สังคมไทยถูกวิจารณ์ว่าช่างเต็มไปด้วยความตื่นตูมแตกตื่น ในยามเมื่อมีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้นมาสักเรื่องหนึ่ง คนจำนวนไม่น้อยในสังคมก็จะตื่นตูมตื่นเต้นอยู่เพียงระยะหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เรื่องเหล่านั้นก็เงียบหายไป โดยไม่มีการแก้ไขปัญหาที่เกิดอย่างจริงจัง แล้วคนจำนวนนั้น ในสังคมไทยก็หันไปตื่นเต้นตื่นตูมกับเรื่องราวใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไปอีก ทุกอย่างล้วนวนไปเวียนมาเช่นนี้มานานนับศตวรรษ
ล่าสุดมีความตื่นตูมเกิดขึ้นอีก คือเรื่องเด็กนักเรียนตัวน้อยๆ ถูกคนที่หลายคนเรียกว่าครูทำร้ายร่างกายในโรงเรียน ขอย้ำว่าเหตุเกิดในโรงเรียน เมื่อมีข่าวนี้เกิดขึ้น หลายคนก็ตื่นเต้นตื่นตูมพากันสอดส่ายสายตาเข้าไปจับจ้องมองการกระทำต่างๆ ในโรงเรียนอย่างใกล้ชิด แล้วก็มีการเรียกร้องให้แก้ปัญหาด้วยการติดกล้องวงจรปิดในห้องเรียนและในโรงเรียน รวมถึงมีการเรียกร้องให้คนที่ทำหน้าที่สอนหนังสือเด็กน้อยต้องมีใบประกอบวิชาชีพผู้สอนหนังสือด้วย
น่าประหลาดใจมากที่ก่อนจะเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ทำไมไม่มีใครตั้งคำถามอย่างจริงจังกับเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและสวัสดิภาพของเด็กน้อยทั้งๆ ที่คนในสังคมไทยต่างก็รู้มานานแล้วว่าเด็กน้อยจำนวนมาก ในบ้านเมืองของเราถูกกระทำละเมิดจากคนต่างๆ มาโดยตลอด แต่ที่สำคัญเด็กน้อยยังถูกกระทำละเมิดจากคนในครอบครัวของตนเองเป็นประจำอีกด้วย
จะมีพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กน้อยสักกี่คนที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังกับมาตรฐานของโรงเรียนและคนสอนหนังสือในโรงเรียนต่างๆ ในประเทศไทย เท่าที่
เห็นคือผู้ปกครองเด็กน้อยสนใจแค่เพียงว่าโรงเรียนที่ลูกหลานของตนไปเรียนนั้นมีชื่อเสียง มีสถานที่สวยงาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เพื่อสนองความมีหน้ามีตาของผู้ปกครองเด็กมากกว่าเพื่อสวัสดิภาพของเด็ก หรือพูดสั้นๆ คือเลือกโรงเรียนให้เด็กเพื่อเสริมหน้าตาบารมีของผู้ปกครองเท่านั้น
ผู้ปกครองของนักเรียนตัวน้อย รวมถึงนักเรียนระดับมัธยมศึกษาจำนวนมากมายหลายคนเข้าใจผิดคิดมาตลอดว่า โรงเรียนที่เก็บค่าเล่าเรียนแพงมากๆ ชนิดที่ว่าเทอมละหลายแสนบาท คือโรงเรียนที่ได้มาตรฐานทางวิชาการ เมื่อส่งบุตรหลานไปเรียนแล้วจะได้ช่วยสร้างฐานของชีวิตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรียกได้ว่าทำให้ลูกหลานและตัวของผู้ปกครองสามารถมีหน้ามีตา มีสถานะทัดเทียมกับคนที่มีเศรษฐสถานะชั้นเศรษฐีได้ แต่ผู้ปกครองหลายคนกลับไม่เคยสอบถามเด็กน้อยว่าในแต่ละวันเรียนอะไร กินอะไร ทำอะไรในโรงเรียน คุณครูสอนอะไรบ้าง เพื่อนๆ มีอุปนิสัยอย่างไร มีการรังแกหรือทะเลาะกันหรือไม่ ใช้คำพูดหยาบคายหรือเปล่าแล้วคุณครูลงโทษอย่างไรเมื่อเด็กๆ ทำผิด
เรื่องสำคัญทั้งหลายที่ได้กล่าวมาในข้างต้นเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองจำนวนมากไม่เคยให้ความสนใจไถ่ถามลูกหลานของตน เมื่อไม่ถามไม่คุยกับเด็กในปกครองเด็กๆ ก็ไม่บอกเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องร้ายหรือเรื่องดีให้ได้รับทราบ แล้วทุกเช้าเมื่อถึงเวลาก็ปลุกเด็กให้ตื่นไปโรงเรียน แต่ไม่เคยถามเด็กว่าไปโรงเรียนแล้วมีความสุขมากน้อยเพียงใด
เรื่องเด็กน้อยถูกคนสอนหนังสือ (ไม่ขอเรียกว่าคุณครู) ทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจเป็นเรื่องที่เกิดมาเป็นประจำในสังคมไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกโรงเรียนในสังคมไทยจะมีเรื่องเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นแต่ก็ต้องยอมรับว่ามีความเลวร้ายเกิดขึ้นในโรงเรียนหลายแห่ง แต่เด็กที่ถูกทำร้ายกลับไม่เคยได้รับความสนใจอย่างแท้จริง เด็กบางคนมีบาดแผลบนร่างกาย เมื่อผู้ปกครองบางรายเห็นก็ไม่ได้สนใจมากนัก บางคนถามว่าถูกอะไรมาจึงเป็นแผล เด็กก็ตอบด้วยความกลัวว่าหกล้มบ้าง เล่นกันแล้วชนกับสิ่งต่างๆ ในห้องเรียนบ้าง หากผู้ปกครองให้ความสนใจลูกหลานอย่างแท้จริงจะต้องรู้ว่าแผลที่เกิดกับลูกหลานนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร ไม่ใช่เพียงเชื่อจากคำพูดของเด็ก ขอย้ำว่าเด็กที่ถูกรังแกบ่อยๆ ถูกกลั่นแกล้งหนักๆ จะไม่กล้าบอกความจริงว่าตนเองถูกกระทำอย่างไร เพราะกลัวว่าจะถูกรังแกหนักกว่าเดิม ซึ่งเรื่องนี้ผู้ปกครองเท่านั้นที่จะสามารถแก้ปัญหาที่เลวร้ายนี้ให้กับลูกหลานของคุณได้ โปรดอย่าหวังพึ่งคนสอนหนังสือในยุคนี้ เพราะหลายคนไม่ใช่ครูที่แท้จริง ไม่มีความเป็นครู ไม่มีใจเมตตากรุณาต่อเด็ก
ปัญหาเด็กถูกทำร้ายร่างกายในโรงเรียนจะกลายเป็นไฟไหม้ฟางในเร็วๆ วันนี้ แล้วทุกอย่างก็จะกลับมาซ้ำเหมือนเดิมอีก ถ้าหากผู้ปกครองไม่ให้ความใส่ใจกับสวัสดิภาพของลูกหลานอย่างแท้จริง ตราบใดที่สังคมไทยยังเป็นสังคมไฟไหม้ฟาง ตราบนั้นปัญหาสังคมจะไม่สามารถถูกขจัดให้หมดสิ้นไปได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี