ยอมรับเถอะ
สำเหนียกเถอะ
ว่าพรรคฝ่ายค้าน แพ้เลือกตั้งซ่อมที่ปากน้ำ!
1. ข้ออ้างเรื่อง “ยกหีบหนี” ที่ว่าๆ กัน นางสาวสุพัชชา เรืองดี ประธานหน่วยเลือกตั้งที่ 37 ชี้แจงว่า ที่มีการเลื่อนหีบบัตรเลือกตั้ง เนื่องจากมีผู้มาใช้มีสิทธิ์รายหนึ่ง ไม่สวมหน้ากากอนามัย ประกอบกับเจ้าหน้าที่อสม.คัดกรอง ตรวจอุณหภูมิแล้วพบว่า มีไข้สูงจึงให้เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายหีบมาให้หย่อนบัตร แต่ยังอยู่ในเขตคูหาเลือกตั้งเนื่องจาก ไม่มีหน้ากากอนามัย ได้ลงบันทึกไว้ชัดเจน และได้รายงานให้นายอิทธิพล บุญประคอง ประธานกกต.ให้รับทราบ
แล้วด้วย
ข้ออ้างนี้ ดูจะไม่มีน้ำหนัก เพราะเกิดขึ้นอย่างเปิดเผย อยู่ในสายตาของประชาชนและผู้สังเกตการณ์จากพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ได้ยกหีบไปอยู่ในห้องมืด หรือพาหีบไปเที่ยวเหมือนเลือกตั้งบางยุค โดยกรณีเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเป็นมาตรการสาธารณสุขที่วางเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว
2. ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ
อันดับ 1 นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ผู้สมัครหมายเลข 4 พรรคพลังประชารัฐ ได้46,747 คะแนน
อันดับ 2 นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ พรรคเพื่อไทย ได้ 21,540 คะแนน
อันดับที่ 3 นายอิศราวุธ ณ น่าน พรรคก้าวไกล ได้ 19,977 คะแนน
อันดับที่ 4 นายมานะ บุญนาค พรรคเสรีรวมไทย ได้ 8,905 คะแนน
และอันดับ 5 นายวราวุฒิ ทิมเมือง พรรคภราดรภาพ ได้ 513 คะเเนน
3. ผลคะแนนที่ออกมา ชี้ชัดว่า
นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนเลือกตั้งจากประชาชนปากน้ำเขต 5 มากกว่าตอนเลือกตั้งใหญ่ด้วยซ้ำ โดยได้คะแนนเพิ่มขึ้นจากเดิม 41,745 คะแนน
เท่ากับว่า เพิ่มขึ้นกว่า 5 พันคะแนนเสียง
สวนทางกับที่พวกขี้โม้ นักเคลมทั้งหลาย พยายามอวดอ้างเอง-สรุปเอง ว่าไม่มีใครหนุนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์แล้ว ออกไปได้แล้ว โดยไม่คิดถึงความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อยว่าช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ช่วยเหลือดูแลประชาชนอย่างไรในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากวิกฤติโควิดระดับโลก
พูดง่ายๆ นายกรุงศรีวิไล พปชร. ชนะผลงานเดิมเมื่อเลือกตั้งใหญ่ด้วย
4. ยิ่งกว่านั้น พรรคฝ่ายค้านที่เป็นคู่แข่ง ยังได้คะแนนลดลงจากเดิมอีกต่างหาก
พรรคเพื่อไทย คราวที่แล้วได้ 33,007 คะแนน เท่ากับว่า ครั้งนี้ลดลงไปหมื่นกว่าคะแนน
พรรคก้าวไกล (ฐานเดิมคืออนาคตใหม่) คราวที่แล้วได้ 31,430 คะแนน ครั้งนี้เปลี่ยนตัวผู้สมัคร คะแนนก็ลดลงไปหมื่นกว่าคะแนน
พูดง่ายๆ ว่า พรรคฝ่ายค้าน แพ้แม้กระทั่งเงาของตัวเอง!
5. ส่วนที่พยายามวิเคราะห์เพื่อปลอบใจตัวเอง หรือหลอกตัวเอง ทำนองว่า ฝ่ายประชาธิปไตยยังชนะ เพราะคะแนนรวมของพรรคฝ่ายค้านยังมากกว่าคะแนนของนายกรุงศรีวิไล พรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว
นี่ไม่คิดจะส่องกระจกย้อนมองว่าตัวเองกันบ้างเลยหรือ?
ว่าไปหาเสียงอย่างไร สร้างวาทกรรมอย่างไร แล้วชาวบ้านเขาไม่เอาด้วยอย่างไร
ถ้าใช้ตรรกะแบบเดียวกัน ชัยชนะของพรรคอนาคตใหม่ในเขตเลือกตั้งหลายๆ เขตคราวที่แล้ว ก็จะต้องเลิกอ้างว่าชนะเลือกตั้งด้วย เพราะอะไร
ยกตัวอย่าง
พิษณุโลก เขต 1 พรรคอนาคตใหม่ ปดิพัทธ์ สันติภาดา ได้ 35,579 คะแนน แต่ก็แพ้ ถ้าเอาคะแนนพรรคพลังประชารัฐ เศรษฐา กิตติจารุรักษ์ 23,682 คะแนน รวมกับ
พรรคประชาธิปัตย์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม 18,613 คะแนน
กทม. เขตการเลือกตั้งที่ 3 พรรคอนาคตใหม่ วรรณวรี ตะล่อมสิน 28,444 คะแนนแต่ก็แพ้ ถ้าเอาคะแนนพรรคพลังประชารัฐ เนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ 25,148 คะแนน รวมกับพรรคประชาธิปัตย์ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล 17,029 คะแนน
กทม. เขตการเลือกตั้งที่ 22 พรรคอนาคตใหม่ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร 34,368 คะแนนแต่ก็แพ้ ถ้าเอาคะแนนพรรคพลังประชารัฐ ศันสนะ สุริยะโยธิน 27,421 รวมกับพรรคประชาธิปัตย์ สุรันต์ จันทร์พิทักษ์ 20,376 คะแนน
กทม. เขตการเลือกตั้งที่ 24 พรรคอนาคตใหม่ ทศพร ทองศิริ 38,409 แต่ก็แพ้ ถ้าเอาคะแนนพรรคพลังประชารัฐ ไกรเสริม โตทับเที่ยง 29,154 รวมกับพรรคประชาธิปัตย์ สาทร ม่วงศิริ 14,784 คะแนน
หรือแม้แต่ภาคใต้บางจังหวัด เช่น นราธิวาส เขตเลือกตั้งที่ 3 พรรคประชาชาติกูเฮง ยาวอหะซัน 39,438 คะแนน แต่ก็แพ้ถ้าเอาคะแนนพรรครวมพลังประชาชาติไทยรำรี มามะ 19,525 รวมกับพรรคพลังประชารัฐ ตัสนีม เจ๊ะตู 15,596 คะแนน รวมกับพรรคประชาธิปัตย์ ใซดี เจ๊ะหามะ 10,583 คะแนน เป็นต้น
ประเด็นสำคัญ คือ เมื่อแพ้ ก็ควรต้องรู้จักแพ้ แล้วทบทวนตัวเอง
ไม่ใช่ไพล่ไปโทษสารพัด แล้วสร้างวิธีคิดอื่นมาปลอบใจตัวเอง เพื่อหลอกตัวเองหลอกพวกเดียวกันเอง ว่าไม่มีใครสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลอีกแล้ว นำไปปลุกระดมให้คนไล่รัฐบาล สร้างความวุ่นวายกันต่อไม่รู้จบรู้สิ้น
6. พรรคฝ่ายค้าน และคนที่พยายามหลอกกันเองว่า ไม่มีใครหนุนรัฐบาลแล้ว เขาไล่กันทั้งประเทศแล้วยังไม่ยอมออกไป ฯลฯ ควรย้อนกลับไปดูด้วยว่าเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น นครปฐม ขอนแก่น กำแพงเพชร ลำปาง พรรคฝ่ายรัฐบาลล้วนแต่ได้รับชัยชนะทั้งสิ้น
มันสวนทางกับที่สร้างภาพหลอกกันเองว่า ไม่มีคนสนับสนุนรัฐบาลแล้ว แค่ไหน?
หรือมองว่า คนที่สนับสนุนรัฐบาล ไม่ใช่คน?
จะมองไม่เห็นหัวกันบ้างเลยหรือ?
7. ก่อนเลือกตั้ง พรรคฝ่ายค้านก็ตัดสินใจส่งผู้สมัคตรด้วยความมั่นใจ แถมคุยใหญ่คุยโต เช่น
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ประกาศให้สมุทรปราการ โดยเฉพาะในเขต 5 เป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ ในการแสดงพลังเพื่อส่งสัญญาณให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รู้ว่าประชาชนจะไม่ทนอีกต่อไป โดยเฉพาะผู้มีอำนาจที่ทำงานไม่เป็น บริหารประเทศล้มเหลว ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ประชาชนยากจน กระบวนการยุติธรรมก็ขาดความน่าเชื่อถือ บกพร่อง รวมทั้งมีการกดทับสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างรุนแรงใช้กฎหมายไม่ชอบธรรมต่อผู้เห็นต่าง ดังนั้น หนึ่งคะแนนของพี่น้องประชาชนจึงมีความหมาย มีคุณค่า ซึ่งจะเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันว่าประชาชนจะไม่ทนอีกต่อไป ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ประชาชนไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารงานต่อไป จึงขอโอกาสเลือกผู้สมัครหมายเลข 3 ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะเป็นการเลือกเพื่อไล่ เลือกเพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่าประชาชนทนไม่ไหวกับการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์
บัดนี้ ชาวบ้านสมุทรปราการแสดงเจตนารมณ์แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์รับผิดชอบอะไรต่อพรรคเพื่อไทยบ้างไหม?
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศกร้าว มั่นใจว่าสมุทรปราการต้องเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประเทศไทยทั้งประเทศต้องเปลี่ยน เพราะที่ผ่านมาถูกแช่แข็งมานานมากแล้ว พรรคจะทำให้เห็นว่าการเลือกครั้งนี้เป็นกระดุมเม็ดแรกของการเปลี่ยนแปลงให้จนได้
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ประกาศกร้าวหาเสียงว่า ขอเเรงเเละขอเสียงสนับสนุน เพื่อเป็นการสื่อถึงพวกยึดอำนาจว่าประชาชนไม่อดทนเเล้ว 3ป. ขออย่าฝืนกระเเส ไม่อย่างนั้นจะเกิดความขัดเเย้งเพิ่มขึ้น ขอให้คนปากน้ำ เขต 5 เข้าคูหาให้มากที่สุดเพื่อส่งสัญญาณไปบอกคนพวกนั้นว่า ชาวบ้านไม่อดทนเเล้ว เเละขอให้เลือกพรรคของตนที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยอีกหนึ่งเสียง
เมื่อกระแสของประชาชนชาวปากน้ำออกมาเช่นนี้ จะว่าอย่างไร? จะยอมรับกันหรือไม่?
8. ยกตัวอย่างบางความเห็นในโลกออนไลน์
Anake Huadyindee บอกว่า “แบบนี้แปลได้ไหม? ปชช.ไม่เลือกอนาคตใหม่ สาขา 2 อย่างก้าวไกล ปชช.ไม่ทน กับผู้นำล้มเหลว อย่างคุณหญิง ในฐานประธานยุทธ์ศาสตร์พรรค ที่เเพ้เลือกตั้งซ่อมมากี่หนเเล้ว เเละปชช.ไม่ทนกับคนอย่างเสรีพิสุทธิ์ อันนี้สงสัยจริงๆ ถ้าจะใช้สิ่งที่ทั้งสามคนนี้หาเสียง มาลองเทียบเคียงดูบ้าง”
Chanchai Chupan บอกว่า “นครปฐม ขอนแก่น ลำปาง ที่ตามมาล่าสุด สมุทรปราการ คงจะทำให้ซาบซึ้งถึงความเสื่อมเริ่มถอยหลัง คงจะมองเห็นพลังแห่งความเป็นจริงกันบ้างนะ หยุดเสียที่เถอะเล่นการเมืองแบบเก่าๆ ไม่งั้นมีหวังสูญพันธุ์”
Sarunya Kasemkemmakhun บอกว่า “ด้วยสันดานดันทุรังไม่ยอมรับความจริง ยังอุตส่าห์เอาคะแนนรวมพรรคตกกระป๋องทุกพรรคมารวมกัน อ้างว่าคะแนนชนะ พปชร. จนได้ #น่าสมเพช #หน้าแหก #แพ้แล้วพาล”
สะพายกล้อง ออกไปหาพลังบวก บอกว่า “คงได้สำเนียกกันแล้วซินะการที่เค้าไม่ได้ออกมาเต้นแร้งเต้นกา..ไม่ได้แปลว่าเค้าจะเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่พวกคุณทำอยู่”
Chaowarit Teeuppama บอกว่า “วนเวียนอยู่กับวาทะกรรม เผด็จการ-ประชาติ้ปไต จนคนไทยเอือมระอา แต่พวกเขาน่าจะไม่รู้ตัว อายหม..มั้ยล่ะ อิพวก Loser”
Nida Thuma บอกว่า “เข้าตำราขี้แพ้ชวนตี พอสอบตกก็อ้างว่าถูกโกง แต่พอถามหาหลักฐานบอกว่าไม่มี เหมือนที่ผ่านๆ มาไม่มีผิด หลอก...สบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็น...” ฯลฯ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี