก็ยังมีหลักสูตรส่งเสริมศักยภาพและผลักดันผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพให้ก้าวสู่การค้าออนไลน์ยุคใหม่และการค้าระหว่างประเทศ โดยจะเพิ่มความรู้และทักษะการส่งออก การใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเป็นเครื่องมือในการค้าขาย เป้าหมายเพื่อเปลี่ยนเกษตรกรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรยุคดิจิทัลได้ในอนาคตซึ่งก็จะสอดคล้องกับการเข้าสู่รูปแบบของยุคนิว นอร์มอล
ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจนสามารถมีศักยภาพในการจำหน่ายสินค้าหรือส่งออกได้แล้วก็จะผลักดันให้มีการนำสินค้าเข้าไปขายในแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซชั้นนำของไทยและระดับโลกที่เป็นพันธมิตรกับกรมด้วย ซึ่งปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ก็ได้มีการร่วมมือกับแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซชั้นนำของไทย ได้แก่ ที่Thailandpostmart, Shopee, Lazada, JD Central,Jatujakmall, Cloudmall, The Hub Thailand และOctorocket.asia เพื่อสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้าเกษตรเข้าไปขายสินค้าในแพลตฟอร์มดังกล่าว
สำหรับด้านตลาดต่างประเทศ ได้ปรับแผนและภารกิจในการกระจายผลไม้ โดยปรับรูปแบบกิจกรรมต่างๆจากรูปแบบเดิมเป็นรูปแบบออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายผลไม้ไทย และเร่งรัดการส่งออกผลไม้เชิงรุก โดยจะร่วมมือกับ Tmall (จีน), Bigbasket (อินเดีย), Khaleang.com (กัมพูชา), Aeon (ญี่ปุ่น), Amazon(สิงคโปร์และสหรัฐฯ) และ Lotte (เกาหลีใต้) เป็นต้น รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายออนไลน์กับเว็บไซต์พันธมิตรในตลาดอาเซียน จีน และยุโรป และเพิ่มกิจกรรมเจรจาธุรกิจผ่านทางออนไลน์ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ส่งออกไทยอย่างต่อเนื่อง
ครับ...เข้าสู่ นิว นอร์มอล แต่การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นเกษตรกรอัจริยะ จึงเป็นที่หวังอีกทางหนึ่งในการดึงรายได้เข้าประเทศ
ขอให้สามารถฝ่าฟันอุปสรรคในสถานการณ์โควิด-19 ไปให้ได้นะครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี