สำหรับประเทศไทย ด้วยความที่เป็น “เอกนคร” ที่เมืองหลวงอย่าง กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีขนาดทางเศรษฐกิจใหญ่กว่าอีก 76 จังหวัดที่เหลืออย่างมาก“การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” จึงเป็นหนึ่งการเลือกตั้งที่ถูก “จับตามอง” อยู่ทุกครั้งไปโดยเมื่อเร็วๆ นี้ โรงเรียนกฎหมายและการเมืองมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ร่วมกับ สำนักงานสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนาเรื่อง “ผู้ว่าฯ กทม. ในฝันกับอนาคตของ กทม.”ณ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ซึ่ง ผศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า อำนาจของผู้ว่าฯ กทม. มีอยู่ 27 เรื่อง และมีงบประมาณมาก แต่คนที่อาศัยในกรุงเทพฯ จะคาดหวังและมีอารมณ์ร่วมเพียงไม่กี่เรื่อง เช่น น้ำท่วม ที่มีผู้ว่าฯ บางท่านเลี่ยงไปใช้คำว่าน้ำขังรอการระบาย หรือมีผู้ตั้งคำถามถึงอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ ส่วนประการต่อมา “คุณสมบัติและประสบการณ์” ได้ยกตัวอย่างผู้ว่าฯ กทม. หลายท่าน ว่ามีประวัติและคุณวุฒิอะไรบ้าง
เช่น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตทหารที่มีภาพลักษณ์เป็นผู้ทรงศีลธรรม, ร.อ.กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา สถาปนิกผู้เชี่ยวชาญด้านผังเมือง, พิจิตต รัตตกุล นักการเมืองและนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์, สมัคร สุนทรเวช นักการเมืองอาวุโส ซึ่งต้นสังกัดอย่างพรรคประชากรไทยมีบทบาททำงานร่วมกับชนชั้นรากหญ้ามายาวนาน, อภิรักษ์ โกษะโยธิน เคยเป็นผู้บริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่างแกรมมี่ แต่เชื่อกันว่าเหตุที่ชนะการเลือกตั้งเพราะลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์, ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร นักการเมืองระดับชาติที่พรรคประชาธิปัตย์ส่งลงเลือกตั้งท้องถิ่น ส่วนผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองเดิมเป็นคนจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯ ซึ่งการที่ พล.ต.อ.อัศวินเป็นอดีตตำรวจ ทำให้ภาพของ กทม. ดูเหมือนสถานีตำรวจไปด้วย อาทิ ป้ายต่างๆ ที่มีข้อความระบุว่าถ้าพบปัญหาเดือดร้อนให้โทรศัพท์แจ้งที่หมายเลขนี้
“ผมอยากจะชวนอธิบาย ถ้าเราพูดถึงคุณสมบัติ ผมจุดประเด็นให้เห็นว่าที่ผ่านมาผู้ว่าฯ เป็นอย่างไรภูมิหลังแบบไหนที่เข้ามาเป็น มันน่าจะเป็นภูมิหลังจากประสบการณ์ซึ่งควรจะไปหาคำถามคำตอบต่อ แล้วการผสมระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างประสบการณ์และความนิยมของพรรค ซึ่งมันก็ต้องลงไปดูฐานคะแนนเสียงในแต่ละพื้นที่ด้วย” อาจารย์พิชญ์ กล่าว
ขณะที่ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่านอกจากตัวบุคคลแล้ว กระแสการเมืองระดับชาติในขณะนั้นก็มีผลต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. ของประชาชนเช่นกัน ขณะเดียวกัน “กทม. แม้จะมีอำนาจ แต่ก็ไม่ใช่อำนาจที่จะจัดการได้อย่างสมบูรณ์” เช่น ปัญหาการจราจร แม้ชาวกรุงเทพฯ จะคาดหวังว่าผู้ว่าฯ กทม. จะแก้ปัญหานี้ได้ แต่ในความเป็นจริงเรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังและเกี่ยวข้องกับอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งสืบเนื่องมาจากโครงสร้างของรัฐไทยที่เน้นการรวมศูนย์และการกระจายอำนาจทำได้ยาก
ดังนั้นแม้ กทม. จะมีงบประมาณและบุคลากรมาก แต่การแก้ไขปัญหาก็ไม่อาจทำได้เต็มที่ ผู้คนจึงหันไปสนใจกระแสการเมืองระดับชาติมากกว่า ซึ่งก็ไม่ต่างจาก อปท. อื่นๆ ทั่วประเทศไทย ที่ดูเหมือนจะกระจายอำนาจ แต่อำนาจจริงๆ ยังยึดโยงกับส่วนกลาง เพราะแม้ล่าสุดจะมีกฎหมายท้องถิ่น 6 ฉบับออกมา แต่สาระสำคัญยังอยู่ที่การจัดการเลือกตั้งและวาระของผู้บริหารท้องถิ่น แต่ยังไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่หรือบทบาทที่กว้างขวางขึ้น
“ในส่วนของ กทม. มีส่วนที่น่าสนใจคือการตัด สข. หรือสมาชิกสภาเขตออกไป ซึ่งสมาชิกสภาเขตมันก็เป็นข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นยาวนาน ว่าตกลงแล้วบทบาทหน้าที่ของ สข. อยู่ตรงไหนกันแน่ เพราะถ้ากรุงเทพฯ มีฝ่ายบริหารคือผู้ว่าฯ กทม. ฝ่ายนิติบัญญัติก็คือสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ สก. แล้ว สข. อยู่ตรงไหน ซึ่งในกฎหมาย กทม. ก็บอกเอาไว้ว่า สข. นั้นคือที่ปรึกษาของผู้อำนวยการเขต พอเป็นที่ปรึกษาผู้อำนวยการเขต ในภาพความเป็นจริงก็อาจปรึกษาบ้าง แต่อีกด้านมันกลายเป็นฐานของพรรคการเมือง” อาจารย์ยุทธพร ระบุ
อาจารย์ยุทธพร อธิบายเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา สข. ถือเป็นฐานเสียงสำคัญที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยึดครองพื้นที่ในกรุงเทพฯ ไว้ได้ ประกอบกับกระแสการเมืองบางยุคสมัยที่ชาวกรุงเทพฯ เลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์เพียงเพราะไม่อยากให้ผู้สมัครจากขั้วการเมืองตรงข้ามได้รับชัยชนะ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ กทม. บางท่านก็มีบุคลิกภาพเฉพาะตัว เช่น สมัคร สุนทรเวช ที่ชาวบ้านเข้าถึงได้ง่าย และเคยมีผลงานอื่นๆ มาก่อน เช่น ผลักดันให้มีการสร้างถนนวงแหวนรอบนอก ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งนอกเหนือกระแสการเมือง จึงได้รับความไว้วางใจจากคนกรุงเทพฯ
โดยสรุปก็คือ “การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไม่สามารถหาหลักคิดใดๆ มาอธิบายได้” เพราะเป็นกระแสที่เปลี่ยนไป-มาได้ตลอดในแต่ละยุคสมัย และสำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เชื่อว่าน่าจะได้เห็นการลงคะแนนโดยอิงกับกระแสการเมืองระดับชาติ รวมถึงจะได้เห็นบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายท่านเลือกลงสนามในนามผู้สมัครอิสระเพราะไม่อยากไปผูกติดกับพรรคการเมือง
ด้าน ผศ.ยอดชาย ชุติกาโม ประธานหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ให้ความเห็นว่า ความคาดหวังของประชาชนต่อผู้ว่าฯ กทม. ก็ยังเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำท่วม การจราจร เศรษฐกิจ ซึ่งก็จะเห็นผู้ว่าฯ กทม. บางท่านเมื่อเกิดน้ำท่วมชอบออกมาเดินลุยน้ำ และบางท่านที่ไม่ออกมาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ “ชาวกรุงเทพฯ ยึดติดภาพสิ่งที่จับต้องได้” เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นจึงคาดหวังว่าจะได้เห็นผู้ว่าฯ กทม. ไปอยู่ตรงพื้นที่นั้นด้วยต่างจากการเป็นนักบริหารที่มองเห็นการทำงานได้ยาก
อนึ่ง “ผู้ว่าฯ กทม. อาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่ง แต่ต้องรู้จักคนกลุ่มต่างๆ เพื่อจะได้บริหารได้อย่างราบรื่น” ดังนั้นแล้วในสายตาชาวกรุงเทพฯผู้ว่าฯ กทม. จะต้องแก้ไขปัญหาที่เห็นกันอยู่ทุกวัน มากกว่าจะทำโครงการใหญ่ๆ และแม้แต่โครงการใหญ่ๆ จะทำอย่างไร เช่น เมืองอัจฉริยะ (Smart City) จะให้เอกชนไปซื้อที่ดินแล้วไล่ชุมชนออกแล้วเปิดให้เช่าหรือไม่ หรือจะวางผังเมืองใหม่โดยเวนคืนที่ดินก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ ในสถานการณ์แบบนี้
สุดท้าย “จำเป็นหรือไม่ที่ผู้ว่าฯ กทม. จะต้องคิดเห็นทางการเมืองแบบเดียวกันนายกรัฐมนตรี” เพราะในสมัยหลังๆ จะเห็นผู้ว่าฯ กทม. แสดงท่าทีแตกต่างจากรัฐบาลกลาง “หากวันนี้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แล้วได้ผู้สมัครอิสระที่มีความคิดต่างจากนายกฯ และรัฐบาลกลาง จะเกิดปัญหาในแง่การบริหารหรือไม่” นี่ก็เป็นประเด็นที่น่าคิด!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี