ผ่านวันที่ 6 ตุลาคมไปอย่างไม่มีอะไรให้นายกฯต้องกังวลแต่ยังมีวันที่ 14 ตุลาคม ที่หลายฝ่ายยังคงต้องเฝ้าจับตากันต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินเกมอย่างไร แต่ในความเป็นจริงเดือนนี้ยังมีวันสำคัญที่สุดสำหรับคนไทยคือวันที่ 13 ตุลาคม นั่นคือ วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่คนไทยควรได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของท่าน
นอกจากนี้ตุลาคมนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนและจุดท้าทายสำคัญของธุรกิจท่องเที่ยวไทยว่าจะมีแนวทางใหม่สำหรับธุรกิจในช่วงโควิดนี้หรือไม่ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรก จะเดินมาถึงภูเก็ตวันนี้ จากนโยบายทดลองเปิดประเทศเพื่อฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลได้มีแนวทางทดลองรับนักท่องเที่ยวเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรก หากสำเร็จและสามารถควบคุมได้ก็จะขยายวงมากขึ้น
เหตุเพราะดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ประกาศออกมาชี้ชัดแล้วว่าได้รับผลกระทบกันทั่วหน้าจากไวรัสโควิด และกำลังเป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของแต่ละประเทศหากไม่ปรับตัวเพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าวิกฤตินี้จะจบลงจริงๆเมื่อไหร่ และปีนี้เอง รมว.คลังของเราก็ลาออกถึงสองคนแล้วท่ามกลางกระแสความเชื่อมั่น ในที่สุดก็มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ นั่งรมว.คลังคนใหม่ หลังจากที่ตำแหน่งนี้ต้องว่างลงไปเป็นเวลากว่า 1 เดือน จากการที่นายปรีดี ดาวฉาย รมว.คนเก่าขอลาออกหลังจากดำรงตำแหน่งไปเพียงแค่ 25 วัน จากนี้ไปต้องมาดูกันว่า รมว.คลังคนใหม่ใน ครม.ประยุทธ์ 3/3 ที่ถือว่าเป็นแม่ทัพเศรษฐกิจคนสำคัญของประเทศจะสามารถอยู่ได้นานเพียงใด และจะสามารถออกนโยบายนำพาประเทศผ่านช่วงเวลาที่ถือว่าเป็นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี ไปได้หรือไม่?
เดือนตุลาคม เดือนที่ถูกมองว่า อาจเป็นจุดเปราะบางสำหรับการเมืองไทย อันเกิดจากการชุมนุมทางการเมือง ทั้งกลุ่มเยาวชน และกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชน และก็ไม่รู้ว่าจะมีพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองเกี่ยวข้องหรือไม่ กลุ่มใดเพราะเนื้อหาประเด็นของแกนนำชุมนุมในระยะหลังเริ่มมีความชี้ชัดไปถึงเรื่องสถาบันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็คาดว่าบางพรรคการเมืองที่เคยเกี่ยวหรืออาจเกี่ยวก็อาจจะเปลี่ยนแนวคิดไปแล้วหรือไม่ ต้องติดตาม 14 ตุลาคมนี้
ประเด็นเรื่องการนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 14 ตุลาคม มีการ โหมโรง กันบ้างแล้วในงาน เสวนารำลึก 44 ปี 6 ตุลาฯ 19 โดยเฉพาะวันที่ 5-6 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็มีแกนนำบางคนได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้วว่าการชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคม บอกว่า จะเป็นการต่อสู้แบบม้วนเดียวจบ
แต่สิ่งที่หลายฝ่ายจับตามอง คือในวันที่ 14 ตุลาคม ตอนนี้กลุ่มเยาวชนทั้งจาก จุฬาฯและธรรมศาสตร์ ก็ได้ออกมาประกาศว่าจะมีการจัดชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งก็เป็นที่น่าสนใจว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมมากน้อยแค่ไหน ? และในวันดังกล่าวก็เป็นวันทำงาน ไม่ใช่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์เหมือนครั้งที่ผ่านมา จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าประชาชนจะออกมาเท่ากับวันที่ 19 กันยายน หรือไม่? อีกประการที่ต้องไม่ลืมว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ในวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา คนจำนวนมากคือกลุ่มคนเสื้อแดงเดิม หรือ นปช.
อย่างไรก็ตามปัญหาที่รัฐบาล ถูกรุมเร้าอย่างหนักจริงๆคือปัญหาเศรษฐกิจ เป็นหลักก่อนจะถูกเชื่อมโยงจากแกนนำชุมนุมไปสู่เรื่องปัญหาโครงสร้างทางสังคม ซึ่งในประเด็นนี้ กลายเป็นจุดสำคัญที่กลุ่มผู้ชุมนุมนำมาเป็นเหตุ ในการกระตุ้น
ความรู้สึกร่วมของประชาชนที่มีให้เห็นมาตลอดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เรื่องกระบวนการยุติธรรม กระบวนการบังคับใช้กฎหมายในขั้นตอนต่างๆ ก่อนจะถูกเชื่อมโยงไปประเด็นการเมืองและการแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องอำนาจของฝ่ายการเมือง จนในที่สุดลามไปประเด็นสถาบัน
การชุมนุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19-20 กันยายน ซึ่งในการชุมนุมครั้งนั้นแต่เดิมแกนนำหวังจะให้เยาวชนเป็นแกนหลักในการเดิน แต่ปรากฏว่ามีเยาวชนมาร่วมไม่มากเท่าที่คาดหวังไว้และคนส่วนใหญ่ที่มาร่วมกลับกลายเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง อย่างไรก็ตามเนื้อหาที่นำเสนอก็ยังเป็นไปตามที่เคยกล่าวไว้นั่นคือข้อเสนอเรื่องสถาบันโดยหลังจากการชุมนุมครั้งนั้นทางแกนนำก็ได้มีประกาศจะจัดชุมนุมครั้งต่อไปทันที ในวันที่ 14 ตุลาคม โดยตอนนั้นบอกว่าจะเป็นการจัดชุมนุมแบบ 7 วัน 7 คืน เพื่อต้องการจะยืนยันจุดยืนของตนใน 3 ข้อเรียกร้อง แต่ที่สำคัญสุดของกลุ่มผู้ชุมนุมที่นำเสนอคือความจงใจวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน
อย่างไรก็ตาม หากพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองไม่ลงมาร่วมด้วยก็อาจยากในแง่การระดมคน ซึ่งเมื่อหันไปส่องสองพรรคใหญ่ฝ่ายค้านก็ยังดูไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ โดยในช่วงเดือนตุลาคมนี้เป็นช่วงเวลาของการปิดประชุมสภา จึงทำให้นักการเมืองไม่ได้มีข่าวการเคลื่อนไหวอะไรมาก แต่อย่างไรก็ตามระหว่างช่วงที่ปิดสมัยประชุมก็กำลังมีการพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนรับญัตติอยู่เช่นกัน ซึ่งการประชุมหารือจะต้องทำให้เสร็จก่อนวันที่ 22 ตุลาคม เพื่อเสนอเข้าที่ประชุม เพื่อโหวตกันในสมัยประชุมครั้งหน้า วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563
ถึงแม้การพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาประชุมหารือกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าผลโหวตจะผ่านหรือตกไปก็ขึ้นกับหลายๆ อย่าง นอกจากนี้อาจต้องจับตาว่าการชุมนุมวันที่ 14 ตุลาคม จะมีคนออกมามากแค่ไหน และถ้า 14 ตุลาคม มีคนออกมาชุมนุมกดดันในเรื่องนี้ไม่มากหรือลดลง การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจไม่ถูกบีบคั้นอย่างที่คิด
ที่ผ่านมานายกฯเองก็ได้เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาพูดคุยในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง แต่ในขณะเดียวกันสมาชิกวุฒิสภาก็อาจถูกมองเรื่องเวลาในการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจขัดกับทิศทางของนายกฯหรือไม่ และเป็นที่น่าสนใจว่านายกฯกำลังมีแนวทางบางอย่างอยู่ หรือไม่
ส่วนในกรณีของพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งมีการจัดตั้ง กก.บห. ของพรรคใหม่ยกชุดโดยเป็นไปตามคาด ที่นายสมพงษ์
อมรวิวัฒน์ ได้รับเลือกกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคเช่นเดิมแบบไม่มีคู่แข่ง แม้จะบอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่แต่เหตุใดคุณหญิงสุดารัตน์จึงลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรค และเครือข่ายหลายคนหลุดจากกรรมการบริหาร
ในการปรับทัพใหญ่ในครั้งนี้ของเพื่อไทยอาจถูกมองว่าเป็นการปรับแก้เกมต้องการกลับมาเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้านใช่หรือไม่? เพราะช่วงหลังๆ ที่ผ่านมาบทบาทของพรรคฝ่ายค้านของเพื่อไทยโดนพรรคก้าวไกลแซงไปแล้วหลายช่วงตัว จากการดำเนินการต่างๆที่ดูจะไม่ชัดเจน เข้มข้นเหมือนก้าวไกลการปรับกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้จะทำให้ท่าทีของพรรคในสมัยประชุมหน้าเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน จะมีท่าทีที่ประนีประนอมมากขึ้นหรือก้าวรุกมากขึ้น คงต้องรอดูกันต่อไป
ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นใดในวันที่ 14 ตุลาคม แต่ชะตากรรมของร่างแก้ไขรัฐธรรณมนูญเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จำนวน 6 ฉบับ ที่ได้รับการเสนอขึ้นจากฝั่งฝ้ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เป็นคำถามที่ต้องถาม พลเอกประยุทธ์ ว่าจะเอาอย่างไรเพราะทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมฯ สว. และประชาชน คงกำลังรอฟังความคิดของท่าน
อย่างไรก็ตามการชุมนุมอาจมีส่วนในการที่จะกดดันรัฐบาล กุนซือของฝ่ายรัฐบาลคงได้วางแผนกันแล้วว่าจะรุกหรือถอยตรงส่วนไหน
“คนอย่างพวกเราต้องรบตลอดชีวิต ต้องเล่นหมากรุกยุทธศาสตร์จนวันตาย เราอาจตายในสนามรบได้ทุกเมื่อ ในเมื่อสงครามมิมีวันสิ้นสุด ไยไม่สนุกกับการเล่นหมากรุกเล่า”
สามก๊ก ฉบับ วินทร์ เลียววาริณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี