นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เปิดเผยว่า กมธ.งบประมาณฯ ได้ข้อสรุปให้เรียกคณะอนุกมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ที่มีนายสุพล ฟองงาม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน เข้ารายงานผลการพิจารณา ซึ่งรวมถึงงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 2.25 หมื่นล้านบาท ตามที่กองทัพเรือเสนอ ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป
โดยเบื้องต้น กมธ.งบประมาณฯ ยังไม่มีการเชิญกองทัพเรือมาร่วมพิจารณาด้วย แต่จะเป็นการซักถามถึงผลการพิจารณาในชั้นอนุกมธ.อย่างละเอียดก่อน หากคำชี้แจงของคณะอนุกมธ.ไม่ครบถ้วนรอบด้าน ถึงจะมีการเชิญกองทัพเรือในฐานะหน่วยรับงบประมาณเข้ามาชี้แจงต่อกมธ.งบประมาณฯ คณะใหญ่อีกครั้งในวันที่ 1 กันยายนนี้ โดยมั่นใจว่า การพิจารณางบประมาณฯ ปี 2564 จะเสร็จทันภายในระยะเวลา 105 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดแน่นอน
อ่านถ้อยแถลงนี้แล้ว ก็รู้แน่ว่า เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำนี้คง “ยืดเยื้อ” แน่ๆ กว่าจะตัดสินใจกันได้
ทว่า มีพรรคการเมืองหนึ่ง นอกเหนือจากพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด ที่แสดงจุดยืนชัดเจนมาก คือ พรรคประชาธิปัตย์ ว่าไม่เห็นด้วยที่จะอนุมัติงบประมาณเพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำในเวลานี้
1) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงผลการประชุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่25 สิงหาคม 2563 ในส่วนของการจัดซื้อเรือดำน้ำว่าที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการถกเถียงประเด็นนี้กันอย่างกว้างขวางถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยมีการชี้แจงจากกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณปี 2564 และรับฟังความคิดเห็นจาก สส.ของพรรคอย่างรอบด้านแล้ว จึงมีมติให้กรรมาธิการวิสามัญของพรรค ทั้ง 7 คน ไปหารือกับกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณปี 2564 ของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเสนอให้รัฐบาล กระทรวงกลาโหม ได้ชะลอเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อน หากกระทรวงกลาโหม คือ กองทัพเรือ ยังไม่ชะลอเรื่องดังกล่าว กรรมาธิการวิสามัญในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 7 คน ก็มีความจำเป็นต้องลงมติไม่สนับสนุนงบประมาณในส่วนของเรือดำน้ำในชั้นพิจารณาวาระที่จะถึงต่อไป
2) ถ้ากรรมาธิการที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ 7 คน ไม่ยกมืออนุมัติในชั้นกรรมาธิการจริงๆ จะมีผลอย่างไร? คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น64 คน โดยเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี 16 คนกรรมาธิการในสัดส่วนพรรคการเมืองมี 48 คน แบ่งเป็น สส. ฝ่ายรัฐบาลจำนวน 27 คน และ สส. ฝ่ายค้าน จำนวน 21 คนซึ่งหากนำเสียงของกรรมาธิการในสัดส่วน ครม. 16 คนมาบวกกับเสียง สส.ฝ่ายรัฐบาล 27 คน ก็จะได้เสียง 43 เสียงถ้าเสียงส่วนนี้ไม่แตกแถวเลย ก็ชนะเสียงฝ่ายค้านแน่นอน แต่ถ้าประชาธิปัตย์แตกแถวออกมา 7 เสียง ก็จะเหลือเสียง 36 เสียงก็ยังชนะฝ่ายค้าน + ประชาธิปัตย์ 28 เสียงอยู่ดี
นั่นหมายความว่า กรรมาธิการฝั่งประชาธิปัตย์จะไม่ยกมือโหวตหนุนก็ตามใจ แต่ต้องไปเคลียร์กันเรื่อง “มารยาท” หน่อยนะ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ในท่าทีแบบนี้เสมอมาในหลายๆ เรื่อง แต่สุดท้ายก็ไปจำนนที่คำว่า “มารยาท” ของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยอมทำตาม “วิปรัฐบาล” ทุกทีไปมันจึงทำให้คนรอดูว่า รอบนี้ประชาธิปัตย์จะจมไปกับเรือดำน้ำหรือไม่ จะแข็งได้มากเพียงใด ถึงขั้นประกาศออกมาก่อนเลย และบรรดา สส.และรัฐมนตรีของพรรคหลายคน ก็ทำภาพ “ให้ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อน” อัพขึ้นโซเชียลมีเดียกันเป็นทิวแถว
3) ย้ำด้วยข่าวที่บอกว่า เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชัยชนะ เดชเดโช รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 จากสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม สส.พรรคประชาธิปัตย์ มีมติขอให้รัฐบาลชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ออกไปก่อน เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และภัยการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงควรนำงบประมาณส่วนนี้มาช่วยเหลือประชาชนเรื่องความเป็นอยู่ เรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ
ส่วนการตัดสินใจของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ นายชัยชนะกล่าวว่า ไม่สามารถพูดแทนพรรคการเมืองอื่นได้ว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไร เพราะแต่ละพรรคก็ต้องประชุมเพื่อมีมติพรรคออกมา แต่เบื้องต้นได้แจ้งมติพรรคประชาธิปัตย์ไปยังผู้ประสานงานของพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะที่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว
ส่วนแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจจะวอล์กเอาท์หรือลงมติสวนทาง หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วยนายชัยชนะกล่าวว่า ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน แต่ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดมั่นในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในหลักการนี้มาตลอด ว่าการพิจารณาเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ต้องยึดหลักการและเหตุผล และประโยชน์ของประชาชน หากฝ่ายรัฐบาลยังยืนยันจะเสนอของบจัดซื้อเรือดำน้ำ พรรคประชาธิปัตย์ก็คงมีคำตอบให้อยู่แล้ว แต่ต้องรอดูความชัดเจนพรุ่งนี้ เพราะเหตุการณ์ยังไม่มาถึง
ส่วนจะกระทบถึงต้องทบทวนการร่วมรัฐบาล หรือไม่นั้นนายชัยชนะกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เข้าข่ายจะต้องทบทวนการร่วมรัฐบาล เพราะยังไม่มีการทุจริตอะไรเกิดขึ้น พร้อมย้ำว่าเรือดำน้ำก็มีความสำคัญในการปกป้องอาณาเขตของประเทศ แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ จึงต้องชะลอไว้ก่อน
ด้าน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ ย้ำว่า ถ้าทางกองทัพเรือยังยืนยันจะเอาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำเข้าสู่วาระการประชุม กรรมาธิการทั้ง 7 คน ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะมีท่าทีไม่สนับสนุนให้ผ่านงบจัดซื้อเรือดำน้ำ ขณะเดียวกันประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ประสานไปยัง นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งให้ ครม.รับทราบมติพรรคแล้ว
4) มีรายงานว่า ในที่ประชุม สส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะประธาน สส.พรรค ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมี สส.พรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง รวมถึง กมธ.งบประมาณปี’64 ในสัดส่วนของพรรคทั้ง 7 คน เข้าร่วมชี้แจง และรับฟังเหตุผลด้วย ซึ่งมีวาระประชุมเพื่อหารือพิจารณาคือ การกำหนดท่าทีของพรรคต่อการจัดซื้อเรือดำน้ำ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โดย สส.หลายคน อาทิ นายเกียรติ สิทธีอมร สส.บัญชีรายชื่อนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ สส.ตาก นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยสส.ตรัง นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ และ นายอันวาร์ สาและ สส.ปัตตานี ลุกขึ้นอภิปราย ส่วนใหญ่คัดค้านการจัดซื้อเรือดำน้ำในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แม้ไทยจะควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่ยังระบาดในต่างประเทศ ที่หลายชาติเกิดระบาดรอบสอง และเห็นว่าวิกฤติเศรษฐกิจตั้งแต่ภาคครัวเรือนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและเล็กรอการช่วยเหลือ และปิดตัวลงมากซึ่งมีความสำคัญมากกว่าที่รอการแก้ไขและสนับสนุนให้ฟื้นตัว ให้ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ก่อน
นายอันวาร์ สาและ สส.ปัตตานี กล่าวว่า ส่วนตัวสอบถาม กมธ.งบปี’64 ของพรรค ว่า นอกจากเหตุผลการชี้แจงของ ทร.ถึงด้านความมั่นคงแล้ว ยังมีเหตุผลอื่นอีกหรือไม่รวมถึงข้อตกลงของไทย - จีน ถ้าเรายกเลิกการจัดซื้อจะเสียหายหรือไม่ สำหรับตนเห็นว่า ถ้าไม่เสียหายก็ควรยกเลิกการจัดซื้อไปเลย ไม่ใช่แค่ชะลอ ส่วนเพื่อน สส.คนอื่นๆ เห็นควรให้ ทร.ชะลอการจัดซื้อออกไปก่อนก็สุดแล้วแต่ แต่ถ้าทาง ทร. ยังดันเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม กมธ.งบ’64 ชุดใหญ่อีก ตนก็ขอสงวนสิทธิ์ในการอภิปราย และโหวตสวนในวาระสองและสาม หากมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่สุดที่ประชุมจึงมีมติให้ กมธ.งบ’64 ชุดใหญ่ ทบทวนในกรณีนี้ ว่าพรรคไม่สนับสนุนในการจัดซื้อเรือดำน้ำของ ทร.ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ
5) ต่อมาในวันที่ 26 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาลนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ที่ประชุมสส.พรรคประชาธิปัตย์มีมติให้สส.ของพรรคที่เป็นกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ไปหารือกับคณะกมธ.ดังกล่าว เพื่อขอให้ทบทวนการของบประมาณ เพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 22,500ล้านบาท ว่า
เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ จึงต้องให้สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นกรรมาธิการในชุดนี้ ไปหารือใน
ที่ประชุมดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อยุติ ซึ่งตนคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ากรรมาธิการทั้ง 7 คน ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อดังกล่าว แต่กรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบ พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น ขอให้กรรมาธิการของพรรคไปหารือ ที่ประชุมนั้นก่อน จนได้ข้อยุติ ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ ว่า ผลการหารือดังกล่าวเป็นอย่างไรตนยังเชื่อมั่นว่าจะมีทางออกได้
เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต่อเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ นายจุรินทร์กล่าวว่า ในที่ประชุมสส.ของพรรคเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา มีความเห็นว่าเรื่องความมั่นคงของประเทศ และเรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจต่างก็มีความสำคัญทั้ง 2 ส่วนเท่ากัน จึงต้องมาช่วยกันคิดว่าจะสร้างสมดุลอย่างไร ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีปัญหาไวรัสโควิด-19 เพราะประเด็นนี้เป็นสิ่งที่คณะกรรมาธิการของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องไปพูดคุยกับกรรมาธิการคนอื่นๆ ตนจึงขอให้เขาได้ไปพูดคุยกันก่อน ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร เขาคงมารายงานให้พรรคประชาธิปัตย์ทราบต่อไป
6) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า ตนไม่ขอวิจารณ์กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่โหวตผ่านงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564
เมื่อถามว่า มีการหยิบยกเรื่องเรือดำน้ำไปเปรียบเทียบกับกรณีเมื่อปี 2541 สมัยที่นายชวนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการยกเลิกการจัดซื้อเครื่องบินรบ F18
นายชวนกล่าวว่า ต้องไปศึกษาข้อมูลแต่ละเรื่อง เพราะสมัยนั้นเป็นข้อมูลที่ต่างกัน ซึ่งกรณีนั้นได้ขอให้ทางสหรัฐอเมริกาซื้อแทนเรา และสหรัฐฯขอให้เราเป็นประเทศแรกและประเทศสุดท้ายที่ทำเช่นนี้ เพราะสมัยนั้นไทยไม่มีเงินจ่าย ค่าเงินเปลี่ยนสมัยนั้นทำสัญญาเอาไว้ และได้ทำสัญญาผูกมัดเอาไว้พอสมควร ซึ่งต่างกับเหตุการณ์ปัจจุบัน คนละอย่างคนละแบบสมัยนั้นสหรัฐฯ ยอมยกเลิกสัญญาและไม่คิดค่าปรับเพราะมีเจตนาจะช่วย รวมทั้งวันสุดท้ายตนได้ขอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น ขอคืนมัดจำประมาณ 3,000 ล้านบาท จากราคานับหมื่นล้านบาท ไม่มีเงินจ่ายก็บอกไปตรงๆ ว่าเราไม่มีเงินจ่าย ตอนนั้นเขาช่วยเหลือเราที่เจอปัญหาแบบนี้
7) วันที่ 28 สิงหาคม 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจุดยืนของพรรคปชป. ต่อการโหวตพิจารณาการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท ซึ่งพรรคปชป. มีมติไม่ให้โหวตผ่านงบ ในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ว่า ความจริงให้ไปหารือในกมธ. ก็ต้องรอดูว่าผลออกมาเป็นอย่างไร ขอให้รอว่าผลเป็นอย่างไร เมื่อไปหารือก็ต้องแจ้งกลับมาให้พรรคทราบต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จุดยืนของพรรค ปชป. คือต้องการให้เดินหน้าในการจัดซื้อเรือดำน้ำต่อไปใช่หรือไม่นายจุรินทร์กล่าวว่า ให้ไปหารือก่อน ว่าสุดท้ายแล้วจะดำเนินการอย่างอื่นได้หรือไม่ และก่อนหน้านี้ตนพูดไปชัดเจนแล้วว่า เมื่อมีผลการหารือก็ต้องแจ้งให้ทราบ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้หารือ เพราะบางครั้งการพูดอะไรไปก่อนก็จะทำให้เป็นปัญหามากกว่าจะไปช่วยหาทางออก
“ยืนยันว่า ที่ประชุมกมธ. ชุดใหญ่น่าจะหาทางออกได้ว่าจะทำอย่างไร และการจะตัดสินใจอย่างไรคงต้องพิจารณาประกอบกันหมด ว่า ขณะนี้เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เคยพูดแล้วว่าเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องสังคมมีความสำคัญ จึงต้องรู้ว่าสุดท้ายแล้วทางออกที่ดีที่สุดควรจะเป็นอย่างไร ขอให้คนที่มีหน้าที่ได้ทำหน้าที่พูดคุยกันก่อน”
เมื่อถามว่า อาจเสนอทางเลือกให้ซื้อเรือดำน้ำแค่ 1 ลำนายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นการชี้นำ ขอย้ำว่าให้คนที่มีหน้าที่ไปทำหน้าที่ก่อนเพราะกมธ. ประกอบด้วยพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้กับตน เพราะทั้งนายกฯ และตนก็พูดชัดว่ายังอยู่ในขั้นตอนของกมธ.
เมื่อถามย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะไม่มีการลงมติโหวตสวนพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ยังไปไม่ถึงขั้นตอนของการลงมติ ตอนนี้ให้ไปหารือเพื่อไปหาทางออกร่วมกันก่อน
สรุป :: ประชาธิปัตย์อยู่ในสภาพอิหลักอิเหลื่อบทสรุปของ สส. คือไม่เห็นด้วย แต่หัวหน้าพรรคยังไม่กล้าฟันธงผูกมัดคำพูด จึงได้แต่บ่ายเบี่ยงเลี่ยงไปก่อน เพราะยังไม่มีรายงานกลับมา ว่าไปเจรจากันแล้วได้ผลอย่างไร
ผมคิดว่าเกมนี้ เป็นอีกหนึ่งเกมยากของ ปชป. แล้วดันวิ่ง “ล้ำหน้า” ออกมาก่อนแล้วว่า ไม่สนับสนุนการอนุมัติงบประมาณให้กองทัพเรือในเวลานี้ แต่สุดท้าย จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม หากมีอันต้องโหวตหนุน
นึกออกไหมครับว่าสภาพของ ปชป. เวลานั้น จะเหลืออะไร?!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี