พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เปลี่ยนหัวหน้าพรรค และเสนอชื่ออาจารย์เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นรัฐมนตรีในส่วนของพรรค รปช. แทนหม่อมเต่า
พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรค โครงการสร้างการบริหารพรรค และคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ พลเอกประวิตรมาเป็นหัวหน้าพรรคนายอนุชาเป็นเลขาธิการพรรค โดยไม่มีชื่อ 4 กุมาร (นายอุตตม นายสนธิรัตน์ นายกอบศักดิ์ นายสุวิทย์) เป็นกรรมการบริหารพรรค จึงคาดกันว่าจะมีการเสนอชื่อเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีในส่วนของพรรคพลังประชารัฐตามมาเร็วๆ นี้
ช่วงนี้ มีกระแสข่าวเรื่องการปรับ ครม. ยิ่งทะลักออกมาสารพัดสูตร
แน่นอนว่า ไม่มีสูตรไหนถูกใจใครทุกคนล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่เคยมี
1. การปรับ ครม. เป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงของนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกของผู้แทนปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน เทคะแนนให้พรรค พปชร.ในการเลือกตั้งที่พรรคเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพียงคนเดียว มากที่สุด เหนือพรรคการเมืองอื่นๆ ทุกพรรค
พลเอกประยุทธ์ยังได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส.เกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร
แม้ในคราวอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ก็ได้รับคะแนนไว้วางใจจาก สส. 272 เสียง
ผลงานการปกป้องชีวิตและสุขภาพคนไทยรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชโควิด-19 เป็นผลงานบันลือโลก ได้รับคำชื่นชมอย่างสูงจากนานาประเทศ แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็ยังมีจุดอ่อนสำคัญเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
2. แน่นอน.. ในโลกความเป็นจริง การปรับ ครม.ในรัฐบาลพรรคร่วม ก็ต้องให้พรรคร่วมเสนอตัวคนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี เพราะไม่งั้นใครจะมาร่วมสนับสนุนเฉยๆ
ยังดีที่ในยุคนี้ พลเอกประยุทธ์ยังประกาศยืนยันว่า การเสนอชื่อบุคคลของแต่ละพรรคก็เป็นเรื่องปกติ แต่อำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจอยู่ที่ตัวนายกฯ และยังมีส่วนที่นายกฯ จะต้องพิจารณาเองว่าจะให้ใคร (คนนอก) เข้ามาเป็นรัฐมนตรี เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลบรรลุสำเร็จ
3. ครม.ในฝัน มันจึงเกิดขึ้นได้เฉพาะในฝัน?
หากจะเกิดขึ้นจริงใกล้เคียงได้ที่สุด จะต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจกันจากทุกภาคส่วน
ได้แก่
3.1 นายกรัฐมนตรี จะต้องกล้าหาญ เลือกคนเก่ง คนดี คนมีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับในสังคม ประเภทที่ตั้งเป็นรัฐมนตรีแล้วสังคมร้องว้าว เข้ามาเป็นรัฐมนตรีในโควตาของนายกฯ ให้แม่นยำ โดดเด่น เป็นสง่าราศีแก่รัฐบาล
นอกจากนี้ นายกฯ ก็จะต้องพยายามสกัดพวกเสือโหย-รมต.ยี้ มิให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ถ้าพรรคร่วมเสนอเข้ามา นายกฯ จะต้องส่งกลับไปให้ทบทวน แล้วให้สังคมช่วยกันกดดันไปที่พรรคร่วมเหล่านั้นด้วย
3.2 พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคอื่นๆ ฯลฯ จะต้องพิจารณาคัดคนเก่ง คนดี มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับ เข้าไปเป็นรัฐมนตรี
มิใช่เลือกเอาคนที่เป็นนายทุนพรรค หรือหัวหน้ามุ้งลูกเดียว
อย่าเอาคนที่แม้แต่จะให้ไปบริหารบริษัทใคร ก็ไม่กล้าให้ดูแล แต่จะนำมาเป็นรัฐมนตรี
3.3 พรรคฝ่ายค้าน ก็สามารถมีบทบาทในการทำหน้าที่ติดตาม กดดัน เพื่อให้รัฐบาลยกระดับมาตรฐาน
หากฝ่ายค้านทำงานด้วยความรู้ความสามารถ ตรวจสอบอย่างมีคุณภาพมีประสิทธิภาพ มิใช่เอาแต่ไปตัดข่าวมาเล่าเรื่องปะติดปะต่อแบบน้ำท่วมทุ่งหลักฐานข้อเท็จจริงโหรงเหรง
หรือที่มาตรฐานต่ำทรามที่สุด ถึงขนาดไปเอาข่าวเล่าข่าวลือในโซเชียลมีเดีย ข่าวจากเพจข่าวอวตาร มาอภิปราย โดยไม่มีการทำการบ้านเพิ่มเติมหลักฐานที่อ้างอิงได้เลย แล้วอ้างว่านี่คือการตรวจสอบของฝ่ายค้าน
แบบนี้ ก็จะสิ้นหวังเหมือนกัน มีฝ่ายค้านก็เหมือนไม่มี
4. บทบาทหนึ่งของพรรคฝ่ายค้านที่ควรจะทำ เพื่อร่วมกดดันให้ฝ่ายรัฐบาลยกมาตรฐานในการทำงาน รวมถึงมาตรฐานในการคัดคนมาเป็นรัฐมนตรีในการปรับ ครม. คือ การตั้ง “ครม.เงา”
ทำได้โดยพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ประกาศตั้ง ครม.เงา คือ ตั้งคนที่มีความรู้ความสามารถน่าเชื่อถือในซีกฝ่ายค้าน ทำหน้าที่รัฐมนตรีเงาแต่ละกระทรวงเพื่อติดตามตรวจสอบการทำหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล คู่ขนานกันไป
หากรัฐบาลมีรัฐมนตรีขี้เหร่ แต่ปรากฏว่า ฝ่ายค้านมีรัฐมนตรีเงาที่น่าเชื่อกว่า มีความรู้ความสามารถกว่า แสดงวิสัยทัศน์ที่จะแก้ปัญหาในแต่ละเรื่องได้ดีกว่ารัฐมนตรีจริงของรัฐบาล แน่นอนว่าความน่าเชื่อถือและแรงสนับสนุนก็จะเทมาทางฝ่ายค้าน ในขณะเดียวกันฝ่ายรัฐบาลก็จะถูกกดดันให้ยกระดับมาตรฐานการทำงาน หรือแม้แต่การคัดตัวบุคคลที่มีคุณภาพเข้ามาเป็นรัฐมนตรี
ถ้าฝ่ายค้านไม่ยอมทำ ก็จะสะท้อนว่า ไม่จริงใจต่อการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
ป่วยการที่จะไปโจมตีฝ่ายรัฐบาลแบบไร้สาระไปวันๆ
ลองนึกภาพ... ถ้าฝ่ายค้านตั้ง “ครม.เงา” น่าจะมีคนคุณภาพ มากกว่าที่พยายามด่า โจมตีฝ่ายรัฐบาลอยู่ในวันนี้ หรือไม่?
4.1 ถ้าเทียบ ครม.จริงยุคลุงตู่ กับ ครม.ยุคปู
นายกฯ พลเอกประยุทธ์ เทียบกับนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นอย่างไร?ใครสร้างวิกฤติ ใครแก้วิกฤติ
รองนายกฯ ยุคลุงตู่ มีนายวิษณุ นายสมคิด พลเอกประวิตร ส่วนยุคปู มีนายปลอดประสพ ร.ต.อ.เฉลิม นายนิวัฒน์ธำรง พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ฯลฯ
กระทรวงคลังยุคลุงตู่ มีนายอุตตม สาวนายน นายสันติ ส่วนยุคปูมีรัฐมนตรีคลัง เช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง (ไวท์ไล) เบญจา หลุยเจริญ(ภาษีโอ๊ค-เอม)
กระทรวงพาณิชย์ยุคลุงตู่ มีนายจุรินทร์ ส่วนยุคปู มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ (ข้าวจีทูเจ๊) นายภูมิ สาระผล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายยรรยง พวงราช
กระทรวงการต่างประเทศยุคลุงตู่ มีนายดอน ปรมัตถ์วินัย แต่ยุคปูมีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล (คืนพาสปอร์ตทักษิณ) เป็นรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงแรงงานยุคลุงตู่ มี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ส่วนยุคปู มีคนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
กระทรวงมหาดไทยยุคลุงตู่ มีพล.อ.อนุพงษ์ ส่วนยุคปูมีคนอย่างนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ (ธรณีสงฆ์อัลไพน์) นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ นายฐานิสร์ เทียนทอง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ (หนีไปต่างประเทศ)
กระทรวงพลังงานยุคลุงตุ่ มีนายสนธิรัตน์ ยุคปูมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์
กระทรวงศึกษาธิการยุคลุงตู่ มีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ คุณหญิงกัลยา ส่วนยุคปู มีนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช (เงินในอากาศ) นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช
กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ยุคลุงตู่ มีนายจุติ ไกรฤกษ์ ส่วนยุคปูมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ นางปวีณา หงสกุล
จากข้อเท็จจริงข้างต้น ถามว่า โฉมหน้าครม.ยุคลุงตู่ แย่กว่ายุคปู จริงหรือ?
4.2 ถ้าจัด ครม.เงาของฝ่ายค้านยุคนี้
นี่คือสิ่งที่พรรคฝ่ายค้านควรดำเนินการอย่างยิ่ง (ยุคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็ทำ) เพื่อทำให้สังคมเห็นความแตกต่าง มิใช่ค้านแบบไร้คุณภาพไปวันๆ
ฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคเพื่อไทย อันมี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ควรประกาศรายชื่อ “ครม.เงา” เพื่อทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ และเปรียบเทียบ (ฝ่ายค้านพร้อมบริหารประเทศทันที ถ้าได้รับโอกาส)
เพื่อสะท้อนให้สังคมได้เห็นชัดๆ ถ้าการเมืองเปลี่ยนขั้ว ประเทศชาติยังมีทางเลือกที่ดีกว่าในการได้ ครม.ชุดใหม่โฉมหน้าอย่างไร
คุณหญิงสุดารัตน์ หรือคุณชัยเกษม จะมีชื่อนายกฯ เงา
รัฐมนตรีเงาคนอื่นๆ เช่น นายเสนาะ เทียนทอง ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายโภคิน พลกุล นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายนพดล ปัทมะ นายภูมิธรรม เวชยชัย หรือนายพานทอองแท้ ชินวัตร นายนิสิต สินธุไพร ฯลฯ
จะมีคนรุ่นใหม่ คนหน้าใหม่ คนคุณภาพกว่านี้ มีความหวังกว่านี้ หรือไม่?
เว้นเสียแต่ว่า ฝ่ายค้านเอง ก็ “น้ำเน่า” อาจจะยิ่งไปกว่าฝ่ายรัฐบาลเสียอีก
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี