พรรคพลังประชารัฐ กำลังจะ “ลอกคราบ”
ต้องรอดูว่า ลอกคราบแล้ว ผลผลิตสุดท้ายจะกลายเป็น “ผีเสื้อ” หรือ “ตัวอะไร”?
1. นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าววานนี้ ยืนยันว่ากรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ แจ้งลาออก 18 คน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ทำให้กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ข้อที่ 15 (3 ) และ วรรคสาม
ข่าวแจ้งด้วยว่า กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่ลาออกประกอบด้วย 1. นายสันติ พร้อมพัฒน์ 2. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์3. นายสุพล ฟองงาม 4. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 5. นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ 6. นายไผ่ ลิกค์ 7. นายนิโรธ สุนทรเลขา 8. นายสัมพันธ์ มะยูโซ้ะ 9. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 10.นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ 11. นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 12.นายสกลธี ภัททิยกุล 13.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ 14.นายสุรชาติ ศรีบุศกร 15.นายนิพันธ์ศิริธร 16.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 17.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 18.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ
ตามข้อบังคับพรรค กำหนดให้เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองชุดใหม่ ภายใน 45 วัน
2. ชื่อที่น่าสนใจ คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร สลับขั้วไปหนุนการ “ผลัดใบ” หรือ “ลอกคราบ” พรรคพลังประชารัฐ
นอกจากนี้ ยังมีรายชื่อของอดีตแกนนำ กปปส. ไม่ว่าจะเป็น นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์
นายสกลธี ภัททิยกุล กลุ่มนี้ยัง “มาด้วยกัน-ไปด้วยกัน” เอาไงเอากันเหมือนเดิม
แน่นอนว่า กลุ่มนี้ ยังไงก็หนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีทางเป็นอื่น
เป็นสัญญาณว่า ต้องการการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อจะเปลี่ยนดุลอำนาจบางประการ
3. การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค แน่นอนว่าไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีโดยอัตโนมัติ
แต่ย่อมจะมีผลกระทบต่อเก้าอี้รัฐมนตรีในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะต้องเปลี่ยนไปหลังปรับขั้วอำนาจในพรรค ก็คงจะมีการเสนอชื่อรัฐมนตรีในสายพลังประชารัฐกันใหม่
จะเปลี่ยนหน้าไปแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับโฉมหน้าของผู้กุมอำนาจตัวจริงภายในพรรคหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม คำตอบสุดท้าย อยู่ที่ตัวพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะปรับ ครม.อย่างไร?
โดยเฉพาะเก้าอี้ ครม.ที่เป็นสายตรงของลุงตู่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับลุงตู่ว่าจะเห็นสมควรแค่ไหน อย่างไร?
4. พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ จะถือโอกาสเขย่าเก้าอี้รัฐมนตรี ปรับใหญ่กันทีเดียวเลยหรือไม่ ก็คงเป็นเรื่องที่แต่ละพรรคจะไปพิจารณา
ขณะที่สมการพรรคร่วมรัฐบาล จนถึงเวลานี้ เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร
มีพรรคเศรษฐกิจใหม่เข้ามาเพิ่ม
มี อดีต สส.อนาคตใหม่ ที่ย้ายไปสังกัดพรรคร่วมต่างๆ
จะมีการปรับเพิ่ม-ลด สัดส่วนรัฐมนตรีในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่?แล้วจะลงตัวหรือไม่?
เชื่อว่าไม่น่าจะนำไปสู่จุดแตกหักในพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน เพราะคงไม่มีใครโง่พอที่จะปล่อยให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองถึงขั้นยุบสภาในเวลานี้
5. ปัญหาหลัก จึงอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ
และเชื่อแน่ว่า สุดท้าย ทุกอย่างจบที่ลุงตู่
เพราะถ้าไม่มีลุงตู่ พรรคพลังประชารัฐไม่มีทางได้เป็นรัฐบาล และไม่มีทางได้ สส.มากขนาดนี้
ลองกลับไปดูคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตของพรรคพลังประชารัฐกว่า 8.4 ล้านเสียง มาอันดับหนึ่ง ชนะทุกพรรค
ประชาชนคนไทยออกมาเทคะแนนให้ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา ชัดเจน
ผลงานมากมาย กล่าวถึงไม่หวาดไม่ไหว
เอาแค่เห็นๆ โครงการก่อสร้างสารพัดที่สร้างจะเสร็จวันนี้พรุ่งนี้เยอะแยะไปหมด
ไหนจะการแก้ปัญหาที่หมักหมม สะสมมาหลายยุค ทั้งในเรื่องการบิน การประมง ค้ามนุษย์ ฯลฯ
ไหนจะผลงานรับมือโควิด-19 ที่ทั่วโลกชื่นชม เอาอยู่ของแท้
ไหนจะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เยียวยาเกษตรกร เราไม่ทิ้งกัน เงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เบี้ยผู้พิการ เพิ่มเงินเดือน อสม. ฯลฯ
เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐขึ้นป้ายชัดเจนในช่วงโค้งสุดท้ายว่า “เลือกความสงบ จบที่ลงตู่”
ถึงวันนี้ ต่อให้พรรคจะขัดแย้งกันภายในแค่ไหน ตีรันฟันแทงกันแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะเกินเยียวยา
ยากที่พรรคจะแตก
ทุกอย่างจะสงบด้วย “ลุงตู่”
ถึงวันนี้ สส.ในพรรคก็คงต้องถือสโลแกน “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่”
พูดกันตรงๆ พรรคพลังประชารัฐ ขาด “ลุงตู่” ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี