บทความวันนี้ยังคงนับเนื่องเป็นบทความในชุด “จากเนรัญชราถึงอิสิปตนะ” เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและปรารถนาอานิสงส์ให้บังเกิดความสวัสดีแก่บ้านเมืองและพี่น้องร่วมชาติทั้งหลายในยามที่ชาติบ้านเมืองกำลังเผชิญกับสารพัดวิกฤติอยู่ในขณะนี้
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตัดสินพระทัยเสด็จพุทธดำเนินจากตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสีแล้ว เมื่อนับระยะเวลาถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งเป็นวันแสดงปฐมเทศนาคือแสดงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งปัจจุบันเรียกวันนี้ว่าวันอาสาฬหบูชานั้นก็จะมีระยะเวลาห่างกันเพียง 11 วัน
ซึ่งในพระสูตรและพุทธประวัติมีความตรงกันว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 และทรงพักอยู่หนึ่งวัน จนล่วงเข้าวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 จึงทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ ดังนั้นระยะเวลาที่เสด็จพุทธดำเนินจริงๆ จึงมีระยะเวลาเพียง 10 วัน
ระยะเวลาเพียง 10 วันในการเสด็จพุทธดำเนินจากตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เป็นระยะทางประมาณ250 กิโลเมตร หรือเฉลี่ยการเดินทางวันละ 25 กิโลเมตรแต่หนทางและการเดินทางในยุคนั้นผิดกับปัจจุบันมากมายนัก
คือไม่มีเครื่องบิน ไม่มีทางรถไฟ ไม่มีทางรถยนต์ จะมีทางเกวียนบ้างก็เฉพาะในหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างกันมาก ดังนั้นหนทางส่วนใหญ่ตลอดระยะทาง250 กิโลเมตร จึงเป็นพื้นที่ป่าและทางทุรกันดารทั้งสิ้นจึงเป็นที่น่าคิดว่าเสด็จพุทธดำเนินอย่างไรต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 10 วัน ในท่ามกลางสภาพภูมิประเทศที่ทุรกันดารลำบากยากเข็ญและอาจมีอันตรายทั้งโจรผู้ร้ายและสัตว์ป่ามากมาย
พวกฝรั่งก็สงสัยในเรื่องนี้ แต่ก็หาคำตอบใดๆ ไม่ได้ คงได้แต่สันนิษฐานว่าบางช่วงระยะทางอาจจะทรงอาศัยเกวียนหรืออาศัยสัตว์พาหนะของชาวบ้านที่ผ่านทางไปทางเดียวกันก็ได้ หรือในวัยของคนอายุ35 ปี ซึ่งเป็นวัยฉกรรจ์ ก็อาจจะทรงวิ่งหรือทรงเดินอย่างรวดเร็วหรือกระทั่งเดินตลอดทั้งวัน รวมทั้งบางห้วงเวลาในเวลากลางคืนด้วยก็ได้
นั่นเป็นวิธีคิดของพวกฝรั่ง ซึ่งจะค้นคว้าหาเหตุผลอย่างไรก็ไม่มีคำตอบ จึงได้แต่สันนิษฐานแตกต่างกันไป นั่นเพราะคนเหล่านั้นไม่เคยรู้ไม่เคยทราบและไม่เคยสัมผัสของพลังอำนาจแห่งจิตของสิ่งที่เรียกว่าอิทธิและปาฏิหาริย์ ซึ่งมีอยู่ในทุกศาสนา
แม้พระเยซูคริสต์เป็นเจ้าก็เคยแสดงอภินิหาร โดยนำผู้ศรัทธาเดินฝ่าข้ามแม่น้ำที่แยกออกเป็นสองทาง แต่พวกฝรั่งเหล่านั้นก็มิได้ยอมรับนับถือ
หรือถ้าผู้ใดค้นคว้าอ่านพบหนังสือจดหมายเหตุของพระถังซัมจั๋งฉบับดั้งเดิมก็จะพบว่าในระหว่างการจาริกไปอินเดียในช่วงยุคราชวงศ์ถังนั้น พระถังซัมจั๋งก็ได้บันทึกไว้ในจดหมายเหตุว่าได้เห็นพวกโยคีเหาะเหินไปในอากาศก็มี ได้พบเห็นพวกโยคีที่มีอายุ 500 กว่าปีก็มี แต่มาในการแปลชั้นหลังเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระจึงตัดความเหล่านี้ออกไป เพื่อหวังให้คนรุ่นใหม่พร้อมใจที่จะศึกษาจดหมายเหตุนั้น จึงมิได้รักษาสิ่งที่พระถังซัมจั๋งได้พบเห็นในระหว่างทางจาริกไปอินเดียในครั้งกระโน้น
อย่าว่าแต่ยุคอดีตอันไกลโพ้นเลย แม้ในยุคสมัยปัจจุบันหรือย้อนไปไม่ไกลนักก็ปรากฏอยู่เสมอว่าพวกโยคีสามารถลอยตัวได้ ถึงขนาดที่ขอทานในอินเดียบางคนก็สามารถลอยตัวได้ด้วยอำนาจกำลังแห่งจิตที่มิใช่การแสดงกลขายยาแต่ประการใด
แต่สำหรับชาวพุทธที่คุ้นเคยกับการปฏิบัติ แม้กระทั่งคนวัดคนวาที่เคยรับใช้ใกล้ชิดพระมหาเถระผู้ทรงธรรมวินัยในอดีตก็ย่อมเคยพบเคยเห็นการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ในการร่นระยะทางบ้าง ในการเดินข้ามแม่น้ำบ้าง และแม้ในพระไตรปิฎกซึ่งถือว่าเป็นที่สถิตของพระศาสดาหลังจากเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วก็มีปรากฏอยู่ในมากที่หลายแห่ง
ดังเช่นในกายคตาสติสูตรเป็นต้น ได้ระบุถึงผลสามัญธรรมดาที่เกิดขึ้นจากการบรรลุธรรมบางขั้นบางระดับว่าสามารถกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ได้ต่างๆ นานา เป็นแต่ว่าผู้ที่ใฝ่ศึกษาแต่เชิงปริยัติไม่เคยสัมผัสกับการปฏิบัติ และไม่เคยรับผลของการปฏิบัติคือปฏิเวธของการปฏิบัตินั้น และทำในสิ่งที่ทรงสอนไว้ไม่ได้ก็พาลปฏิเสธตีความไปเป็นอย่างอื่น อันเป็นการบิดเบือนความในพระสูตรอย่างชัดเจน
เพียงแค่ระยะทาง 250 กิโลเมตร แม้จะทุรกันดารยากลำบากปานใด แต่สำหรับผู้บรรลุธรรมและทรงภูมิธรรมขั้นสูงสุดของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น หากจะทรงกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ประการใดก็ย่อมสำเร็จได้ประการนั้นดังนั้นจึงเสด็จพุทธดำเนินไปถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันได้ตามกำหนดที่ทรงตั้งพระทัยไว้
ในพระสูตรมิได้แสดงในเรื่องนี้ไว้ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าทรงอาศัยพาหนะใดหรือเสด็จพุทธดำเนินด้วยวิธีการอย่างไร แต่ก็ประจักษ์ชัดว่าทรงทำให้ระยะทางพุทธดำเนินอย่างนั้นสั้นลง จนกระทั่งเสด็จพุทธดำเนินไปถึงที่หมายได้ตามวันเวลาที่ทรงตั้งพระทัยไว้
ในยามบ่ายของวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ปัญจวัคคีย์เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาแต่ไกลๆ ในขณะที่ยังฝังใจว่าเจ้าชายสิทธัตถะได้ละความเพียร เลิกบำเพ็ญทุกรกิริยาไปเสวยพระกระยาหารอันถือได้ว่าเป็นการหมกมุ่นในกามคุณอันเป็นวิสัยของชาวบ้านเสียแล้ว ย่อมไม่มีทางตรัสรู้ได้ บัดนี้เมื่อพวกเราได้หลีกลี้หนีมาคงจะทรงลำบากเพราะไม่มีผู้ใดปรนนิบัติรับใช้ เห็นทีว่าที่เสด็จมาในครั้งนี้ก็เพื่อจะมาหลอกลวงพวกเราให้กลับไปปรนนิบัติรับใช้อีกครั้งหนึ่ง
ปัญจวัคคีย์คิดอย่างนั้นแล้วก็ตกลงตั้งการ์ดไว้สูง โดยคิดว่าจะไม่ยอมถูกหลอกลวงกลับไปเป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้อีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี