ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งของรัฐบาลไทยในทุกยุคสมัยรวมถึงยุคปัจจุบันคือ ปัญหาการบริหารจัดการระบบน้ำของประเทศ ดังนั้นประเทศไทยจึงประสบปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งน้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำท่วม น้ำแล้ง ซ้ำซากตลอดเวลาและปัญหานี้ก็ยังคงไม่สามารถแก้ไขได้
ก่อนอื่นต้องบอกว่าประเทศไทยไม่ได้ขาดแคลนน้ำฝน เพราะเมื่อดูสถิติปริมาณฝนรวมตลอดปี จากการวัดปริมาณน้ำฝนที่ตกทั่วประเทศพบว่ามีค่าเฉลี่ย 1,572.5 มิลลิเมตรต่อปี ส่วนฝนที่ตกในแต่ละภาคของประเทศไทยก็จะมีปริมาณแตกต่างกันไป โดยขึ้นกับฤดูกาลเป็นสำคัญ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องบอกว่าในแต่ละภาคของประเทศไทยมีฝนตกลงมาทั้งนั้น แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่เมื่อฝนตกลงมาแล้ว ผู้บริหารประเทศ รวมถึงผู้บริหารท้องถิ่น แล้วก็รวมถึงประชาชนเองก็มีปัญหาในเรื่องการกักเก็บน้ำ และการบริหารจัดการน้ำ ดังนั้นเมื่อทุกภาคส่วนของประเทศนี้ปัญหาในการบริหารจัดการน้ำ ก็จึงเกิดปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง สลับกันไปมาเป็นระยะเวลานานนับศตวรรษ
เมื่อศึกษาจากข้อเท็จจริงในเรื่องปริมาณฝนที่ตกในประเทศไทย จะพบว่าพื้นที่ซึ่งรับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ หรือพูดง่ายๆ คือพื้นที่รับน้ำฝนในช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะเดือนสิงหาคมและกันยายนโดยเฉพาะในพื้นที่ด้านตะวันตกของไทย เช่นที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก เช่น จังหวัดจันทบุรี และตราด โดยเฉพาะในเขตอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด พบว่าในช่วงหน้าฝนมีปริมาณฝนในแต่ละปีมากถึงประมาณ 4 พันมิลลิเมตร
ส่วนพื้นที่เขตภาคใต้ของไทยมีฝนตกมากเกือบตลอดปี แต่ช่วงที่มีฝนน้อยคือในช่วงฤดูร้อนและจากสถิติพบว่าในเขตจังหวัดระนองมีฝนตกเป็นปริมาณมาก โดยพบว่าปริมาณน้ำฝนตลอดปีอยู่ที่ประมาณ 4 พันมิลลิเมตร แต่สำหรับในเขตพื้นที่เงาฝน เช่น เขตภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน โดยเฉพาะช่วงด้านหลักทิวเขาตะนาวศรี ในเขตจังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ จะมีปริมาณฝนน้อย
จากข้อมูลคร่าวๆ ที่กล่าวมา ณ ข้างต้นนี้แสดงให้เห็นชัดว่าประเทศไทยมีพื้นที่หลายแห่งที่มีปริมาณน้ำฝนจำนวนมากมายมหาศาล แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลายพื้นที่ของประเทศก็มีปริมาณน้ำฝนน้อย ดังนั้นจึงเกิดคำถามที่ถามกันมาเป็นระยะเวลายาวนานว่า ทำไมพื้นที่ที่มีปริมาณฝนมากจึงไม่สามารถเก็บกักน้ำฝนไว้ แล้วเหตุใดจึงไม่สามารถแบ่งปันน้ำฝนที่เก็บกักไว้ได้ไปให้พื้นที่ที่อยู่ในภาคเดียวกันซึ่งเป็นเขตเงาฝน
อันที่จริง ประเทศไทยมีหน่วยงานเกี่ยวกับน้ำมากมายหลายหน่วยงาน แต่ละหน่วยงานต่างได้รับเงินงบประมาณจำนวนมิใช่น้อยในแต่ละปี แต่ทว่าปัญหาการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยก็ยังคงเกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีคำถามว่า หากแก้ปัญหาเรื่องน้ำของประเทศไม่ได้ แล้วจะยังจำเป็นอีกหรือที่จะต้องมีหน่วยงานเหล่านั้นต่อไป จะมีไปเพื่ออะไร เพราะมีแล้วก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในความรับผิดชอบของตนเองได้ แล้วจะต้องมีไปเพื่อผลาญงบประมาณแผ่นดินไปโดยเปล่าประโยชน์เพื่ออะไร
ขอย้ำว่าปัญหาเรื่องน้ำ เป็นปัญหาที่สามารถบริหารจัดการได้ หากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อปัญหาทุกหน่วยงานมีสติปัญญาเพียงพอเอาใจใส่อย่างจริงจัง และมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยแท้จริง แต่เท่าที่ความเป็นจริงปรากฏมาโดยตลอดคือ ประเทศไทยไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องน้ำได้ แม้จะทุ่มงบประมาณลงไปมหาศาล ดังนั้นการทุ่มงบประมาณลงไปแล้วไม่สามารถทำงานให้เกิดผลสำเร็จได้ ก็เท่ากับการผลาญเงินงบประมาณแผ่นดิน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานที่ผลาญเงินงบประมาณอีกต่อไป สรุปคือยุบทิ้งไปเสียดีกว่า เพราะมีไว้ก็เปล่าประโยชน์ สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี