• ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้อง :
โดยเฉพาะเรื่องความรู้ ความเข้าใจ “การเมืองไทย”ที่เป็นหัวใจสำคัญ ที่จะเข้าใจ
๑. เรื่องราว “ทางการเมือง” ของไทย ที่เกิดวิกฤติ แก้ไขได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ เพราะเหตุใด?
๒. เรื่องราวของ “ผู้นำทางการเมือง” ทั้งในรัฐสภา กองทัพ นักวิชาการ สื่อฯ และภาคประชาชน
• ข้อ ๒ ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ ที่จะอธิบาย ข้อ ๑ได้ทำหน้าที่ที่ดี ถูกต้อง ครบถ้วนไหม ?
-วิกฤติ และความขัดแย้งในสังคมไทย เป็น“ตัวบอก หรือเป็นคำตอบ” ได้ดี ว่า “สอบตก”
-เพราะประชาชน ชาวบ้าน ชาวเมือง รวมทั้งเยาวชนคนรุ่นใหม่ “ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิด” แยกไม่ออกบอกไม่ถูก ว่า : ใคร เป็นผู้นำที่ดี เป็นผู้นำระดับใด“ยิ่งไม่สามารถมองออกว่า” วิกฤติความขัดแย้งทางความคิด-การเมือง “ต้องการผู้นำระดับรัฐบุรุษมาแก้”
- บางส่วน ทั้งระดับปัญญาชน คนมีความรู้สูง เชี่ยวชาญ จะเก่ง เป็นระดับ ดร.ในอาชีพของตน
- แต่ไม่เข้าใจ “การเมืองไทย ประชาธิปไตยการเลือกตั้ง นายกฯที่เป็นพลเรือน เป็นทหารฯ”เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญ ไม่ศึกษาทำความเข้าใจแต่กลับใช้ “อคติ” นำทาง
- ยิ่งน่าเศร้า ที่ไปเชียร์ “คนโกงชาติ ใช้อำนาจมิชอบทำร้ายแผ่นดิน” เหตุเพราะ “อคติ”
- ไม่ยอมรับ “ผลงานที่ดีโดดเด่นของรัฐบาลลุงตู่”เช่น การแก้วิกฤติโควิด-19
- กลับไปชื่นชม “ผู้นำบางพรรค” ที่ปฏิเสธ และละเมิด “สถาบันและวัฒนธรรมที่ดีงาม” ของสังคมไทย
- การมีความรู้ ความเข้าใจ “ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง” : ต้องดูจากผลที่เป็นรูปธรรม มิใช่หลักการนามธรรม
- ประชาธิปไตยโดยระบบการเลือกตั้งของไทยบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไหม? ทำไม พรรคการเมือง นักการเมืองที่มีเงินหนา มีมวลชน มีเครือข่ายสื่อ ฯลฯ ที่ใช้เงินมหาศาล เกินกฎหมายกำหนด ใช้การซื้อเสียง ซื้อ สส. ซื้อนักการเมืองฯ ได้เป็นรัฐบาล ทำไม พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ ไม่ซื้อเสียง ไม่โกงกิน กลับไม่ได้หรือได้ สส.น้อย
- ใคร เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ เป็นพวกเขา คนส่วนน้อย หรือประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ
• ให้ประชาชนคิดเองด้วยสติปัญญา สันติใช่รุนแรง
ความรู้ ข้อมูลที่ถูกต้อง ที่ให้กับประชาชนเพื่อพัฒนาให้เป็นพลเมืองที่เอาการเอางาน (Active Citizen)
- คือ มีความเป็นอิสระ มีความโปร่งใส ความรับผิดชอบ มีส่วนร่วมในทางการเมือง
- ใช้แนวทางสันติ มิใช่ความรุนแรง
- เคารพกฎหมายและกติกาสูงสุดของประเทศ คือ “รัฐธรรมนูญ” และองค์กรรัฐ ที่ทำหน้าที่ฯ
• การใช้ สติปัญญา สันติ มิใช่ความรุนแรง
การใช้สติปัญญานำ เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นความต้องการของสังคมที่มีความขัดแย้งและมีวิกฤติ เพราะ “การมีสติ” : ทำให้ คนยับยั้งชั่งใจ คิดก่อนทำ,ทำเสร็จแล้ว นำมาคิดต่อว่า ดีหรือไม่ การใช้ปัญญาทำให้เราเห็น “ความจริง ความถูกต้อง” ไม่ยึดแค่หลักการ แต่ต้องดูภาพรวม และรูปธรรม โดยแยกแยะ “สิ่งไม่ดี สิ่งไม่ถูกต้อง ออกไป” หรือเรียกว่า “ทิ้งกากเอาแก่น”
• สันติ มิใช่ ความรุนแรง
สันติ คือ ความสงบ สันติภาพ ความสุขไม่รุนแรง
สันติ มิใช่ว่า “ไม่ทำอะไร” แต่ทำได้ทุกอย่าง เป็นไปอย่างสงบโดยการเคารพกฎหมาย ยึดถือเอากติกาสูงสุดของบ้านเมือง เป็นที่ตั้งการชุมนุม หรือการเดินขบวน หรือ การประท้วง โดยสันติ ย่อมสามารถทำได้ โดยการนำเสนอ ข้อมูล ความจริง ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ ผู้ฟังหรือผู้ชุมนุม เพื่อหวังหรือมีเจตนาให้ผู้ชุมนุม ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
ผู้นำที่ปราศรัย หรือ ไฮด์ปาร์ค ควรนำ เสนอในเชิงวิชาการ ต่อผู้ชุมนุมฯให้ใช้หลักสันติธรรม มิใช่ความรุนแรง มิควรให้ร้าย ป้ายสี แก่ คู่ขัดแย้ง ในเรื่องที่มิใช่ความเป็นจริงแต่ควรและต้องนำเสนอข้อเท็จจริง เกี่ยวกับ การบริหาราชการแผ่นดิน ที่ใช้อำนาจมิชอบการโกงกิน การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของรัฐบาลที่มิชอบธรรม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจเหตุว่า “ทำไมต้องชุมนุม” ทำไม ไม่ควรให้รัฐบาล(ที่ทำผิด คิดมิชอบ กอบโกยเพื่อตนเองและพวกพ้อง) อยู่บริหารต่อไป
• แต่ทั้งหมดในการนำเสนอ ผู้นำทุกฝ่ายและประชาชน ควรจะต้องยึดหลัก
๑. กติกาสูงสุดของบ้านเมือง คือ รัฐธรรมนูญ และหรือศาลรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๑ คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพัน
รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ
๒. ต้องมิใช้ ความรุนแรง ทั้งคำพูดและเนื้อหา ที่ขัดแย้งกับ “รัฐธรรมนูญ”
การกล่าวหา ให้ร้ายป้ายสี ด้วยข้อความเป็นเท็จ
การปลุกปั่น ก่อเหตุ สร้างสถานการณ์ ให้“ผู้ชุมนุม ใช้ความรุนแรง” ใช้อาวุธ เผาบ้านเผาเมืองทำลายสถานที่ราชการและเอกชน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตน กลุ่มของตนอันทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ และชีวิตของผู้เกี่ยวข้อง ทั้งราชการและฝ่ายตรงกันข้าม
๓. การเคารพ ยอมรับ คำตัดสินของศาลศาลรัฐธรรมนูญ
แม้ว่า “ผู้นำชุมนุม” จะเคารพ เชื่อถือ ยอมรับ หรือไม่ยอม อำนาจและบทบาทของรัฐแต่ ต้องเคารพ“กระบวนการยุติธรรมของรัฐ” ไม่ละเมิดอำนาจศาลการหนีคดีไปต่างประเทศ ไม่ยอมรับคำพิพากษา : แล้วอ้างกับ “ประชาชนและสื่อ” ว่า เพราะศาลไม่ยุติธรรมแต่ที่น่าแปลก “คนประเภทนี้” กลับเที่ยวกล่าวหาบุคคลที่มีความเห็นต่าง ฟ้องร้อง “ศาลไทยหรือใช้ “ทนาย และบริวารของตน” ฟ้องไล่ดะ “ผู้นำ นักวิชาการสื่อฯ” ฝ่ายตรงข้าม
ซึ่งเรื่องนี้ สะท้อนถึง “จิตสำนึก ความถูกต้องไม่ถูกต้องชอบธรรม” ของ “ผู้นำ และทนายรวมทั้งบริวาร” ของเขาเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปต้องทำความเข้าใจ ว่า “เขาเป็นคนอย่างไร” ?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี