สังคมโลกในช่วงก่อนหน้านี้ก้าวไกลมาด้วยความเป็นเสรีนิยม ประเทศส่วนใหญ่เป็นประชาธิปไตยที่เปิดกว้างและมีความร่วมมือกันแบบพหุภาคี นั่นคือร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมขับเคลื่อน
กล่าวคือ นับแต่ยุคสงครามเย็นสิ้นสุดลง โลกก็ก้าวสู่ยุคโลกาภิวัตน์ไร้พรมแดน เต็มไปด้วยการเชื่อมโยงพึ่งพาอาศัยกัน และการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจเพื่อแก้ปัญหาโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความยากจน ช่องว่างการพัฒนา การแพร่ขยายของโรคระบาด ไปจนถึงการอยู่กับธรรมชาติแวดล้อมอย่างยั่งยืน และมีวิถีชีวิตแบบเสรีชน แต่เอื้ออาทรต่อกันและกัน
โลกยุคโลกาภิวัตน์นั้นสะพรั่งไปด้วยการใฝ่หาความเป็นประชาธิปไตย การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การรับเศรษฐกิจการตลาดแบบทุนนิยม
คู่ขนานไปกับการเปิดกว้างและการขยายตัวของเศรษฐกิจให้หลังนี้เอง ที่โลกเริ่มก้าวเข้าไปสู่ยุคแห่งความเหลื่อมล้ำโดยมีการกระจุกตัวของความมั่งมี มั่งคั่ง มั่งอำนาจวาสนา ทั้งในระดับภายในประเทศ และระหว่างประเทศ
หลายๆ ประเทศตอบสนองหรือมีปฏิกิริยากันแบบหดตัว หรือปิดตัว มุ่งที่จะดำรงชีวิตแบบตัวใครตัวมัน เริ่มปฏิเสธที่จะร่วมมือกันข้ามเขตแดน ข้ามภูมิภาคและข้ามทวีป โลกที่มนุษย์เคยอยู่กันอย่างสงบ โดยฝากความหวังให้ฝ่ายตะวันตก และญี่ปุ่นให้ช่วยนำพามนุษยชาติก็เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเมืองอเมริกาและยุโรปเปลี่ยนรูปโฉม และได้ผู้นำรุ่นใหม่ๆ ที่คิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญ จึงต่างตัดสินใจตรงกันโดยปล่อยให้โลกลอยไปเองอย่างไร้จุดหมาย ก่อให้เกิดความเหินห่างกันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนโลกเข้าสู่ภาวะยุ่งเหยิงวุ่นวาย ไร้ระเบียบอย่างที่เห็นกันอยู่
ถ้าพูดกันตามภาษาการเมืองระหว่างประเทศ หรือการทูตระหว่างประเทศก็คือ โลกโดยประเทศแกนนำยุติ หรือมองข้ามการใช้เวทีพหุภาคี (Multilateral)และมุ่งใช้วิธีการแบบโดดเข้าไปคนเดียว (Unilateral)หรือไม่ก็แบบทวิภาคี (Bilateral) ใครทำประโยชน์ให้แก่กันและกันได้ ก็ว่ากันไปตามนั้น คนอื่นๆ “ช่างหัวมัน” ไม่ต้องไปสนใจ
ภาพผู้นำระดับโลกในวันนี้จึงอยู่ในสภาพสุญญากาศ(Vacuum) กล่าวคือ ยังหาผู้มา “เติมให้เต็ม” หรือมารับบทบาทนำมิได้
จีน หรือรัสเซีย แม้จะยิ่งใหญ่ก็จริง แต่ในด้านพละกำลัง และความน่าเชื่อถือ ยอมรับถือว่า ยังไม่เพียงพอเพราะต่างมุ่งเน้นนโยบายต่างประเทศแบบชาตินิยม หรือตนเป็นที่ตั้งเป็นหลัก
เยอรมนีกับฝรั่งเศส สองประเทศผู้นำในกรอบสหภาพยุโรป แม้จะมีศักยภาพแต่ยังอ่อนพรรษา ยังไม่มีความกล้า และความมุ่งมั่นเพียงพอ ซึ่งจะต้องทำการปรับกระบวนยุทธ์ให้ได้ เพราะยุโรปนั้นถือเป็นบ่อเกิด และเป็นแบบอย่างของค่านิยมว่าด้วยความเป็นเสรี เป็นประชาธิปไตย เป็นสังคมที่เคารพกฎหมาย และคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ส่วนสหรัฐอเมริกานั้นต้องทนอยู่กับสไตล์ “ฉันขอไปก่อน ฉันไม่แคร์ใคร” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาเกือบจะ 4 ปี ซึ่งหากจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นได้ ก็ต้องหวังให้ได้ผู้นำคนใหม่หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึงในเดือนพฤศจิกายนนี้คู่แข่งก็คือ นายโจ ไบเดน ซึ่งปัจจุบันนั้นมีคะแนนสะสม(Credentials) อยู่ในตัวพอสมควร อาจจะส่งผลให้สหรัฐอเมริกาฝันกลับมาเป็นผู้นำโลกได้อีกครั้ง (ในทิศทางที่สร้างสรรค์) ซึ่งโอกาสที่ นายโจ ไบเดน จะชนะ ก็ยังครึ่งๆ ในทางกลับกัน หากไบเดนไม่ชนะ ชาวอเมริกันและชาวโลกก็คงต้องไปภาวนากันเองให้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปลี่ยนใจ เปลี่ยนทิศทางการบริหารประเทศ โดยมีสติสัมปชัญญะกับเขาบ้าง จะได้รู้อะไรเป็นอะไรว่า ทำประโยชน์ให้กับทั้งชาวโลก และกับชาวอเมริกันด้วยพร้อมๆ กัน
ก็หวังว่าผู้นำสหรัฐฯ ผู้นำสหภาพยุโรป ผู้นำจีนและรัสเซีย ไปจนถึงสหราชอาณาจักร (ซึ่งออกมาจากสหภาพยุโรปแล้ว) จะได้คิดทบทวน แล้วหันหน้ามาร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม และปัญหาโรคภัยไข้เจ็บกันได้
มิฉะนั้น โลกก็จะแตกกันยิ่งขึ้น และเผชิญทุกข์ทรมาน และความไม่แน่นอน ไม่สมใจกันต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ ก็ต้องคิดช่วยตัวเองเป็นสำคัญ ต้องคิดเจรจาต่อรองและโน้มน้าวบรรดาประเทศยักษ์ใหญ่ให้ร่วมมือกัน ประเทศกำลังพัฒนาก็มิใช่จะยากไร้ไปเสียหมด มีที่นั่งในกลุ่ม G20 (ประเทศพัฒนาแล้ว กับประเทศกำลังพัฒนาชั้นนำ) และมีเวทีกลุ่ม G77 และมีเวทีเหนือใต้(North-South Dialogue) คือกลุ่มพัฒนาแล้ว กับกลุ่มกำลังพัฒนา ที่จะแสดงสุ้มเสียง จุดยืน ข้อคิดเห็นว่าด้วยนโยบายและมาตรการ เอาจำนวนเข้าสู้ เข้าขับเคลื่อนให้เต็มที่ได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี