หลายปีที่ผ่านมานี้ประเทศไทยได้ดำเนินงานต่างๆ ไปในท่ามกลางเสียงติติงอย่างต่อเนื่องว่าได้ละเมิดการตั้งตนเป็นประเทศที่มีความเป็นกลางในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประพฤติตนเป็นฝักฝ่ายในทางการเมืองระหว่างประเทศ กระทั่งเอียงกระเท่เร่จนเป็นประหนึ่งเป็นประเทศบริวารของบางประเทศ
ทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อประเทศชาติทั้งในลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และผลประโยชน์แห่งชาติ
ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศไว้สองเรื่องได้ถูกละเมิดและเหยียบย่ำจนสิ้นเชิง ทำให้ผลประโยชน์แห่งชาติเสียหายอย่างยับเยิน และเสียหายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างยิ่ง จำเป็นจะต้องได้รับการฟื้นฟูแก้ไขโดยไวที่สุด
เมื่อครั้ง คสช. ยึดอำนาจการปกครองใหม่ๆ พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้ประกาศนโยบายต่างประเทศที่สำคัญมากสองเรื่อง
เรื่องแรก ประกาศว่าประเทศไทยจะไม่ตั้งตนเป็นศัตรูของใคร และในขณะเดียวกันก็จะไม่ยอมค้อมหัวให้ใครบังคับข่มเหงโดยเด็ดขาด ซึ่งก็คือวิเทโศบายสำคัญที่จะต้องประพฤติปฏิบัติให้เป็นจริงให้ได้ ก็จะมีผลทำให้ประเทศไทยเป็นกลางทางการเมืองระหว่างประเทศ เป็นรากฐานของการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ
เรื่องที่สอง ประกาศว่าประเทศไทยจะต้องรักษาฐานการค้าระหว่างประเทศเดิมไว้ให้มั่นคง ในขณะเดียวกันก็ต้องขยายตลาดการค้าระหว่างประเทศใหม่ๆ ด้วย ซึ่งก็คือวิเทโศบายในทางการค้าระหว่างประเทศ ที่จะต้องรักษาตลาดดั้งเดิมไว้ให้มั่นคง และขยายตลาดการค้าระหว่างประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
คำประกาศในเรื่องที่สองนี้จะต้องอาศัยรากฐานการดำเนินวิเทโศบายตามคำประกาศข้อแรกให้สำเร็จและเป็นจริง เพราะถ้าหากไม่สามารถดำรงความเป็นกลางในการระหว่างประเทศได้อย่างแท้จริงแล้วก็ไม่มีทางที่จะบรรลุเป้าหมายตามคำประกาศที่สองได้เลย
คำประกาศทั้งสองเรื่องนี้ได้ดำเนินไปตามแนวทางพระบรมราชวิเทโศบายที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงวางให้เป็นหลักในการต่างประเทศของราชอาณาจักรไทยมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่อนแล้ว
ถึงขนาดที่ทรงสร้างสถานที่สำคัญไว้คอยเตือนใจปวงชนชาวไทยให้ตระหนักไว้เสมอว่า ในขณะที่เราคบหาประเทศตะวันตกซึ่งคึกคักมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4นั้น ประเทศไทยจะต้องไม่ทอดทิ้งสองชาติสำคัญโดยเด็ดขาด จะต้องดำรงรักษาความสัมพันธ์กับสองประเทศนี้ไว้ให้มั่นคงด้วย นั่นคือจีนและรัสเซีย
พระที่นั่งเทียนหมิงเตี้ยนหรือพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ ซึ่งประเทศจีนและนักธุรกิจชาวจีนในยุคนั้นได้สร้างขึ้นในประเทศจีนทั้งหลัง ที่งดงามตามแบบสถาปัตยกรรมจีนแล้วถอดเป็นชิ้นๆ บรรทุกเรือสำเภามาน้อมเกล้าฯ ถวาย ก็โปรดให้สร้างไว้ที่พระราชวังบางปะอิน และปัจจุบันนี้ก็เป็นที่ประดิษฐานพระป้ายของอดีตสมเด็จพระมหากษัตริย์ซึ่งมีพิธีเซ่นไหว้ทุกวันตรุษสารทมาตั้งแต่บัดนั้น
พระตำหนักที่ทรงสร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จฯ พระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 แห่งรัสเซีย เมื่อครั้งที่ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารและเสด็จฯทรงเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางราชการ ตามคำทูลเชิญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมฝรั่งในยุคนั้นมีความสวยสดงดงามมากก็โปรดให้สร้างไว้ที่พระราชวังบางปะอิน
พระที่นั่งและพระตำหนักดังกล่าวนี้มีพื้นที่ตั้งห่างกันเพียงระยะ 300 เมตรเศษเท่านั้น ก็คืออนุสรณ์เตือนใจคนรุ่นหลังให้รำลึกถึงการดำเนินวิเทโศบายต่างประเทศของราชอาณาจักรไทยว่าเราไม่เพียงแต่ต้องคบหาฝรั่งเท่านั้นยังคงต้องคบหาจีนและรัสเซียเป็นหลักด้วย
ลองทอดสายตาย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ก็จะเห็นประจักษ์ว่าพระราชมรดกที่ทรงวางไว้นั้นได้ก่อบทบาทในการสนับสนุนช่วยเหลือประเทศไทยในยามยากมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนถึงปัจจุบันนี้ จึงควรที่จะได้รับการพิทักษ์รักษาสืบสานให้มั่นคงสืบไป ก็จะเป็นหลักชัยของการดำเนินนโยบายการต่างประเทศ
แต่ทว่าหลายปีมานี้พฤติกรรมที่ประพฤติปฏิบัตินั้นกลับสวนทางกับพระบรมราชวิเทโศบายนี้เป็นอันมาก แม้กระทั่งคำประกาศของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในยามหัวเลี้ยวหัวต่อที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงการยึดอำนาจและถูกกดดันอย่างหนักหน่วงจากฝรั่งบางชาติก็ถูกละเลยเพิกเฉยไปอย่างไม่ไยดี
ดังนั้นในสถานการณ์ที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงใหญ่และขั้วอำนาจของโลกก็กำลังปรับดุลครั้งใหญ่ที่สุด จึงเป็นเวลาอันสมควรที่ประเทศไทยจะได้ทบทวนกลับมาอัญเชิญพระบรมราชวิเทโศบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5มาเป็นหลักชัยให้กับชาติบ้านเมือง
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศให้เป็นไปตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศไว้ทั้งสองเรื่องนั้นให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก็จะเป็นทางรอดของประเทศชาติ และจะมีผลให้ประเทศไทยปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง และจะเกื้อหนุนให้ประเทศไทยสามารถสร้างความสัมพันธ์และอำนวยผลประโยชน์กับนานาชาติได้อย่างสมบูรณ์ด้วยความเป็นไทของตนเอง
และสิ่งที่เผชิญหน้าอยู่ในระยะนี้ก็คือท่าทีของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐที่กล่าวอ้างว่าประเทศไทยเป็นพันธมิตรร่วมกับบางประเทศในปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนและเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นการพูดเอาแต่ฝ่ายเดียว แต่ถ้าหากประเทศไทยไม่มีท่าทีที่ชัดเจนในเรื่องนี้ก็จะทำให้ประเทศไทยหลวมตัวเข้าสู่วังวนแห่งความขัดแย้ง และอาจจะระเบิดเป็นสงครามนิวเคลียร์เมื่อใดก็ได้
ประชาชนชาวไทยจึงต้องใส่ใจในเอกราชอธิปไตย ความปลอดภัยของประเทศชาติ และผลประโยชน์ของประเทศชาติ ชนิดที่อย่ากะพริบตาเป็นอันขาด!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี