“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า – อุดมการณ์ มั่นคงตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” รับผิดชอบ “คุ้ยแคะแกะเกา” เรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอให้ผู้บริโภคได้เสพข้อมูลข้อเท็จจริง ตามสไตล์“แนวหน้า” โดยขอเริ่มต้นถึงการพิจารณาร่างพระราชกำหนดให้กระทรวงการคลังกู้เงิน จำนวน 3 ฉบับ วงเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ผ่านการลงมติเห็นชอบจากท่านผู้ทรงเกียรติในสภาผู้แทนราษฎรตามความคาดหมายอย่างไร้มลทิน...
nn “ไม้หน้าสาม” มองว่าสังคมไทยเดินมาถึง จุดที่สามารถยุติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จนสามารถควบคุม “โรคติดเชื้อโควิดไนน์ทีน” ได้เพราะความร่วมมือร่วมใจของ “ทีมไทยแลนด์” ที่ประกอบไปด้วยประชากรไทยทั่วทุกภูมิภาค แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งทหารตำรวจและฝ่ายปกครอง รวมทั้ง อาสาสมัครสาธารณสุขกว่า 1.5 หมื่นคน เมื่อเป็นเช่นนี้ฝ่ายการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน สมควรร่วมมือกันพลิกวิกฤติของชาติครั้งนี้ให้เป็นโอกาสในการนำพาประเทศไทยไปสู่ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจให้จงได้แน่นอน... เงินกู้ 1.9ล้านล้าน คงไม่ได้ช่วยให้ความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้นอย่างแน่นอน หรืออาจดีขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลเยียวยา แต่วันข้างหน้าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรยังไม่มีใครคาดคิด การันตีได้ ดังนั้น ฝ่ายการเมืองและภาคเอกชนควรมุ่งปฏิบัติเพื่อผลประโยชน์ชาติให้เศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของทีมไทยแลนด์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”...
nn อย่าลืมว่า ประเทศไทย มีตู้เย็นธรรมชาติที่บรรจุอาหารที่สำคัญของโลกไว้อย่างมากมาย นักการเมืองไม่สมควรที่จะหยิบฉวยวิกฤตินี้หลอกด่ากัดจิกโจมตีหรือวัดผลงานรัฐบาล จึงสมควรพักระยะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายร่วมกันทำงานเพื่อชาติได้หรือไม่ ประชาชนอยู่ได้ประเทศชาติก็อยู่รอด “เสือเศรษฐกิจตัวใหม่” ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก...
nn แน่นอน !! โอกาสที่ “เชื้อไวรัสโคโรนา 2019” จะเกิดการ “แปลงเพศ, กลายพันธุ์ หรือพัฒนา” ให้ก้าวหน้าในอนาคต แล้วกลับมาสร้างหายนะให้แก่มวลมนุษยชาติได้อีกระลอก หรือมีเชื้อไวรัสเกิดใหม่ขึ้นมาทำลายล้างมนุษยชาติย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นรัฐบาลไทย – นักการเมืองไทยจึงไม่ควรหลงระเริงกับความสำเร็จหรือแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจในขณะที่เศรษฐกิจและสังคมไทยยังเปราะบาง แต่ควรฉวยโอกาสที่ทั่วโลกชื่นชมกับความมั่นคงทางการสาธารณสุขของไทยให้เกิดประโยชน์...
nn เอาตามตรง “ไม้หน้าสาม” ได้รับฟังข้อเสนอแนะจากนักวิชาการรุ่นใหม่ฟังแล้วก็ไม่เห็นด้วยกับมาตรการในพระราชกำหนดทั้ง 3 ฉบับนี้เท่าใดนัก เพราะการกู้เงินเป็นการเพิ่มหนี้สิน และเมื่อเป็นหนี้สินก็จำเป็นต้องชดใช้ เพราะเป็นกติกาที่ทราบกันอยู่ “ไม้หน้าสาม”นำข้อเสนอแนะมาให้สังคมไทยได้พิจารณาเผื่อทีมเศรษฐกิจรัฐบาลที่ประกอบไปด้วย “มนุษย์แอดเวนเจอร์ – กูรูร้อนวิชา” จะเกิด “ไตรสิกขา ศีล – สมาธิ – ปัญญา” ขึ้นมาบ้างและหรืออาจจะก่อให้เกิด “มรรค 8” อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ “ไม้หน้าสาม”ถามก่อนว่า การให้อำนาจแบงก์ชาติเสริมสภาพคล่อง ดูแลตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน มิเท่ากับเอาคนจนในประเทศไปอุ้มคนรวย ซึ่งมันดูเหมือนมาตรการนี้กลับหัวกลับหางพิกล แทนที่จะให้คนรวยช่วยเหลือคนจน ฉะนั้นรัฐควรให้ภาคเอกชได้ช่วยตัวเองก่อน ถ้าเกิดปัญหาใดๆ รัฐจึงยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลือไม่เป็นการสมควรกว่าหรือ เท่ากับเป็นการปฏิเสธคำอภิปรายโกหกคำโตที่ว่า “รัฐบาลอุ้มเจ้าสัว” ด้วย นอกจากนี้
ในมาตรการกู้เงินมาเพื่อเยียวยาธุรกิจเอสเอ็มอี โดยการออกสินเชื่อ ซอฟท์โลนในวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อให้เกิดสภาพคล่องนั้น หากรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือสภาพคล่องธุรกิจเอสเอ็มอีด้วย “วิธีการตั้งกองทุนเอสเอ็มอี” โดยเรียกเก็บเงินจาก “ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี” รายละ 100,000 บาทจากที่มีอยู่ทั่วประเทศราว 3 ล้านรายเศษ กองทุนเอสเอ็มอีจะเริ่มต้นด้วยเงินทุนราว 3 แสนล้านบาท รัฐจ่ายเงินสมทบให้ 1 เท่าลักษณะเดียวกันกับกองทุนประกันสังคมคือ 3 แสนล้านบาท ฉะนั้นเงินกองทุนตั้งต้นธุรกิจเอสเอ็มอีจะอยู่ที่ 600,000 ล้านบาท จากนั้นก็ดำเนินการดั่งที่ “สุทินคลังแสง สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน” ได้นำเสนอข้อมูลที่ว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีร้องขอให้มีการจัดตั้ง “สภาเอสเอ็มอี” ในลักษณะเดียวกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้ามาบริหารจัดการกองทุนนี้กันเอง เงินกว่า 600,000 ล้านบาท น่าจะสามารถให้ “สมาชิกธุรกิจเอสเอ็มอีกู้เงินกองทุน” เพื่อไปเสริมสภาพคล่องเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจนั้นต่อไปได้ โดยอาจจะจัดเก็บในอัตราดอกเบี้ยต่ำ “ไม้หน้าสาม” เชื่อว่า เมื่อ “ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี” เป็นผู้ลงทุนเอง และมีส่วนได้ส่วนเสียกับกองทุนนี้เอง น่าจะบริหารจัดการกองทุนด้วยความโปร่งใสและมั่นคงยั่งยืนได้แน่นอน รัฐก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามาเสี่ยงกับภาวะลูกหนี้ที่เป็น “เอ็นพีแอล” ด้วย และจะดียิ่งขึ้นหากรัฐวิสาหกิจอย่าง ปตท.-บางจาก เลิกซื้อน้ำเจ้าสัวมาแจกตอบแทนผู้ใช้บริการ แต่ไปซื้อสินค้าเอสเอ็มอีจากท้องถิ่นมากำนัลลูกค้าเป็นการตอบแทน เงินจะได้เกิดการหมุนเวียนรัฐก็กินหัวคิวภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%ทุกครั้งที่หมุนเรื่อยไป...
nn ทิ้งท้ายฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ขอนำหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐนาม “บริษัทขนส่ง” มาประจานประณามกันตรงนี้ เมื่อภาครัฐเรียกร้องให้ภาคเอกชน ประชาชนช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตการณ์การระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโควิดไนน์ทีน”กลับมาอีก เรื่องนี้“ไม้หน้าสาม”ประสบเหตุด้วยตนเองเมื่อค่ำวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา เรื่องโดยสรุปว่า “ไม้หน้าสาม” จะขึ้นรถปรับอากาศประจำทาง “สายกรุงเทพฯ – นครปฐม” ซึ่งเป็นรถมินิบัส จากสถานีขนส่งสายใต้ ระหว่างรอรถคันดังกล่าวเข้าเทียบชานชาลา เจ้าหน้าที่ได้จัดให้ผู้โดยสารที่จะใช้บริการต่อแถวเข้าคิวเพื่อเดินขึ้นรถ พระเจ้า!! แถวที่ให้ผู้โดยสารยืนรอนั้นไม่มีการจัดระยะเว้นห่างตามมาตรการสาธารณสุขแต่อย่างใด ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เมื่อรถเข้า “เทียบชานชาลา” เจ้าหน้าที่อนุญาตได้ให้ผู้โดยสารเดินขึ้นรถ โดยบนรถไม่มีการทำแผนผังแสดงระยะห่างตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข คือไม่มีการเว้นที่นั่งให้ห่างกันแต่อย่างใด ประเด็นที่จะกล่าวถึงคือ กัดจิกหยิกข่วน กำหนดกติกา แต่ภาครัฐกลับไม่ใส่ใจ หน่วยงานของรัฐการ์ดตกหละหลวมเยี่ยงนี้ถ้ามีการแพร่ระบาดรอบสองเหมือนในจีน-เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ประชาชนจะเกิดอาการ “เจ็บจบจน” อีกกระทอกแล้วรัฐก็ออกพระราชกำหนดกู้เงินเยียวยาอีกกระนั้นหรือ “ลุงตู่ทหารแก่” อย่า “ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น” กันเลยควรปฏิบัติโดยเคร่งครัดทั้งประชาชนและหน่วยงานของรัฐในฐานะ “ทีมไทยแลนด์” น่าจะทำให้สังคมไทยปลอดภัยจาก “โรคติดเชื้อไวรัสโควิดไนน์ทีน”ได้แน่นอนกว่า...
nn ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดกับท่าน “พลตำรวจตรีณฐพล สามเสนผู้บังคับการกองกำกับการ 10 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ”เพื่อนคณะเรา อำนวยศิลป์รุ่นลูกป๋า ๕๒ ที่สูญเสีย “คุณแม่สมลักษณ์ สามเสน” ไปอย่างไม่มีวันกลับ โดยตั้งสวดพระอภิธรรมศพ ณ ศาลา 14 วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขนและจะมีพิธีพระราชทานเพลิงในเวลา 14.00 น. ของวันอังคารที่ 2 มิถุนายน 2563 เจ้าภาพกราบเรียนเชิญญาติเรียนเชิญเพื่อนสนิทมิตรสหายร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงด้วยความเคารพ ฉบับหน้า “ไม้หน้าสาม”จะมีข้อเสนอการพิจารณาใช้เงินกู้ 1 ล้านล้าน “เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ให้ทหารแก่และคนชราในทีมเศรษฐกิจได้พิจารณาอีกกระทอก
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี