แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn ตามปกติคนเราชอบดูสถานการณ์ในทางดี ที่เขาเรียกว่าเล็งผลเลิศ ก็เห็นว่าประเทศไทยเรานี่ก้าวหน้าดี การเงินการอุตสาหกรรมการค้าดีมีกำไร อีกทางหนึ่งก็ต้องบอกว่าเรากำลังเสื่อมลงไปส่วนใหญ่ ทฤษฎีว่าถ้ามีเงินเท่านั้นๆ มีการกู้เท่านั้นๆ หมายความว่าเศรษฐกิจก้าวหน้า แล้วประเทศก็เจริญ มีหวังว่าจะเป็นมหาอำนาจ ขอโทษ เลยต้องเตือนเขาว่าจริงตัวเลขดี แต่ว่าถ้าเราไม่ระมัดระวังในความต้องการพื้นฐานของประชาชนนั้นไม่มีทาง…(ความตอนหนึ่งในพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 4 ธันวาคม 2536 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน)...
nn กระแสปรับคณะรัฐมนตรียังคงดังกระหึ่ม แต่ประเด็นน่าสนใจอยู่ที่กระแสนี้ไม่ได้มาจากปากของคนผู้มีอำนาจปรับคณะรัฐมนตรี คือนายกรัฐมนตรี แต่กลับดังมาจากใครก็ไม่รู้ แม้คอการเมืองไทยพอจะคาดการณ์ได้ว่า จะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีอย่างแน่นอน แต่ก็ยังไม่มีใครได้ยินเรื่องนี้ชัดๆ จากปากของนายกรัฐมนตรี แต่ถึงกระนั้นก็ตาม คอการเมืองก็ยังมั่นใจว่าจะมีการปรับครม. อย่างมิต้องสงสัย ส่วนเมื่อปรับแล้วคนไทยจะร้องไชโย หรือร้องยี้ ก็คงเดาได้ไม่ยาก เพราะยิ่งเห็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่ามีหน้าตาเช่นไรแล้ว หลายคนก็พอจะเดาได้ว่าคณะรัฐมนตรีใหม่จะมีหน้าตาแบบไหน ขอให้ทำใจไว้เถอะโยม เพราะคนมีอำนาจรัฐเขาต้องการเช่นนั้น ส่วนประชาชนจะชอบหรือไม่ ก็เรื่องของประชาชน ทำใจเสียเถอะ แล้วจะสบายใจขึ้น คิดเสียว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด...
nn การจะทำโครงการใดๆ ของรัฐบาลนั้น ก็จะมีทั้งคนเห็นด้วยและคัดค้าน ซึ่งก็นับเป็นเรื่องปกติ เพราะคนเรานั้นย่อมมองไม่ตรงกัน แต่ประเด็นสำคัญคือ ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือคัดค้าน ก็ขอให้ใช้เหตุใช้ผลมากกว่าใช้อารมณ์ และที่สำคัญก็คือไม่ควรใช้เด็กเป็นเครื่องมือ เพราะเท่ากับจงใจทำบาปกับเด็ก ตัวอย่างหนึ่งที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตก็คือ การเรียกร้องให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่มีน้องผู้หญิงรายหนึ่งอ่านจดหมายน้อยถึงปู่ประยุทธ์ (นายกรัฐมนตรี) อันที่จริง ก็เป็นเรื่องน่าสนับสนุนหากน้องผู้หญิงรายนั้นมีความตั้งใจจริงที่จะอนุรักษ์บ้านเกิดเมืองนอนของตน แต่ก็มีผู้ถามกลับว่า แล้วมันจะมีความเลวร้ายตรงไหน หากรัฐบาลต้องการทำโครงการนิคมอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาประเทศ หากนิคมอุตสาหกรรมนั้นไม่ได้ทำให้เกิดมลพิษกับชุมชน เรื่องนี้คงต้องเอาเหตุเอาผลมาหารือกัน เพราะนี่คืออนาคตของประเทศชาติและประชาชน ไม่มีอุตสาหกรรม บ้านเมืองก็ขาดรายได้ แต่หากอุตสาหกรรมทำลายชุมชนให้แตกสลาย ก็ต้องพิจารณาให้ลึกซึ้งก่อนอนุมัติโครงการ แล้วต้องปรับให้ทุกอย่างสามารถเดินหน้าไปพร้อมๆ กันได้ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง...
nn มีชื่อของ เสรี วงษ์มณฑา เป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน โดยคณะกรรมการชุดนี้มีทั้งหมด 15 คน แต่เมื่อมีชื่อเสรีปรากฏขึ้น ก็มีเสียงคัดค้านดังออกมาจาก สส. พรรคเพื่อไทย ที่เคยเป็นสื่อฯ มาก่อนนั่นคือ จิรายุ ห่วงทรัพย์ เมื่อจิรายุคัดค้านก็มีเสียงตั้งคำถามกลับว่า แล้วเมื่อสมัยจิรายุทำหน้าที่สื่อฯ นั้นทำงานได้ดีเลิศเพียงใด แล้วการที่ได้เป็น สส. นั้น อาศัยความเป็นสื่อฯ เป็นสปริงบอร์ดหรือเปล่า ส่วนคนที่เคยอยู่ในแวดวงยานยนต์เขาก็ยังคงคิดถึงจิรายุในวันที่ทำหน้าที่สื่อฯ แต่คิดถึงในแง่บวกหรือลบต้องไปสอบถามเอาเอง ส่วนคณะกรรมการปฏิรูปสื่อฯ ชุดนี้จะทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่ ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป แต่ที่สำคัญคือมีคนจำนวนมากวิพากษ์ว่าสื่อฯ ยุคนี้หาคุณภาพได้ยากมาก สื่อฯมีอยู่เต็มเมือง แต่มีประโยชน์หรือไม่ เรื่องนี้คนเป็นสื่อฯ ตอบตัวเองได้ชัดเจนที่สุด...
nn ธรรมกร ได้รับข้อร้องเรียนพร้อมหลักฐานสารพัดอย่าง ซึ่งได้รับการยืนยันจากลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยว่าได้พยายาม
ร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังฝ่ายบริหารของธนาคาร เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ (สตรี) รายหนึ่งของธนาคาร เนื่องจากพนักงานรายนี้ถูกผู้ร้องเรียนจับได้พร้อมหลักฐานนานาชนิดว่ามีความสัมพันธ์ที่เกินขอบเขตกับสามีของผู้ร้องเรียน ผู้ร้องเรียนเพียรพยายามส่งหลักฐานเข้าไปให้ฝ่ายบริหารของธนาคารรับทราบ เช่น หลักฐานการไปต่างประเทศด้วยกัน การใช้บัตรเครดิตของสามีผู้ร้องเรียนซื้อสินค้า แต่ได้รับคำตอบว่า ธนาคารไม่รับผิดชอบเรื่องอื่นๆ หากเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับการให้บริการของธนาคาร แต่เมื่อผู้ร้องเรียนส่งหลักฐานต่างๆ ที่มัดตัวพนักงานคนดังกล่าวจนดิ้นไม่หลุด ฝ่ายบริหารของธนาคารกลับบอกกับผู้ร้องเรียนว่า ไม่ต้องส่งเรื่องราวใดๆ ไปอีก ทั้งนี้ธนาคารจะพิจารณาเรื่องเอง แต่จะไม่แจ้งเรื่องให้ผู้ร้องเรียนทราบ ผู้ร้องเรียนจึงฝากร้องเรียนมาทางแนวหน้าว่า หากผู้บริหารธนาคารรู้ดีว่าพนักงานของตนไปมีพฤติกรรมเกินเลยกับสามีของลูกค้า เรื่องแบบนี้จะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือว่าเรื่องการให้บริการของพนักงาน เพราะผู้ร้องเรียนบอกว่าเคยไปพบกับพนักงานรายนั้นพร้อมกับผู้บริหารระดับกลางของธนาคารแล้วขอร้องว่าขอให้ยุติการติดต่อกับสามีของตน พนักงานรายนั้นก็เงียบไป ครั้นผู้ร้องเรียนถามต่อไปว่า แล้วทำไมเธอจึงไปต่างประเทศกับเขา ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าเขามีภรรยาและมีลูก ปรากฏว่าพนักงานรายนั้นเชิดหน้าใส่ผู้ร้องเรียนแล้วเบะปากใส่ ขออภัยที่ต้องนำเรื่องเช่นนี้มาเล่าสู่กันฟังในคอลัมน์ เพราะธรรมกรได้รับเรื่องร้องเรียนทำนองนี้มาจากผู้อ่านรายอื่นๆ อีกหลายราย ก็จึงฝากเรื่องนี้ไปยังผู้บริหารของสถาบันการเงินด้วย เรื่องแบบนี้ หากใครไม่ประสบกับตนเอง ก็คงไม่รู้ซึ้ง...nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี