ปฏิบัติการยึดพรรคพลังประชารัฐที่เกิดขึ้นนั้น อย่าเพิ่งคิดว่าจบแล้ว จบแค่นี้ เรื่องนี้เหมือนหนัง “เฉินหลง” เกือบทุกเรื่อง คือ อย่าเพิ่งลุกจากเก้าอี้ เพราะยังมีต่อ
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากการที่ระดับ สส. ด้วยกัน “ปกครองกันเองไม่ได้” เพราะในพรรคพลังประชารัฐมีกันหลายก๊ก หลายก๊วน หลายมุ้ง หลายกลุ่มผลประโยชน์ยังไม่รวมพวกฟรีแลนซ์ ที่ไม่สังกัดกลุ่มใดอีก เกมจึงไม่จบแค่กรรมการบริหารพรรคลาออกเกินครึ่งหนึ่งแน่
ในความเป็นจริง นี่คือครบ 1 ปีของการตั้งรัฐบาล มันต้องมี “สัญญาใจ” อะไรกันไว้แน่ เพราะก่อนหน้านี้ กลุ่มสามมิตรที่นำ สส. เข้าพรรคมาได้จำนวนมาก ล้วน “อกหัก” สอยดาวได้แค่ “รางวัลปลอบใจ” ได้มาม่า ปลากระป๋อง ผงซักฟอกกลับบ้าน กลุ่ม 4 กุมารลูกรักสมคิด แทบไม่มี สส.ในมือ ได้เก้าอี้เสนาบดีกันเกือบครบ ส่วนเก้าอี้ดีๆ อีกหลายตัวที่สามมิตรอยากได้ ก็ถูกเอาไปประเคนให้พรรคร่วม อย่าลืมนะครับ กว่าประชาธิปัตย์จะตอบรับ คุยเรื่องเก้าอี้กันอยู่ตั้งนาน แถมมีข่าวแกนนำสามมิตรบางคนบุกถึงพรรคประชาธิปัตย์เลยด้วยซ้ำ
ครบปีแล้วครับ รำวงหมดรอบ ถึงเวลา “ซื้อคูปองใหม่” บวกกับว่า “ความห่างเหิน” ระหว่างหัวหน้าพรรค นายอุตตม สาวนายน กับเลขาธิการพรรคนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และบรรดา สส. ในพรรคไม่มีระบบอุปถัมภ์อุ้มชูเลี้ยงดูปูเสื่อให้อิ่มหนำ ยามลำบากต้องไปแจกของชาวบ้าน หัวหน้า+เลขาฯ ก็ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มันเป็นการ “บริหารพรรค-บริหารคน” ที่ผิด เพราะ สส.ส่วนมากในพรรค อยู่ในวัฒนธรรมอุปถัมภ์และ“การเลี้ยงดู” เมื่อคนชุบเลี้ยงกลายเป็นประธานยุทธศาสตร์ที่ชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” การ “เชิดลุงป้อม” ขึ้นสู้จึงเกิดขึ้น
คนอยากเปลี่ยนหัวหน้าจริงๆ ไม่ใช่ลุงป้อม แต่เป็นคนอื่น ซึ่งอาจจะเป็นนายวิรัช รัตนเศรษฐ นายสุชาติชมกลิ่น หรือใครก็ได้ ที่ถูกมองว่าก่อการ-เดินเกมนำร่องมาก่อน และสุดท้ายเลือกใช้ พล.อ.ประวิตรเข้าปะทะกับ 4 กุมาร เฮียกวง (สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกมจึงออกมาว่า เมื่อกดดันให้ลาออกเองไม่ได้ ก็ไปกดดันกรรมการบริหารพรรคให้ลาออกเกินครึ่งก็จบ และทำได้สำเร็จเมื่อ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา
นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐได้ลาออกแล้ว 18 คน ตามข้อบังคับพรรค เมื่อกรรมการบริหารพรรคลาออกเกินกึ่งหนึ่ง ทำให้
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค สิ้นสุดทั้งคณะ ว่า ในวันนี้ขั้นตอนการเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้า และเลขาฯพรรค รวมถึงกรรมการบริหารพรรค กำลังเดินไปอย่างถูกต้องตามข้อบังคับพรรค ตนขอให้สมาชิกพรรคทุกคน หยุดเล่นเกมสร้างความแตกแยกอีก เพราะเมื่อถึงวันประชุมใหญ่ของพรรคทุกอย่างจะเข้าสู่หลักประชาธิปไตย ต่างคนต่างมี 1 เสียงที่จะเลือกให้ใครมาเป็นหัวหน้า หรือเลขาฯพรรคเพราะฉะนั้น วันนี้ไม่มีประโยชน์ที่ต้องมาวัดขุมกำลังกัน รอให้ถึงวันนั้น ก็จะรู้เองว่าสมาชิกส่วนใหญ่ไว้ใจให้ใครมาทำหน้าที่
“เมื่อผลที่ประชุมใหญ่ออกมา สมาชิกทุกคนได้เลือกแล้ว ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องยอมรับเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิก อย่าทำตัวเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่สมควรที่จะเป็นนักการเมืองที่เข้ามาดูแลประชาชนและประเทศชาติ เพราะในเมื่อระบอบประชาธิปไตยยังเคารพกันไม่ได้”
นายสิระกล่าวต่อว่า “ขอฝากไปถึงนายอุตตม และนายสนธิรัตน์ ว่า ขอให้ดูคนรอบข้างให้ดีบางคนไว้ใจไม่ได้ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอีกอย่างอย่าตกเป็นเหยื่อ เพราะเท่าที่เห็น มีคนบางกลุ่มที่ทำตัวเหมือนให้การสนับสนุนทั้งนายอุตตม และนายสนธิรัตน์ แต่กลับลงชื่อไล่ทั้ง 2 ท่าน ด้วยการเซ็นลาออกจากกรรมการบริหารพรรคด้วย ซึ่งตรงนี้ตนไม่ทราบว่าผู้ใหญ่อย่างนายอุตตมและนายสนธิรัตน์รู้เท่าทันหรือไม่ ตนจึงเป็นห่วงว่าจะถูกคนข้างตัวแทงกันเอง” นายสิระกล่าว
เป็นที่รู้กันว่า นายสิระเป็น “คนไม่น่ารักทางการเมือง” และปากเสีย การที่เขาพูดเช่นนี้ไม่แปลกเลย และความหมายน่าจะระบุถึง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาทางการเมืองกันมาก่อนหน้านี้
ในยามที่มี “แต้มต่อ” คนมีมารยาทจะไม่หันไป “หัวร่อ” ให้คู่ชก เพราะมันเป็นกิริยาที่บอกถึงการ “ขาดการอบรมขัดเกลา” และย้ำแค้นให้แก่คู่แข่ง ซึ่งพึงต้องระวัง
อย่าลืมว่า ร.อ.ธรรมนัสนั้น เคลื่อนไหวอย่างชัดเจนถึงการเลือกอยู่ข้างนายอุตตม ยิ่งสองสัปดาห์ก่อนหน้าจะเกิดเรื่องนี้ ยิ่งชัดเจน แต่จู่ๆ ก็มีกระแสข่าวว่าถูกเรียกไปคุย ซึ่ง “แนวหน้าออนไลน์” นำเสนอไว้ว่า
“...ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อ กก.บห.พรรคที่ลาออกในวันนี้ เป็นผลมาจากความพยายามเปลี่ยนแปลง กก.บห. ของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.ชลบุรี และประธาน สส. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่ต้องการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจากนายอุตตมสาวนายน รมว.คลัง มาเป็นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนั้นปรากฏว่าติดปัญหาที่นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ไม่ยอมลาออก อีกทั้งกลุ่มสามมิตร และกลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ยังสงวนท่าที ทำให้เสียงกก.บห.ที่ลาออกไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ไม่เพียงพอที่จะทำให้กก.บห.ชุดเก่าสิ้นสภาพ
ต่อมาจึงพยายามล็อบบี้ไปยังกลุ่มต่างๆ ให้เห็นด้วย โดยให้สส.นำใบลาออกไปให้กก.บห.เซ็น แต่หลายคนไม่กล้าเพราะกลัวมีการแอบอ้าง
สุดท้ายผู้ใหญ่ในพรรคจึงต้องเรียกให้กก.บห. ทุกคนมาเซ็นใบลาออกกับตัวเอง และเก็บใบลาออกไว้เอง เพื่อใช้ในเวลาที่วางไว้ จะได้สะท้อนความเป็นผู้มีอำนาจตัวจริงของพรรค จนนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงกก.บห.ได้สำเร็จดังกล่าว
สำหรับ 18 รายชื่อ กก.บห.ที่ลาออกครั้งนี้ จากการตรวจสอบพบมาจากทุกกลุ่มภายในพรรค แต่ที่น่าสังเกต คือ ชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร รวมอยู่ด้วย คาดว่าเป็นเจตนาต้องการทำให้เห็นว่า ทุกกลุ่มเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง กก.บห.ในครั้งนี้ รวมถึงการให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นฝ่ายกฎหมายพรรค เป็นผู้เปิดเผยเพราะต้องการส่งสัญญาณให้เห็นว่า ไม่ได้มีการกระทำโดยพลการ แต่ได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจตัวจริง และเป็นฝ่ายกฎหมายพรรค
เป็นที่น่าสังเกตว่า รายชื่อ 18 กก.บห.ที่ยื่นลาออก ไม่มีชื่อของนายวิรัช รัตนเศรษฐ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.ชลบุรี และประธาน สส. รวมถึงนายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท ที่ก่อนหน้านี้ เป็นกลุ่มที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง กก.บห. ขณะเดียวกัน กลับปรากฏชื่อ กก.บห.โดยเฉพาะกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ที่เพิ่งจะไปประชุมให้กำลังใจนายอุตตม และนายสนธิรัตน์ ที่ห้อง 419 อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 31 พ.ค.
มีรายงานว่า กก.บห.บางส่วนที่ไปร่วมประชุมกับ ร.อ.ธรรมนัส แต่มีชื่อเป็น 1 ใน กก.บห.ที่ลาออกด้วย รู้สึกเครียดเพราะทำให้คนมองว่า คนที่มีรายชื่อคือ คนสร้างความวุ่นวายในพรรค และเป็นคนหักหลังเพื่อน ในขณะที่กลุ่มคนที่พยายามเคลื่อนไหวให้เปลี่ยนแปลงมาตลอด กลับไม่มีชื่อ ทั้งที่ตอนไปเซ็นใบลาออกไว้กับผู้ใหญ่นั้น ได้เซ็นกันทุกคน แต่กลับเลือกมาแค่ 18 คน และในจำนวนนี้หลายคนเป็นกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส
“เรื่องการเลือกรายชื่อ 18 คนนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่น่าจะรู้เรื่อง โดยมี สส.บางส่วนกำลังพยายามติดต่อ พล.อ.ประวิตร เพื่อขอเข้าพบระบายความอัดอั้น ส่วนที่ไม่มีการออกมาตอบโต้หรือสัมภาษณ์ เนื่องจากไม่ต้องการให้ถูกมองว่า หักกับพล.อ.ประวิตร แหล่งข่าวรายหนึ่งตั้งข้อสังเกต”
เมื่อมีการ “หักหน้า” กันอย่างเอิกเกริกแบบนี้ คิดหรือว่า เรื่องนี้จะจบลงอย่างสวยๆ และง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประกาศผ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า คนที่ไปเซ็นใบลาออกนั้น
“เขาบี้อยู่แล้ว เบื้องหลังเขาข่มขู่ ผมจะเปิดโปงเรื่องนี้ต่อไป และคิดว่าเขาลาออกเกินครึ่งหนึ่งอยู่แล้ว เพราะเขาเรียกไปบี้”
เมื่อถามต่อว่า จะแก้เกมนี้อย่างไร นายสนธิรัตน์ ระบุว่า “ก็เข้าสู่ระบบให้ สส.โหวตก่อนประชุมพรรคไม่ได้หรอก ขนสมาชิกมาหมดก็เจ๊งสิ”
คำถามต่อเนื่องว่า การให้ สส.โหวต เพื่อจะให้กรรมการบริหารพรรคชุดเดิมอยู่ต่อใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า “เปล่า โหวตทีละตำแหน่งเลย ไล่มาเลยตั้งแต่กรรมการบริหาร และตำแหน่งต่างๆ” (ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ)
จึงพูดได้แต่เพียงว่า “อย่าเพิ่งลุกจากเก้าอี้” เพราะ “หนังเรื่องนี้ยังไม่จบ”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี