l เราได้ศึกษาเรียนรู้ ได้คิด ได้ปฏิบัติ ด้วยสติปัญญา ความจริง เราจึงได้รู้ว่า :
๑.มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ที่สามารถฝึกฝน และพัฒนาได้ความต่างของมนุษย์ อยู่ที่ “ความคิด หรือ EGO ของคน” : เกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่สุดนี้
-คนหนึ่ง พบความจริง รู้ว่า เข้าใจ ว่า “มนุษย์สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้” และลงมือทำ
-อีกคนหนึ่ง ไม่เชื่อ หรือเชื่อ แต่ไม่ลงมือทำ ไปไม่ถึงฝั่ง ก็ท้อถอย หยุดโทษสิ่งต่างๆ
๒.มนุษย์เป็นสัตว์สังคม อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องช่วยเหลือและอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ และสังคม
ข้อนี้ ดูง่ายๆ แต่ก็ลึกซึ้ง ความไม่เข้าใจ “สัจธรรม” ข้อนี้เกิดจากอัตตา “ตัวกูของกู” : กูใหญ่กูแน่ เก่งเลิศกว่าทุกคน
กูมีอำนาจเหนือใคร ไม่ต้องอาศัยใคร แต่คนอื่นๆ ต้องอาศัย ต้องมาพึ่งพา
ความจริง “คนเช่นนี้” ลึกๆ แล้ว จะโดดเดี่ยว เปล่าเปลี่ยวใจ แต่ซ่อนความในไว้
๓.มนุษย์ทุกคน มีความเป็นมนุษย์ เป็นหนึ่งชีวิตเท่ากันอาจจะมีความสามารถ ฐานะ อำนาจฯไม่เท่ากันแต่จะต้องอยู่ร่วม และพึ่งพากัน
-บางคน ออกคิด ปัญญา บางคนใช้ทุน
-บางคน เก่งในการจัดการ การบริหาร การบริการ
-ใช้แรงกาย ให้กำลังใจ ฯลฯ
ทุกคน ต้อง “ให้แก่กัน” ไม่เอาเปรียบ หรือ เอาจากคนอื่นมาอย่างไม่ถูกต้องชอบธรรม เพราะ“การเอาเปรียบผู้อื่น” ย่อมทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเป็นทุกข์ ไม่พอใจ เราก็จะไม่ได้รับความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทำงานอื่นๆ หรือ งานใหญ่และหากความทุกข์ ความเดือดร้อนมาก ถึงที่สุด เขาก็จะรวมตัวกันต่อต้านเราแล้ว เราก็จะอยู่ไม่มีความสุข และในที่สุด ก็อยู่ไม่ได้มีแต่การให้ การแบ่งปัน การเคารพให้เกียรติกัน โลกจึงสวยงาม อยู่กันอย่างมีความสุข
๔.ความรัก การให้ “ธรรมสิ่งที่ถูกต้อง” แก่ตนเอง ผู้อื่น ส่วนรวมและแผ่นดินยิ่งรัก ยิ่งให้ ยิ่งมีมากขึ้น เพิ่มพูนมากขึ้น มีแต่ความเจริญ
-การให้ ง่ายที่สุด ไม่ต้องลงแรง ยิ่งให้มาก ยิ่งได้กลับมามาก
-การให้ยากที่สุด เพราะต้องใช้ “ธรรม ขันติ” ผ่านใจ และความคิดของตนเองเป็นความสุข ที่ต่อ ความสุข สุขไม่รู้จบ
๕.ความเกลียดชัง การเอาแต่ได้ ไม่ใช่ของตน มีแต่ให้ทุกข์ ทั้งกับ ตัวเอง และผู้อื่น ยิ่งชัง ยิ่งเอาแต่ได้ ยิ่งลดน้อยถอยลง หมดไป มีแต่ความเสื่อม
๖.ที่สุดของการทำบุญ คือ การช่วยให้ “คนทุกข์” มีปัญญา พึ่งตนเองได้ มีอิสระ คิดเป็นทำเป็นคนส่วนมาก คิดถึงการให้ เพื่อตัวเอง หรืออาจจะถูกสอนชักนำ โดยพระสงฆ์องค์เจ้า นักพรตนักบวชที่เน้นวัตถุ : เพราะ เข้าไม่ถึงธรรมสอน ให้ชาวบ้าน บริจาคให้วัด (ให้ตัวพระเอง) มากๆ จะได้บุญ ไปสวรรค์ชั้นสูงๆ จึงไปเน้นที่ วัตถุ เงินทอง ข้าวของแพงๆ เพื่อความได้หน้าได้ตา ถูกยกขึ้นวอ จมไม่ลงฯ
คนและพระเหล่านี้ พูดว่า “นับถือเคารพ กราบไหว้ พระพุทธเจ้า”
แต่ความจริงกลับเข้าไม่ถึง เพราะอยู่ห่างไกลจาก “ธรรมของพุทธองค์”
ที่เน้น การออกบวช การเผยแพร่หลักธรรมไปสู่มนุษย์ หลังจาก “บรรลุความเป็นอรหันต์”
คือ “การช่วยให้ ความคิด การปฏิบัติ เพื่อบรรลุธรรม”
เพื่อให้เกิดคนดีมากขึ้น และหากคนดีมากกว่าคนไม่ดี ก็จะกลายเป็นสังคมดี
สังคมดี : ก็จะทำให้ เกิดคนดีได้มากขึ้น และลดคนชั่วลง
นี่คือ การเข้าถึง เข้าใกล้ “สังคมแห่งธรรม” อันเป็นความสุขร่วมของสังคม
๗.การคิด และ การทำสิ่งที่ดี ยากยิ่ง ในตอนเริ่มต้น แต่จะง่ายลงเรื่อยๆ หลังจากนั้น
การคิดและทำสิ่งที่ชั่ว ทำได้ง่าย ได้ผลเร็ว แต่เกิดทุกข์แก่ตนเอง และผู้อื่น
สังคมที่ดี : คิดดีทำดีง่าย คิดชั่วทำไม่ดี ยาก
สังคมที่ไม่ดี : คิดดีทำดียาก คิดชั่วทำไม่ดีง่าย
คนดี คือ คนคิดดีทำดี และไม่คิดชั่วทำชั่ว แม้มีโอกาส
คนดี มีสุข จากการทำดี และไม่ทำชั่ว
คนชั่ว มีสุข จากการทำชั่ว ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
๘.การแก้ปัญหาของสิ่งที่ดี เริ่มต้นที่ตัวเอง แล้วต่อไปยังคนอื่น ชุมชน และบ้านเมือง
จุดเริ่มต้น สำคัญ ถ้าเริ่มต้นผิด ก็จะผิดไปตลอด
คนไม่น้อย ไปเริ่มต้นที่ “ผู้อื่น” เพราะมองเห็น “ความผิดความถูก” ง่าย
คนน้อยคน เริ่มต้นที่ตัวเอง ซึ่งมักต้องใช้เวลา บางครั้ง สรุปบทเรียนจากการผิดพลาด
การผิดพลาด หรือความล้มเหลว จึงถูกกล่าวขานว่า “เป็นมารดาแห่งความสำเร็จ”
๙.ใช้หลักสัมพันธ์ตรง มากกว่า สัมพันธ์ขวาง
เช่น “ลูกใครลูกมัน” พ่อแม่ดูแลลูก ปู่ย่าตายาย ต้องคอยช่วยเหลือสนับสนุน
มิใช่ “ปู่ย่าตายาย” ผู้มากประสบการณ์ (เก่า) จะเข้าไปจัดการ “หลาน” ใหม่ แทนพ่อแม่
๑๐.ตัวตนของคน เป็น สองด้านของ ความยาก
และความง่าย
-ยากที่สุด เพราะ ธรรมชาติคน มองไปที่คนอื่นแต่มองไม่เห็นตัวเอง
-ง่ายที่สุด เพราะ แก้ที่ตัวเอง ที่เรากำหนดได้ ขณะที่ เราไม่รู้ หรือไม่สามารถบังคับผู้อื่นได้
๑๑.การแก้ปัญหา “ระหว่างเรากับผู้อื่น” ภรรยา ลูก พ่อแม่ เพื่อนมิตรฯต้องมีผู้เริ่มต้น ที่ต้องเป็นหลัก เป็นผู้เสียสละ ผู้ยอม ผู้ให้ (สติปัญญา ความรู้) ทิฐิมานะ ความต้องการเอาชนะ ไม่ยอมเสียเปรียบ ไม่ยอมเสียหน้า คือ อุปสรรคใหญ่ฯ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี