นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการให้ความเห็นชอบของวุฒิสภาเพื่อเสนอแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช. ท่านหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
โดยอ้างเหตุว่าผู้ที่ได้รับความเห็นชอบนั้นเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. และพ้นตำแหน่งมายังไม่ถึง 5 ปี จึงต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2560
ในพลันที่ข่าวคราวที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินปรากฏแก่สาธารณะ ก็มีเสียงคัดค้านไม่เห็นด้วยจากสมาชิกวุฒิสภาหลายท่าน ในขณะที่บางท่านได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่าเป็นการให้ความเห็นชอบที่ถูกต้องแล้ว ทั้งระบุด้วยว่าเรื่องนี้มีตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาถึง 80 คน เป็นเดิมพัน
ทำให้เกิดข้อสงสัยสอบถามกันจ้าละหวั่นว่ามีเรื่องอันใดร้ายแรงหรือมีความขัดแย้งอะไรเกิดขึ้นจึงต้องถึงกับอ้างตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา 80 คน เป็นเดิมพัน จึงทำให้เกิดการสืบแสวงหาข่าวคราวเพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้
ในที่สุดอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งก็ได้ไขความจริงว่า จำนวน 80 คน ของสมาชิกวุฒิสภาดังกล่าวนั้นอาจเกี่ยวข้องกับสมาชิกวุฒิสภาในปัจจุบันจำนวน 80 คน ที่เคยดำรงตำแหน่ง สนช. มาก่อน และได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในขณะที่ยังไม่พ้นระยะเวลา 5 ปี
นั่นเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันระหว่างผู้ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินกับสมาชิกวุฒิสภาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะบานปลายขยายตัวไปถึงไหนก็ไม่มีใครทราบล่วงหน้า เพราะหลังจากนั้นนายศรีสุวรรณ จรรยา ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการให้ความเห็นชอบนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญก็จะดำเนินการต่อไปให้สมาชิกวุฒิสภาที่ให้ความเห็นชอบนั้นต้องรับผิดชอบ
แต่เรื่องที่ประสงค์จะทำความเข้าใจในวันนี้ก็คือปัญหาฐานะของ สนช. หรือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่าเป็นอะไร มีฐานะเป็นอะไร และอยู่ในข้อบังคับอันเป็นข้อต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการในองค์กรอิสระได้หรือไม่
องค์กรอิสระที่ว่านี้ย่อมหมายถึงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ซึ่งเมื่อเป็นองค์กรอิสระแล้วรัฐธรรมนูญจึงบัญญัติคุณสมบัติอันเป็นข้อต้องห้ามบางประการไม่ให้ผู้ต้องห้ามนั้นดำรงตำแหน่งตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 ได้บัญญัติคุณสมบัติข้อต้องห้ามดังกล่าวว่าสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่พ้นจากตำแหน่งยังไม่ถึง 5 ปี จะดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญไม่ได้
ในการให้ความเห็นชอบของวุฒิสภาในการแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช. อันเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันในขณะนี้เป็นกรณีที่ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบนั้นเคยดำรงตำแหน่ง สนช. มาก่อน และพ้นจากตำแหน่งมายังไม่ครบ 5 ปี
ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาหลายท่านได้แถลงข่าวว่าเหตุผลที่วุฒิสภาให้ความเห็นชอบก็เพราะว่า สนช. หรือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาตินั้นไม่ใช่ สส. หรือ สว. เพราะรัฐธรรมนูญชั่วคราวบัญญัติให้ทำหน้าที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกรัฐสภาเท่านั้น ซึ่งเป็นข้ออ้างที่เห็นได้ชัดว่าได้ถือเอาชื่อตำแหน่ง สนช. หรือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นหลักว่าไม่ใช่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา
แต่ข้ออ้างเช่นว่านั้นอาจจะตื้นเขินเกินไปและขาดการคำนึงถึงการปฏิบัติที่ผ่านมา เพราะกรณีแบบนี้ไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดเป็นปัญหาขึ้น ทั้งคุณสมบัติอันเป็นข้อต้องห้ามนั้นมิได้ระบุเฉพาะตำแหน่ง สว. หรือ สว. ซึ่งมีบัญญัติไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ที่สำคัญคือ
ประการแรก ก่อนหน้านี้ไม่นานวุฒิสภาเคยลงมติไม่ให้ความเห็นชอบในการเสนอชื่อพลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัด กระทรวงกลาโหม ซึ่งเคยเป็น สนช. รุ่นเดียวกับผู้ได้รับความเห็นชอบรายหลังนั่นเอง โดยอ้างว่าพลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก เคยดำรงตำแหน่ง สนช. และพ้นตำแหน่งมายังไม่ครบ 5 ปี จึงต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ทำให้พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็กไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชน
นี่เป็นแบบแผนและหลักปฏิบัติที่ถือปฏิบัติมาเช่นนี้ ซึ่งตรงกับหลักคุณสมบัติต้องห้ามตามกฎหมายอยู่แล้ว
ประการที่สอง ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญได้บัญญัติชัดเจนว่า เมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับแล้ว ให้ประธาน สนช. ปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และประธานรัฐสภาไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภาแล้ว ซึ่งมีความหมายชัดเจนว่า สนช.และประธาน สนช. คือผู้มีตำแหน่งอย่างเดียวกันกับ สส. และ สว. เพียงแค่เรียกชื่อต่างกันเท่านั้น
ประการที่สาม บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับคุณสมบัติต้องห้ามนั้นครอบคลุมถึง สส., สว. เจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วว่า สนช. นั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าที่ระบุในกฎหมาย ป.ป.ช. หรือกฎหมายอื่นก็ตาม และเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย
ดังนั้น สนช. จึงเป็นทั้ง สส. สว. สมาชิกรัฐสภา เป็นทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อันเป็นคุณสมบัติต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งกรรมการในองค์กรอิสระหลังจากพ้นตำแหน่งไม่เกิน 5 ปี
การร้องขอให้วินิจฉัยเรื่องนี้ของนายศรีสุวรรณ จรรยา จึงมีน้ำหนักรับฟังได้
ระวังอย่าให้ขยายผลไปกระทบกับการดำรงตำแหน่งของสมาชิกวุฒิสภา 80 คน ก็แล้วกัน มันจะยุ่งกันใหญ่!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี