โควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่คนไทยยังประมาทไม่ได้เป็นอันขาด
ถ้านับตั้งแต่หญิงชาวจีน อายุ 61 ปี เป็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากอู่ฮั่นคัดกรองจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2563 ส่งตัวไปที่สถาบันบำราศนราดูร (Case 1) ก่อนจะมีการตรวจและยืนยันผลโดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2563
นับเป็นผู้ป่วยคนแรกในไทย และคนแรกที่พบนอกประเทศจีน
จนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลาเกือบ 5 เดือน…
ประเทศไทยเราผ่านสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อ ผ่านจุดวิกฤติ จุดล่อแหลม จุดชี้เป็นชี้ตาย
ผ่านจุดที่ประเทศเกือบจะพลาดไปสู่สภาวะระบาดรุนแรงเหมือนในบางประเทศที่โลงศพไม่พอ หลุมฝังศพก็ไม่พอ (ต้องฝังรวม) เตียงพยาบาลไม่พอ ต้องปล่อยให้คนตายไป ฯลฯ
ถ้าย้อนกลับไปพิจารณา 5 เดือนที่ผ่านมา จะพบว่า เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ถูกต้องที่สุดของรัฐบาลลุงตู่ ที่รู้จักใช้คนให้ถูกกับงาน โดยเปิดให้ครูบาอาจารย์แพทย์ทั้งหลายได้เข้ามาให้คำแนะนำและดำเนินการตามอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัดสินใจถูกที่ ถูกเวลา ใช้ถูกเครื่องมือ ใช้ถูกคน
โดยที่ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ต่างเสียสละพร้อมใจกันดำเนินการ
โดยไม่ให้ราคากับความเห็นของนักการเมืองน้ำเน่าบางจำพวก ที่ออกมาพ่นน้ำลาย “ค้านทุกเรื่อง” ด่าไว้ก่อน ตีกินทางการเมือง พูดพ่นเป็นคุ้งเป็นแคว แต่ไม่ได้มีความสามารถจริงแท้อะไรเลย
ซึ่งถ้าเอาตามความเห็นของนักการเมืองน้ำเน่า ป่านนี้ประเทศไทยคงมีคนตายเป็นเบือ แล้วพวกนี้ก็จะอ้างเป็นเหตุเคลื่อนไหวใหญ่ เพื่อชิงอำนาจรัฐ หวังผลประโยชน์ทั้งในทางอำนาจการเมืองและทรัพย์สินเงินทองส่วนตัวต่อไป
1. แฟนเพจ “Infectious ง่ายนิดเดียว” สรุปเส้นทางของไทยในช่วงที่ผ่านมา บางตอนระบุว่า
“บทสรุป ระลอกที่ 1 ทีมชาติไทย : จากช่วงต้นการระบาด มกราคม-พฤษภาคม 2563
ทีมไทยแลนด์เราเคยมีเคสอยู่อันดับ 2 ของโลกที่เคสป่วยมากสุด ยืนจับมือกับจีน ล่าสุดตกอันดับจาก 2 มาอยู่ที่ Top77 …
...ช่วงต้นการระบาด เราผ่านดราม่ามาหนักและหลายเรื่อง _ดราม่าหน้ากากไม่พอ และโกง _ดราม่าชุดป้องกันไม่พอ _ดราม่าเรือสำราญ _ดราม่าผีน้อย _ดราม่าตรวจน้อย พบน้อย _ดราม่าปิดบังข้อมูล _ดราม่าสนามมวย _ดราม่าผับ บาร์ _ดราม่าเคอร์ฟิว_ดราม่า 5,000 ต่อให้กี่ดราม่า ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าไทยเราผ่านได้หมด
ก่อนระบาดไทย เราอยู่อันดับ 6 ของโลกเรื่องการจัดการโรคระบาดได้ดี ยกเครดิตให้ทีมแพทย์ อาจารย์ มดงาน…
…. จาก 12 มกราคม ถึง 30 พฤษภาคม เข้าสู่เดือนที่ 5 ของการระบาดในไทย
โชคดีที่เกิดเป็นคนไทย เราช่วยกันทุกภาคส่วน _ในหลวงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และเครื่องช่วยหายใจให้ รพ. _ประชาชน WFH work from home _Stay home อยู่บ้าน เพื่อชาติ _มาตรการล็อกดาวน์ ล็อกเมือง ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด เคอร์ฟิว_จนท. ชุมชนทั้ง อสม. อปท. อบจ. รพ.สต คัดกรองเต็มที่_ภาคมหาดไทย ตำรวจ ทหาร ช่วยตั้งจุด ตรวจสอบ _ภาคหน้าด่าน สนามบิน ด่านบก ด่านเรือ คัดกรองไปแล้ว เกือบ 40,000 เที่ยวบิน คน 4.4 ล้านถูกคัดกรอง _ภาคหมอ พยาบาล จนท. ทุก รพ.ตั้งจุดคัดกรอง แนวทางการรับ วินิจฉัย รักษาคนไข้ ซักซ้อมทั้งบนโต๊ะและซ้อมสถานการณ์เสมือนจริง _โครงการวัคซีนกำลังดำเนินการ ตอนนี้ทดลองในลิง คาดว่าจะผลิตใช้เองได้ปลายปี 2564 โดยทีมวิจัยหลายทีม รพ.แพทย์ จุฬาฯศิริราช สถาบันวัคซีน สกว. _อาจารย์แพทย์ชั้นนำของประเทศ ระดมสมอง สร้างแนวทางการดูแลรักษาออกมาเป็นมาตรฐาน ทำใหอัตราการหายดีมาก และตายน้อย _เรามีหมอ พยาบาล จนท. ทำงานผลัดเปลี่ยน 24 ชม. ไม่ได้ไปไหน _ภาคการสอบสวนโรค ทีมควบคุมโรค เรามีประสบการณ์การระบาดมานายหลายโรค ตามรอยเคสสัมผัสทั้งในบ้าน และชุมชน ทำ active case finding จนโรคสงบในจังหวัดที่ระบาดหนักอาทิ ภูเก็ต ยะลา _ทุก รพ.มีการพัฒนาศักยภาพ ทั้ง เตียงผู้ป่วย ห้องแรงดันลบ และประเทศเราเพิ่มห้องแล็บตรวจโมเลกุลหาสารพันธุกรรมจากแค่ 90 แห่ง เป็น 160 แห่งทั่วประเทศ _เรามีสถานกักกัน state quarantine รับพี่น้องคนไทยกลับบ้าน ดูแลอย่างดีอาหารครบ 3 มื้อสะดวกสบาย ฟรี กลับมา ลงทะเบียนเกือบ 20,000 ราย ตรวจพบเชื้อไปแล้ว 139 ราย _ภาครัฐวิสาหกิจ ช่วยสนับสนุน เงิน อุปกรณ์ สร้างห้องแรงดันลบ ชุดตรวจ เช่น กฟผ. SCG ปตท._ภาคประชาชน บริจาคเงินช่วยเหลือ รพ. ซื้ออุปกรณ์ ป้องกัน ให้แพทย์ พยาบาล ตั้งตู้ปันสุข
ผลงานทีมไทย ถูกยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ประเทศที่จัดการได้ดี
เราจบระลอก 1 ให้คะแนน B+ เพราะ _เรายังต้องรับพี่น้องเรากลับบ้าน _เรายังไม่มีวัคซีน _การ์ดเราบางท้องที่เริ่มตก ไม่สวมหน้ากากอนามัย _เรายังไม่เปิดเทอม เพราะข้อมูลหลายประเทศเปิดเทอมแล้วเกิดระลอก 2 เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น
เราจบระลอก 1 กับคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 3 วันที่ 1 มิถุนายน แบบมีความสุข ให้อิโมจิ ยิ้มแบบยังไม่สุด ไม่เห็นฟัน หรือหัวเราะ เพราะ ยังกังวลใจหลังเปิดเทอม และวันใดที่เราเปิดรับต่างประเทศ
ภาวนาไม่ให้มีระลอก 2 ขึ้นกับพวกเราช่วยกันต่อ ระลอก 1 เราบอบช้ำมามากเจ้าหน้าที่ทำงานหนัก ประชาชนตกงาน เศรษฐกิจแย่ทั่วประเทศและโลก
ทีมชาติไทย เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก สู้ๆปู้นๆ”
2. ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
ถ้านึกไม่ออก ท่านคือคุณหมอผู้ร่วมประคองพระโกศทองใหญ่ ในหลวง ร.9
ล่าสุด (29 พ.ค.2563) นพ.ประสิทธิ์ได้ออกย้ำเตือนถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 รอบที่สองในประเทศไทย โดยเตือนว่า หากคนไทยเริ่มประมาทกันแบบนี้ รอบสองมีแน่ รอบแรกคนตายจำนวนหนึ่ง แต่รอบสอง ตายมากกว่ารอบแรกกว่าเท่าตัว
“รอบ 2 มีโอกาสแน่ รอบแรกคนตายจำนวนหนึ่ง แต่รอบที่ 2 จะมีมากกว่ารอบแรก 1 เท่าตัว ถ้า 1 วันมีคนติดเชื้อ 100 คน มันกระจายไปแบบยกกำลัง 2 ไม่ได้คูณ 2...
...มีคนบอกว่าผมออกมาขู่ แต่ไม่ใช่ ผมติดตามทุกประเทศ ผมมั่นใจว่ารอบ 2 มาแน่ เพราะโดยธรรมชาติมันมีโอกาสกลับเข้ามา กลับเข้ามาเราไม่ห่วง แต่ที่ผมห่วงคือสูง หรือ ไม่สูง ถ้ากลับเข้ามาแล้วติดเชื้ออยู่หน่อยหนึ่งแล้วเรากดลงมาได้ ก็ไม่เป็นไร ถ้ามาแล้วมีการติดเชื้อ ทุกคนที่ติดเชื้อแล้วไม่ตาย จะเกิดภูมิต้านทานขึ้น ถ้าภูมิต้านทานเยอะๆ จนกระทั่งครอบคลุม 2 ใน 3 ของคนไทยทั้งประเทศ โควิดอยู่ในเมืองไทยไม่ได้หรอก...
...ทันทีที่เราผ่อนในระยะแรก เรารู้อยู่ว่าเรื่องอยู่บ้านมันจะแย่ลงนะ เรื่องการรักษาระยะห่างมันจะแย่ลงนะ ดังนั้น เราจึงย้ำว่าเรื่องหน้ากากไม่ถอยนะ อันนี้ไม่ผ่อนนะ
ทุกคนจะต้องใส่หน้ากาก และพยายามหลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้ อีกอย่างหนึ่งที่เป็นกังวล คือ
เมื่อผ่อนมาตรการ แล้วคนเก็บกดกันเยอะ ระยะหลังนี่เริ่มเห็นแล้วว่าคนไม่ใส่หน้ากากกันบ้าง เนื่องจากผับยังปิดอยู่ก็นัดกันไปสังสรรค์ที่บ้าน เปิดผับที่บ้านเลย สังสรรค์กันที่บ้าน ดื่มเหล้ากันที่บ้าน ไม่มีใครใส่หน้ากากดื่มเหล้ากันอยู่แล้ว และดื่มเหล้าเข้าไปคงไม่มีใครกระซิบพูดเบาๆ ถ้ามีแม้แต่ 1 รายที่มีไวรัสอยู่ ก็แพร่ได้ อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวังตลอดเวลาส่วนบทเรียนจากการระบาดรอบ 2 จากประเทศเพื่อนบ้านนั้น…
...เราเห็นประเทศหลายประเทศที่เกิดรอบ 2 เกาหลีใต้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเริ่มจะขึ้น รอบ 2 เขาวิ่งกลับมาคุมใหม่หมดทันที อันนี้ก็ลงแล้ว สิงคโปร์รอบแรกสิ้นสุด โอ้โห คนชื่นชมมาก เพราะมีแค่ 509 ราย ณ วันนี้ 26,000 ไปแล้ว รอบสองกับรอบแรกต่างกันเท่าไหร่ เป็นสิบๆ เท่า ที่ไม่นานมานี้เราก็เห็นฮอกไกโดเป็นเมืองท่องเที่ยว ทีนี้เขาต้องการให้เศรษฐกิจกลับมาเร็ว จึงประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉิน พอยกเลิกภาวะฉุกเฉินก็เริ่มเปิดให้คนเข้าไปได้ พอต้น เม.ย. เปิดโรงเรียน ซึ่งต้องเป็นสิ่งที่ระวังมากเลย พอเปิดโรงเรียนนักเรียนเข้ามา พอติดเชื้อโควิด ติดง่ายมาก เพราะเด็กไม่แยกกันอยู่แล้ว เด็กก็เล่นกัน เด็กติดเชื้อโควิด มันเหมือนหวัด อาการเล็กๆ น้อยๆ พอกลับถึงบ้าน พ่อแม่มากอดอีก ก็ติดกันใหญ่ แป๊บเดียว มันเริ่มมีการกระจายใหม่…
....สภาวะปกติ คือ มีโควิดอยู่กับเรา ต้องทำใจไว้แบบนี้ มีการคำนวณไว้คร่าวๆ ว่า 17-24 เดือน เผื่อไปเลย ปีครึ่งถึง 2 ปี เราจะเจอคนที่มีโควิด ก็เหมือนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B เราก็เจออยู่บ้างเป็นครั้งเป็นคราวแบบเดียวกัน มันจะอยู่กับเราอีกระยะหนึ่ง มันจะหายไปหากวัคซีนออก วัคซีนคือระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เพียงแต่เราแปลงให้เป็นระบบที่เราใส่เข้าไป ณ วันนี้ คนที่ติดเชื้อไวรัสเหมือนกับถูกฉีดวัคซีน จนถึงวันนี้ทำใจไว้เลย วัคซีนจะออกมาฉีดได้บนโลกใบนี้ ไม่เร็วไปกว่าประมาณเดือน มี.ค. ปีหน้า
เราจะทำให้คลื่นลูกที่สอง ไม่รุนแรงหรืออย่างไร ขึ้นกับ 3 กลุ่ม คือ
1.ผู้บริหารประเทศ ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ อันนี้จำเป็นนะ ท่านอย่าผ่อนคลายอะไรเร็วเกินไป ค่อยๆ ผ่อนเถอะ อันนี้เราสื่อมาหลายครั้งแล้ว ดีกว่าผ่อนไปแล้วกลับมาปิดประเทศใหม่ อย่าปกปิดความจริง ปล่อยให้ความจริงมันปรากฏดีกว่าประชาชนไปรู้เอง ถ้าตัวเลขรัฐบาลบอกแบบหนึ่ง ประชาชนไปรู้แบบหนึ่ง สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ สถานการณ์ UnTrust (ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ) ประชาชนจะไม่เชื่อ รัฐบาลพูดอะไร ประชาชนบอกไม่จริงหรอก คราวนี้ยุ่งแล้ว บอกให้ทำอะไรก็ไม่ทำ
2. ผู้ประกอบการ ขณะนี้ท่านมีโอกาสแล้วที่จะทำให้ธุรกิจของท่านกลับมา แต่ท่านต้องช่วยกันนะ ท่านอย่าทำให้เกิดการแพร่กระจาย โดยการทำตามกฎระเบียบที่มีการกำหนดไว้ ทุกร้านที่มีคนเข้าไปต้องใส่หน้ากาก เตรียมแอลกอฮอล์เจลเอาไว้ให้จัดที่นั่งรักษาระยะห่าง
3. คนไทย คนไทยทุกคนที่ไปใช้บริการต่างๆ ท่านจะต้องระวังตัวท่านเอง ต่อให้ผู้ประกอบการเขาช่วย แต่ท่านไม่ทำมันก็เกิดการแพร่กระจายอีก
สามองค์ประกอบ ทุกคนต้องช่วยกัน ผู้บริหารประเทศ ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจผู้ประกอบการทั้งหลาย แล้วก็ผู้ใช้บริการ คือ คนไทยทั้งประเทศ…”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี