เต็มไปด้วยสาระและข้อเท็จจริงคือ หนังสือพิมพ์แนวหน้าทุกบรรทัด ตรงไป ตรงมา...
nn ประเทศชาติบอบช้ำจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 เหนื่อยกันทุกฝ่าย แต่กลุ่มคนปลดแอกปลดสนตะพาย ยังชุมนุมยิบย่อยสม่ำเสมอ ล่าสุด ก็นัดอีก19 กันยายน เห็นว่าจะเปิดตัวกบฏประชาธิปไตย...
nn ถึงขั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ตั้งคำถามไปกับคนเหล่านี้ ว่า ไปถามคนไทยทั้ง 67 ล้านคนว่าเขาเห็นด้วยหรือเปล่า...
nn “มือปราบ” ก็ไม่เห็นด้วยที่จะออกมาชุมนุม โดยเฉพาะหน้าฝน อาจโดนฝนเป็นหวัดเจ็บป่วยเดือดร้อนถึงผู้ปกครองอีก...
nn กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR) ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 19(3) อย่างชัดเจนว่า การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกจะต้องตามมาด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบ อยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย...
nn คือ 1.ให้ความเคารพต่อสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีของผู้อื่น 2.ไม่ละเมิดต่อความมั่นคงของชาติ,ความสงบเรียบร้อยของสังคม, สาธารณสุข และศีลธรรมอันดีของประชาชน...
nn เรื่องนี้อธิบายโดย ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา...
nn ซึ่ง “มือปราบ”ดูแล้วนักประชาธิปไตยในไทย กำลังเลอะเทอะ หลงทางจนนำพาให้สังคมและผู้คนกลุ่มหนึ่งหลงเข้าใจผิดไปว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก คือ สิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ โดยไม่ได้คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และกฎหมาย ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก จะต้องอยู่บนพื้นฐานของ “ความรับผิดชอบ” เสมอ...
nn 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มปลดแอกไป กดดันหน้า สน.สำราญราษฎร กรณีหัวโจ๊กไปมอบตัวในข้อหาทำปั่นป่วนวุ่นวาย...
nn ระหว่างนั้นมีการสาดสีใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบเสียหายรวม 13 นาย เป็นตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน 11 นายและตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ 2 นาย ด้านพลตำรวจตรีเมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6ซึ่งได้มอบเงินช่วยเหลือนายละ 2,500 บาท เพื่อไปตัดชุดใหม่แล้ว...
nn ทางผู้ชุมนุมอ้างว่า การสาดสีโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนบางส่วนเป็นส่วนหนึ่งของหนทางการต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย โดยไม่มีความรุนแรง คิดได้อย่างไร เรื่องนี้ควรดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่าง...
nn แม้แต่ อังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ปกติมักจะยืนข้างผู้ชุมนุมอยู่แล้ว แต่หนนี้นางทนไม่ไหวถึงกับ โพสต์เฟซบุ๊คว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำในลักษณะนี้ค่ะ ถ้าสีเข้าตาจะทำอย่างไร ตำรวจเมื่อถอดเครื่องแบบก็คือพลเมืองคนหนึ่ง เมื่อปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องทำตามที่นายสั่ง คนที่เชื่อในสันติวิธีจะอดทนอดกลั้น ใช้วิธีเจรจาต่อรอง ที่ผ่านมาก็ใช้การเจรจาต่อรองมาตลอด 19 กันยายนนี้ ยังไม่รู้ว่าผู้ชุมนุมจะปฏิบัติการเลอะเทอะแบบไหนอีก ต้องติดตามกันต่อไป...
nn ไปดูที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ หลายวันก่อน ทางการได้เรียกเก็บเงิน 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ จาก เอมิลีจิล สาววัยรุ่นวัย 18 ปี ผู้จัดการชุมนุมเรียกร้องสิทธิคนผิวดำและสิทธิเพื่ออยู่อาศัยในรัฐนิวเจอร์ซีย์...
nn ที่ทางการเรียกเก็บเงินก็อ้างว่า เป็นค่าล่วงเวลาในการทำงานของตำรวจที่ต้องมาดูแลผู้ชุมนุม ในเขตเกิลวูด คลิฟฟ์...
nn เมืองไทยคงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานของรัฐที่ต้องเข้าไปดูแล กทม.ต้องจัดรถส้วมมาให้บริการ...
nn อย่างในอินโดนีเซีย เกษตรกร ร่วม 200 คนเดินเท้าเปล่าจากเมืองเดลี เซอร์ดัง ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว มุ่งหน้าไปทางทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงจาการ์ตา ระยะทางเกือบ 2 พันกิโลเมตร...
nn เพื่อไปบอกรัฐบาลอินโดนีเซีย ว่าถูกบริษัททำเกษตรกรรมยักษ์ใหญ่ พีทีเปอร์เคบูนัน นูซานตารา 2 ขับไล่เกษตรกรออกจากพื้นที่กว่า 1,600 ไร่...
nn เกษตรกรจึงต้องมาร้องทุกข์ ชาวบ้านตามรายทางรู้ข่าวให้การสนับสนุนคนละเล็กละน้อยเพื่อให้เขาเหล่านั้นไปถึงจุดหมาย...
nn แม้ตำรวจอินโดนีเซียเอง ก็ยังเห็นใจคนเหล่านี้ อำนวยความสะดวกเต็มที่ ช่วยคนชรา ผู้ใหญ่ โดยสารรถไปล่วงหน้าเป็นบางครั้ง...
nn เพราะเห็นว่าเป็นการชุมนุมที่เดือดร้อนจริงๆ ไม่ใช่มาชูสามนิ้ว เลอะเทอะสาดสีใส่ตำรวจ...
nn สวัสดีครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี