เข้าสู่การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ระยะที่ 3 แล้ว ซึ่งวันนี้ก็จะเห็นกิจการต่างๆ กลับมาเปิดทำการกันมากขึ้นไม่ว่าร้านนวด โรงภาพยนตร์ รวมถึงศูนย์กีฬาและการออกกำลังกายหลากหลายประเภท ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่เปิดเต็มรูปแบบ เช่น ค่ายมวยหรือสนามกีฬาที่อนุญาตเฉพาะการแยกฝึกซ้อมแต่ยังไม่ให้จัดการประลองแข่งขัน หรือร้านนวดที่ยังไม่ให้นวดใบหน้า แต่สังคมเมืองก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
อนึ่ง แม้จะเป็นที่เข้าใจถึงเหตุผลการต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2563 (รวมถึงสามารถต่อได้อีกโดยนายกรัฐมนตรีขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี) เพราะหลังจากนี้ “การผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 (ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2563) ต้องจับตามองและระมัดระวังเป็นพิเศษ” เนื่องจากจะมีเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สถานบันเทิง สนามมวย ซึ่งเป็น “ฝันร้าย” จากเหตุการณ์ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 เมื่อต้นเดือน มี.ค. 2563 กลับมาเปิดทำการ
แต่อีกด้านหนึ่ง “การต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ประกอบคำสั่งที่เข้มงวด เช่น ห้ามรวมกลุ่มชุมนุมมั่วสุม ห้ามออกจากบ้านในยามวิกาล (เคอร์ฟิว) หลายครั้งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ากลายเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งสนับสนุนโครงการพัฒนาบางอย่าง ถือ (หรือฉวย) โอกาส เดินหน้าโครงการโดยไม่รับฟังความต้องการของประชาชน” เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนอาจจะหวั่นเกรงทั้งข้อกฎหมายรวมถึงสถานการณ์โรคระบาด จนไม่มารวมกลุ่มคัดค้าน
อาทิ วันที่ 3 พ.ค. 2563 ที่ “ตลาดริมคลองหัวลำโพง (ตลาดลาวคลองเตย)” กรุงเทพฯ ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ทั้งที่เป็นเวลาใกล้เคอร์ฟิว (22.00 น.)“เจ้าหน้าที่เขตคลองเตยและบริษัทรับเหมา ยกกำลังเตรียมไล่รื้อพื้นที่ตลาด” ทำให้ฝ่ายผู้ค้าระดมกันมาเพื่อป้องกันพื้นที่ทำกินของตน “ผู้ค้ารายหนึ่งถึงกับประกาศว่ายอมติดคุกดีกว่าอดตาย” เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก “ภาครัฐหวังจัดการในช่วงเคอร์ฟิวโดยคิดว่าจะไม่มีประชาชนออกมาต่อต้าน” ท้ายที่สุดในเบื้องต้นแผนการรื้อย้ายถูกเลื่อนออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย
หรือตลอดเดือนพ.ค. 2563 ที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา มีกรณีคัดค้าน “เขื่อนกั้นคลื่นหาดม่วงงาม”ซึ่งเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2563 เครือข่ายประชาชน5 ภูมิภาค ได้ไปยื่นหนังสือ ณ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีผลกระทบการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อีกด้านหนึ่งทำให้ “ประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยกับโครงการเขื่อนกั้นคลื่นไม่สามารถแสดงออกได้ เช่น จะไปทำกิจกรรมฝังตัวในทรายเพื่อแสดงสัญลักษณ์ ก็ถูกตำรวจห้ามไว้”เนื่องจากอยู่ในช่วงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยผู้คัดค้านกังวลเรื่องอาจกระทบต่อประมงชายฝั่ง
รวมถึงวันที่ 30 พ.ค. 2563 เครือข่ายประชาชนคัดค้านโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลภาคอีสาน (คปน.) รวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น ไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เนื่องจากเป็นห่วงว่าการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นของประชาชน กรณีโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลซึ่งมีความพยายามดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง จะไม่สามารถทำได้ เป็นต้น
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 (มาตรา 58) ระบุว่า การดำเนินการใดของรัฐหรือที่รัฐจะอนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการ ถ้าการนั้นอาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัยคุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รัฐต้องดำเนินการให้มีการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนหรือชุมชน และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้องก่อน
เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินการหรืออนุญาตตามที่กฎหมายบัญญัติ, บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐก่อนการดำเนินการหรืออนุญาตตามวรรคหนึ่ง, ในการดำเนินการหรืออนุญาตตามวรรคหนึ่ง รัฐต้องระมัดระวังให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ชุมชน สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพน้อยที่สุด และต้องดำเนินการให้มีการเยียวยา ความเดือดร้อนหรือเสียหายให้แก่ประชาชนหรือชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรมและโดยไม่ชักช้า
อนึ่ง เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2563 วัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงการประชุม กสม. ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2563 ซึ่งมีการพิจารณากรณีข้อพิพาทระหว่างชาวบ้าน ต.ปากข้าวสาร และ ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี กับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปากข้าวสาร และ อบต.หนองยาว รวมถึงผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม
สืบเนื่องจากในเดือนพ.ย. 2562 มีผู้ประกอบการประสงค์จะตั้งโรงงานฆ่าและชำแหละเนื้อไก่ โรงงานผลิตอาหารแปรรูป อาหารปรุงสุกจากเนื้อไก่ และอาหารสำเร็จรูป โรงงานบำบัดน้ำเสียและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน บนพื้นที่ 287 ไร่ ซึ่งประชาชนได้แสดงจุดยืนคัดค้านเนื่องจากยังไม่ได้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจนว่าโรงงานจะใช้น้ำดิบจากแหล่งใด และจะบำบัดน้ำเสียอย่างไร จึงเป็นห่วงว่าจะกระทบกับชาวบ้านที่ใช้คลองหนองยาว เป็นแหล่งน้ำสายหลักในการอุปโภคบริโภค
โดย กสม. เสนอแนะไว้ตอนหนึ่งว่า การเปิดเผยข้อมูลและประชาสัมพันธ์ข่าวสารความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการพัฒนาหรือกิจการต่างๆ ให้ประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกๆ ที่หน่วยงานและผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง “ส่วนการทำความเข้าใจกับชุมชน และการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีส่วนได้เสียควรดำเนินการให้ทั่วถึง และการเข้าร่วมดังกล่าวพึงดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างกัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19” ในขณะนี้ด้วย
สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” คงต้องฝากท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วยกำชับเจ้าหน้าที่รัฐในทุกระดับ “เคารพหลักสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน” โครงการพัฒนาใดๆ ช่วงนี้ถ้าชะลอไปก่อนได้ก็ชะลอ แต่ถ้าจะเดินหน้าก็ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมด้วย..เพื่อให้การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นไปเพื่อป้องกันโรคระบาดเท่านั้นตามที่ชี้แจงกับประชาชนไว้!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี