บ้านเมืองของเราขณะนี้กำลังอยู่ในสภาพอย่างไรนั้น ทุกคนในบ้านเมืองรู้ และอยากให้ผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศจัดการในทิศทางที่ไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าบนพื้นฐานแห่งความถูกต้อง ไม่มีวาระแอบแฝงเพื่อประโยชน์ตน ใช้จ่ายอย่างประมาณตน เพราะเงินที่นำมาใช้กันโครมๆ ในขณะนี้เป็นเงินที่มาจากภาษีของชาวบ้าน
ตัวเองนุ่งอุ่น กินอิ่ม แต่ชาวบ้านยังอดอยาก
ต้องหันไปดู และใช้หูรับฟังเสียงบ่นเสียงว่าที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
พูดซ้ำพูดซากมาหลายครั้งแล้ว ว่าแต่ละวันในชีวิตของประชาชนในระดับล่างแม้ระดับกลางที่หาเช้ากินค่ำ ต่างได้รับความยากเข็ญ ไม่พอกิน พอใช้ ต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่าย มีชีวิตพัลวันอยู่กับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างที่เห็นอยู่ในขณะนี้
แม้สถาบันหลัก 3 สถาบัน ก็พลอยสั่นคลอนไปด้วย
ทุกสถาบันต่างมีความสำคัญต่อการคงอยู่ของชาติไทย
สถาบันชาติ คือดินแดน และราษฎร
ดินแดนที่เราต้องหวงแหนและรักษาไว้ ส่วนราษฎรก็ต้องมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข อยู่ดีกินดี และได้รับความเป็นธรรมในการบริหารจัดการ ให้เหมาะสมและถูกต้องกับคำที่ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย” ตามระบอบการปกครองประชาธิปไตย
มีการเลือกตั้งสรรหาตัวแทนเข้าไปทำงานในรัฐสภาเพื่อออกกฎหมายที่เป็นธรรมต่อส่วนรวม เป็นปากเสียงแทนประชาชน และตรวจสอบการทำงานของผู้บริหาร
สถาบันศาสนา ได้แก่ศาสนาพุทธและศาสนาอื่นๆ อันเป็นที่ศรัทธา เชื่อถือของผู้คนในประเทศ เป็นเสาหลักด้านคุณธรรมและจิตวิญญาณ ในการทำให้สังคมมีสันติสุข
สถาบันพระมหากษัตริย์ มีปวงชนชาวไทยทุกคน โดยเฉพาะข้าราชการทุกฝ่ายเป็นสมาชิก สมกับคำว่า“ข้าราชการ” คือข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรต่างพระเนตรพระกรรณ
ทั้ง 3 สถาบันหลักดังกล่าว จึงเป็นสถาบันสำคัญของทุกฝ่ายในบ้านเมือง ที่ต้องมีหน้าที่ในการรักษาและธำรงไว้ เพื่อความเป็นปึกแผ่นที่ยั่งยืนของประเทศชาติ
เสาหลักใดได้รับความกระทบกระเทือน เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายในบ้านเมืองต้องจัดการแก้ไขโดยเฉพาะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่จะต้องมีบทบาทรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวมากกว่าผู้อื่น
โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากการบริหารประเทศขณะนี้ ที่ยังไม่สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นทางด้านชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละวันของประชาชนส่วนใหญ่
ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์กันมากจากผู้รู้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะอยากยกความคิดเห็นของ “คุณเกียรติ สิทธีอมร” อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย และอดีตประธานการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย ซึ่งได้กล่าวไว้เมื่อเร็วๆนี้บนเวทีสาธารณะ ในปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมทางสังคม และการผูกขาดทางเศรษฐกิจที่จัดขึ้นที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์เมื่อเร็วๆนี้ สรุปได้ดังนี้
“วันนี้ ระบบเศรษฐกิจไทยกำลังมีปัญหา ขณะเดียวกันนโยบายรัฐที่นำมาใช้ก็ไม่เอื้อต่อการกระจายรายได้ รวมไปถึงนโยบายที่รัฐทำแบบปูพรมไปกับกลุ่มเกษตรกร และกลุ่มผู้มีรายได้น้อย สำหรับนโยบายแบบปูพรม อาทิ โครงการไทยนิยม ใช้งบประมาณนับหมื่นล้านบาท ต่อยอดมาจากโครงการประชารัฐ ซึ่งมีการกำหนดงบประมาณไว้ก่อน เป็นงบลอย ตั้งกองไว้ อาจทำให้การใช้งบไม่สอดคล้องกับเป้าหมาย มีโอกาสเกิดคอร์รัปชั่นสูง โดยเฉพาะงบจัดอบรมนับหมื่นล้านบาท
นายเกียรติยังกล่าวถึงโครงการประชารัฐฯ ยังมีการขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ตรงนี้เห็นว่าน่าจะใช้กับกรณีเร่งด่วนเท่านั้น ประชารัฐมีหลายโครงการ ยังเป็นการออกแบบที่มีลักษณะไม่ถูกทิศถูกทาง
ทั้งนี้ยังมีโครงการจ้างคนท้องถิ่น ไปจ้างเหมาขาใหญ่ในพื้นที่ ไม่มีการกระจายรายได้ รวมถึงมีผลการสำรวจหลายโครงการซ้ำซ้อนกับโครงการของท้องถิ่นซึ่งมีอยู่แล้ว
หนึ่งโครงการ สองงบ สนุกสนานเกินไปหรือไม่
ฉะนั้น อยากเห็นรัฐบาลที่ทำโครงการต่างๆไปแล้ว ถ้าพบว่ามีปัญหาตรงไหนขอให้ไปทบทวนแก้ไข ดีกว่าการไปต่อยอดแล้วบอกว่าดี เพราะบางโครงการแก้ปัญหาหนึ่ง แต่สร้างอีกปัญหาหนึ่ง เช่น โครงการธงฟ้าประชารัฐ เบียดผู้ขายในพื้นที่หมด เจออุปสรรคการเดินทาง ร้านมีน้อย และราคาสินค้าที่แพงกว่าโครงการนี้จึงสร้างความเหลื่อมล้ำ ใช่หรือไม่
นอกจากนี้ โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ขอดูให้ดีด้วยว่าสร้างความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะการยกเว้นเงินภาษีเงินได้ส่วนบุคคลให้กับคนต่างชาติที่เข้ามาทำงาน
มีหรือในโลกนี้ที่ยกเว้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคล นับเป็นการเอื้อต่างชาติอย่างสุดโต่ง นโยบายอย่างนี้ต้องขอตำหนิ”
นี่เป็นความเห็นของ คุณเกียรติ สิทธีอมรที่น่ารับฟัง
อย่าเอาแต่ “ตัวเองนุ่งอุ่น กินอิ่ม” นึกถึงชาวบ้านบ้าง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี