วัฒนธรรม คือ สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมมายาวนาน และมาเป็นวิถีชีวิต อาจประกอบไปด้วย ภูมิปัญญา ประวัติศาสตร์ ความนับถือในศาสนา
วัฒนธรรม คือ พฤติกรรมของแต่ละสังคมที่ปฏิบัติกันต่อเนื่องมายาวนาน กลายเป็น Social Assets ทรัพย์สินทางสังคม และมีผลกระทบ
ในการดำรงชีวิตแตกต่างกันไป
ผมเป็นนักเศรษฐศาสตร์เรื่องทุนมนุษย์ จึงถือว่าวัฒนธรรมเป็นทุนหนึ่งในทฤษฎีทุนมนุษย์ของผม 8K’s 5K’s
8 K’s : ทฤษฎีทุน 8 ประเภทพื้นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
Human Capital ทุนมนุษย์
Intellectual Capital ทุนทางปัญญา
Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม
Happiness Capital ทุนแห่งความสุข
Social Capital ทุนทางสังคม
Sustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืน
Digital Capital ทุนทาง IT
Talented Capital ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ
5 K’s (ใหม่) : ทฤษฎีทุนใหม่ 5 ประการ เพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัตน์
Creativity Capital ทุนแห่งการสร้างสรรค์
Knowledge Capital ทุนทางความรู้
Innovation Capital ทุนทางนวัตกรรม
Emotional Capital ทุนทางอารมณ์
Cultural Capital ทุนทางวัฒนธรรม
มนุษย์กับวัฒนธรรมจึงเป็นส่วนหนึ่งของทุนมนุษย์ เพราะ
ประการแรก ประชากรแต่ละประเทศผ่านชีวิต ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม มีประเพณีที่แตกต่างกัน ในแต่ละประเทศ เช่น ประเทศไทย มีการปลูกข้าวมาเป็นเวลานานไม่มีปัจจัยด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่มีในวัฒนธรรมอื่นๆ ด้วย เช่น ประเพณีการเกี่ยวข้าวจึงมีวัฒนธรรมในการลงแขก ช่วยกันปลูกข้าวเป็นวิถีชีวิตทางวัฒนธรรม และการเก็บเกี่ยว เป็นประเพณีที่ทำเป็นประจำสืบมา
ศาสนาพุทธกับวัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย มีกิจกรรมทางศาสนามากมาย มาแต่โบราณกาล
เรื่องอาหาร ก็เป็นปัจจัยทางวัฒนธรรมที่ต่อเนื่องยาวนาน แตกต่างกันตามภูมิภาคมีความหลากหลายในทุกๆ ภาค หรือทุกจังหวัดในประเทศ
ที่เรียกว่าเป็นทุน เพราะได้ถูกลงทุนมาแต่อดีต สามารถนำไปสร้างมูลค่าได้ผ่านมนุษย์ เช่น ปัจจุบันนำวัฒนธรรมไทยมาส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือนำวัฒนธรรมไทยมาในเรื่องแฟชั่น เรื่องอาหาร หรือวัฒนธรรมในการรักษาพยาบาล หรือประเพณีสงกรานต์ เป็นต้น
ในวันนี้ ผมจะกล่าวถึง COVID-19 โดยเริ่มจากตัวเลขระหว่างกลุ่มประเทศในตะวันออกกับกลุ่มประเทศในตะวันตก ณ วันนี้ ตัวเลขแตกต่างกันอย่างมาก คือ COVID-19 มีจำนวนผู้ป่วยและตายในซีกตะวันตกมากกว่าซีกตะวันออก ดังตารางนี้
คำถามคือ ปัจจัยทางวัฒนธรรมมีอะไรบ้างที่ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ของตะวันตกกับตะวันออกแตกต่างกันมากมาย
ผมลองศึกษาหาข้อมูลจากหลายแหล่งเน้นเห็นวัฒนธรรมเป็นหลัก บุคคลแรกที่เขียนเรื่องนี้คือ Jeffrey D.Sachs จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของอเมริกา ได้ชี้ให้เห็นว่า ความแตกต่างทางวัฒนธรรมของตะวันออกกับตะวันตกอาจจะเป็นคำอธิบายในความแตกต่างของความรุนแรง COVID-19 ได้
- การยอมรับเรื่องใช้หน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นปกติมากในประเทศตะวันออกแต่สำหรับประเทศตะวันตกคิดว่าไม่จำเป็น ถือว่าใช้เฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น ในประเทศไทยตัวเลขการใช้หน้ากากอนามัยของคนไทยกว่า 90%
ในสหรัฐฯ ผู้นำไม่นิยมการใส่หน้ากากเลย และแสดงตัวอย่างที่ไม่ดีเช่น ไม่เชื่อในข้อแนะนำของแพทย์ ทำให้ประชาชนในสหรัฐฯ คิดว่าถ้าผู้นำไม่ใส่ ก็ไม่ใส่ด้วยการแพร่ COVID-19 ในสหรัฐฯ และจำนวนคนตายยังพุ่งไม่หยุด
ปัจจัยที่สอง ที่แตกต่างกันระหว่างตะวันตกกับตะวันออกคือ การล้างมือและการห่างทางสังคม ต้องยอมรับว่าเป็นประเพณีที่เป็นตัวอย่างไม่ดีในอเมริกา คือเมื่อหน้าร้อนมาถึงก็เปิดประเทศให้ประชาชนไปเที่ยวชายหาดได้ ถ้าทำ ต้องมีการห่างทางสังคม แต่วัฒนธรรมของเขาไม่วิตก เข้าหน้าร้อนได้พักผ่อ นโดยไม่สนใจเรื่องการห่างทางสังคม ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยบางรัฐเพิ่มขึ้นเร็วมาก
ปัจจัยทางวัฒนธรรมของตะวันตกคือ การทักทายต้องมีการใกล้ชิดกัน เช่น จับมือกัน อันเป็นพาหะที่สำคัญทำให้โรคระบาดมากขึ้น ในขณะที่ทางตะวันออกมีการไหว้ เว้นช่วงห่าง จึงไม่ทำให้โรคกระจายง่าย ซึ่งเป็นวิธีการทักทายโดยไหว้ที่ตะวันตกนำไปใช้ในบางประเทศ บางประเทศอาจทักทายด้วยข้อศอก ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีจากตะวันออก ไม่แพร่เชื้อ
- ในระดับผู้นำ จะเห็นได้ว่า ประเพณีวัฒนธรรมของตะวันออกจะเชื่อผู้นำอย่างเคร่งครัด เช่น จีน รัฐบาลปิดเมืองอู่ฮั่น ห้ามคนออก ก็ทำได้ผล ถึงจะจำกัดเสรีภาพบ้าง ซึ่งในวัฒนธรรมตะวันตกคงไม่มีใครเชื่อ เพราะประชาชนของเขาเชื่อการมีเสรีภาพ ตัวอย่างในประเทศไทย รัฐบาลคุณประยุทธ์ กำหนดให้มีการเคอร์ฟิว ทั้งๆ ที่จำกัดเสรีภาพบ้างแต่ประชาชนก็คิดว่าจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
ผมมีตัวอย่างที่เห็นในช่วงเปิดให้ธุรกิจดำเนินการบางอย่างได้ในประเทศไทย โดยเฉพาะร้านอาหารซึ่งผู้ประกอบการจัดโต๊ะให้นั่งห่างกัน ผมไปร้านอาหารมีชาวต่างประเทศมาทานข้าวกับแฟนคนไทย แต่ไม่ปฏิบัติตามกฎ นั่งชิดกัน เขาบอกว่ามากับแฟน ไม่จำเป็นต้องทำ แต่เขาลืมไปว่าเป็นกฎขประเทศไทย ซึ่งอาจจะเป็นตัวนำโรคได้ เจ้าของร้านขอให้ผมพูดกับเขา ซึ่งผมอธิบายว่าเป็นกฎของประเทศไทย ถ้าตำรวจรู้ก็ปิดร้าน จึงเข้าใจได้ นี่คือความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างตะวันตกกับตะวันออกอย่างเห็นได้ชัด
ตัวอย่างของความแตกต่างทางวัฒนธรรมการเมืองของระดับผู้นำ ตะวันตกกับตะวันออกคือมารยาทในการแสดงออก เช่น ทรัมป์ ไม่พอใจกับตัวเลขคนตายจำนวน 100,000 คน ก็โจมตีอย่างขาดมารยาทต่อประเทศจีน และ WTO ว่าเป็นตัวการสำคัญ ขาดการสำรวมทางการแสดงออก
ส่วนผู้นำจีนใช้วัฒนธรรมตะวันออก จะมีมารยาทในการแสดงออกอย่างฉลาด แต่ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี ก็โต้ตอบอย่างสุภาพ และมอบให้ระดับเจ้าหน้าที่พูดแทน ทำให้คนในโลกได้เข้าใจว่า วัฒนธรรมของ 2 ชาติ ไม่เหมือนกัน การแสดงออกต้องมีมารยาททางการทูต สุภาพในการแสดงออก
วัฒนธรรมการเมืองของตะวันตกของบางประเทศ เช่นในอเมริกา หรือ บราซิล รัสเซียที่ผู้นำดูตัวเอง และฐานเสียงการเมืองเป็นหลัก ไม่สนใจทางวิทยาศาสตร์ไม่คำนึงถึงการแพร่ระบาดของโรค ไม่ฟังข้อมูลด้านการแพทย์ กลายเป็นวัฒนธรรมการเมืองที่มุ่งไปที่กลุ่มสาวก และฐานเสียง ในที่สุดแทนที่จะแก้ปัญหาได้ กลับกลายเป็นตัวสร้างปัญหาให้โรคระบาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้นำถือสำคัญทางการเมืองเป็นส่วนใหญ่ต้องการฐานเสียงเพื่อการเลือกตั้งเท่านั้น
โดยสรุป วัฒนธรรมตะวันตกทำให้เกิดโควิด-19 มากกว่าวัฒนธรรมตะวันออกจากความแตกต่างทางวัฒนธรรม ดังนี้ 7 ข้อ
1. วัฒนธรรมการทักทายโดยการสัมผัสร่างกายของผู้อื่น เช่น การจับมือการกอด และการหอมแก้มกัน
2. วัฒนธรรมการแสดงออกอย่างเสรี Extrovert ทำให้คนในประเทศในซีกโลกตะวันตกชอบกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก
3. วัฒนธรรมต่อต้านการตามอย่างกัน Anti-collectivism คนในประเทศในซีกโลกตะวันตกเห็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและความสะดวกสบายของตนเองมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมจึงต่อต้านการปิดเมือง (Lockdown) เป็นสาเหตุให้การแพร่ระบาดของโรคมาก
4. วัฒนธรรมการใช้หน้ากากอนามัยถือว่าใช้เฉพาะผู้ป่วย ทำให้คนในประเทศในซีกโลกตะวันตกที่ยังไม่ป่วยไม่ป้องกันตนเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย เกรงว่าสังคมจะมองว่า เป็นผู้ป่วย ส่วนผู้ป่วยก็เกรงจะเป็นที่รังเกียจของสังคมจึงไม่ใส่หน้ากากอนามัยด้วยเช่นกัน
5. วัฒนธรรมละเลยการรักษาความสะอาด ไม่เห็นว่าการชำระร่างกายให้สะอาดเป็นเรื่องสำคัญมากในช่วงฤดูหนาว
6. วัฒนธรรมการตีตราทางสังคม (Social Stigma) คือ กล่าวหาว่า กลุ่มที่เป็นพาหะนำโรค เช่น ประธานาธิบดี Donald Trump เรียก โควิด-19 ว่า เป็นChinese Virus ว่าคนจีนเป็นพาหะนำโรค ต่อมาชาวอเมริกันรังเกียจชาวเอเชียรวมถึงหมอชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ว่าเขาเป็นพาหะ ผู้ป่วยชาวอเมริกันจึงปฏิเสธการรับการรักษาจากหมอชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียจึงป็นสาเหตุให้มีการแพร่ระบาดของโรคอยู่มาก
7. วัฒนธรรมมั่นใจในความสบายของตน Comfort Zone ประชาชนในประเทศซีกโลกตะวันตกยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม เช่น ออกไปรวมกลุ่มทำกิจกรรมหรือพักผ่อนในที่สาธารณะ แม้รัฐบาลขอความร่วมมือให้อยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติก็ตาม ทำให้ยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคสูงอยู่
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
Joe Biden with Mask
Trump Memorial Day ไม่ใส่หน้ากาก
Trump golfing amid the coronavirus outbreak, in Sterling, Virginia, on May 24. ไม่เห็นความสำคัญของทหารผ่านศึก
ชาวอเมริกันแห่เที่ยวชายหาดช่วงหยุดยาว แม้ผู้เสียชีวิตโควิด-19 เฉียดแสนคน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี