แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าความประสงค์ของข้าพเจ้าที่จะให้ราษฎรมีสิทธิ์ออกเสียงในนโยบายของประเทศโดยแท้จริงไม่เป็นผลสำเร็จและเมื่อข้าพเจ้ารู้สึกว่าบัดนี้เป็นอันหมดหนทางที่ข้าพเจ้าจะช่วยเหลือหรือให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนได้ต่อไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอสละราชสมบัติออกจากตำแหน่งพระมหากษัตริย์ แต่บัดนี้เป็นต้นไป (ความตอนหนึ่งในพระราชหัตถเลขาทรงประกาศสละราชสมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะประทับที่พระตำหนักโนล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษวันที่ 2 มีนาคม 2477)...
nn ประเทศไทยยังคงมีคนจำพวกหนึ่งที่พยายามจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยกลอุบายต่างๆ โดยคนจำพวกนี้ส่วนหนึ่งก็ยังคงหากินเลี้ยงชีพตนเองด้วยการสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยของรัฐ คนจำพวกนี้มีหน้าตาและตัวตนเช่นไร คนที่รู้เช่นเห็นชาติคนพรรค์อย่างนี้ทราบเป็นอย่างดี แต่น่าประหลาดใจที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยของรัฐกลับปล่อยปละให้คนพรรค์อย่างนี้ยังลอยละล่องอยู่ในมหาวิทยาลัยได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องพรรค์นี้เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดหรือไม่ ฝากคนไทยไปคิดดู...
nn มีคนสอนหนังสือเป็นเพศหญิงรายหนึ่งในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความใน facebook ของนาง เรื่องหญิงชาวจีนรายหนึ่งวิพากษ์นักข่าวว่าไร้ปัญญา เพราะนักข่าวจีนถามคำถามเรื่อง supermarket ที่ไม่มีพนักงานขายประจำห้าง ซึ่งเป็นโครงการของแจ๊ก หม่า โดยหญิงจีนถามกลับว่าทำไมไม่ถามเรื่อง supermarket ที่ไม่มีเจ้าของบ้าง เมื่ออ่าน facebook ของคนสอนหนังสือรายนั้นแล้ว ก็มีผู้ถามกลับไปว่า ตกลงคนสอนหนังสือรายดังกล่าวต้องการของฟรีใช่ไหม เพราะ supermarket ที่ไม่มีเจ้าของก็ไม่ต่างไปจากตู้ปันสุขที่ตั้งอยู่ตามริมถนน และมีผู้ถามต่อไปว่า ตกลงแล้วคนสอนหนังสือรายนั้นเชื่อหรือหรือโลกนี้มีของฟรี พร้อมกับถามอีกว่าแล้วคนสอนหนังสือรายนั้นเคยบริจาคสิ่งของให้เพื่อนร่วมโลกบ้างไหม หรือว่าวันๆ หนึ่งดีแต่เพ้อเจ้อ คอยตีวัวกระทบคราดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่มีคำถามที่หนักหน่วงยิ่งกว่าก็คือ ตกลงแล้วคนสอนหนังสือรายที่ว่านั้นอยากได้ของฟรีใช่หรือไม่ หรือว่าเดี๋ยวนี้เรียนจบมาแล้วต้องงอมืองอเท้า เฝ้ารอของฟรี ขอให้คุณผู้อ่านตามดู facebook ของนางก็แล้วกัน แล้วจะพบว่า นางจะวนเวียนกับการยกเลิกมาตรา 112 และเรื่องไม่นิยมสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นระยะๆ...
nn คอการเมืองไทยหัวเราะร่วน บางรายหัวเราะจนแทบตกเก้าอี้ เมื่อได้ยินข่าวรัฐบาลไทยที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำรัฐบาล มีหัวหน้าพรรคชื่อ บิ๊กป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แล้วก็หัวเราะหนักกว่าเดิมเมื่อได้ข่าวว่า สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ที่หัวเราะไปด้วยแล้วร้องไห้ไปด้วยก็เพราะได้ยินข่าวว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตั้ง สุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมที่พ้นโทษจำคุกคดีจงใจแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเป็นเท็จเป็นที่ปรึกษาโครงการเรือนจำอุตสาหกรรม แต่แล้วก็ยังฝืนหัวเราะต่อไป เมื่อเห็นรัฐมนตรีชื่อ ธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป หลายคนบอกว่าแค่เห็นก็ขำแล้ว แต่ทำไมขำแล้วมีน้ำตาไหลก็ไม่ทราบ...
nn สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำหน้าที่ดูเศรษฐกิจไทยมานานนม แต่แล้วเศรษฐกิจไทยก็ยังเป็นดังที่เห็นๆ กันอยู่ มาล่าสุดมีข่าวหนาหูว่า สมคิดจะไปจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่ก็ไม่มีใครตอบให้ชัดเจนว่าจะไปไหน แล้วจะไปเมื่อไร แต่เมื่อวันที่สมคิดไปเปิดงานของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เมื่อวานนี้ สมคิดได้พูดว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกคนทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ไม่ต้องพูดเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าการดูแลเศรษฐกิจ แต่ประโยคเด็ดดวงของสมคิดอยู่ตรงนี้ ถ้าคนเก่าอยู่แล้วทำงานไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ แล้วถ้าคนใหม่มาแล้วทำงานไม่ได้จะมาทำไม ถ้ารัฐบาลอยู่แล้วขับเคลื่อนประเทศไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่...
nn อ้าว! เมื่อสมคิดพูดชัดอย่างนี้แล้ว หลายคนก็ตั้งคำถามว่า สมคิดบอกตัวเองหรือว่าบอกใคร พร้อมกับสนับสนุนคำพูดที่ว่า อยู่แล้วทำงานไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ แล้วก็มีคำถามว่า แล้วที่อยู่ๆ กันมาตั้งนานแล้วนั้นทำงานให้ประเทศได้จริงหรือ แต่คำถามที่ถูกถามย้ำคือ แล้วที่อยู่ๆ กันนั้นทำงานได้จริงๆ หรือ หรือว่าอยู่ไปวันๆ...
nn เศรษฐกิจไทยไม่ดีเอาเสียเลย เพราะประสบทั้งปัญหาโควิด-19 และปัญหาส่งสินค้าออกได้น้อยมาเป็นระยะเวลานาน ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.5 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุเพราะเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวติดลบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวติดลบ 8.1 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบเพียง 5.3 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าการส่งออกของไทยจะติดลบ 10.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะลดเหลือ 8 ล้านคนเท่านั้น แต่ก็ยังมีความหวังอยู่ว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะบวก 5 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นทุกคนก็ต้องประคับประคองตัวให้อยู่รอดปลอดภัยให้ผ่านพ้นปี 2563 ไปให้ได้ เพื่อรอปีหน้าฟ้าใหม่ แล้วก็หวังว่าปีหน้าจะไม่มีเชื้อโรคร้ายตัวใหม่เข้ามาเป็นภัยคุกคามอีก...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี