ผมได้รับเชิญให้เป็นหนึ่งใน 6 คน ที่ให้พูดในหัวข้อ“โอกาสใหม่สังคมไทย : มีจริง ทำได้จริง ต้องการขยายผล” ในงานปาฐกถาไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ครั้งที่ 7 ที่จัดขึ้นทุกๆ ปีเพื่อรำลึกถึงคุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องการพัฒนาสังคมและการส่งเสริมให้ประชาสังคมให้ได้มีส่วนร่วมคิดร่วมทำในการพัฒนาประเทศ
ผมเองได้พบกับท่านเป็นครั้งแรก ตอนที่ท่านเป็นประธานบอร์ดของธนาคารออมสิน ก็เพราะผมเขียนวิจารณ์กองทุนมิยาซาวา ที่ไทยได้รับมา 2,000 ล้านบาท จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชนบทห่างไกลที่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ผมในฐานะอุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในขณะนั้น ได้ไปวิจารณ์ว่า ธนาคารออมสินปล่อยเงินออกไปได้ช้ามาก ใช้เวลา 1 ปีปล่อยเงินช่วยเหลือออกไปได้แค่ 200 ล้านบาท คำนวณดูแล้วคงต้องใช้เวลาถึง 10 ปี กว่าจะปล่อยเงินช่วยเหลือนี้ออกไปหมด จะไม่ทันการแน่
คุณไพบูลย์ ได้รับทราบและติดต่อมาให้ผมไปพบที่ธนาคารออมสิน นั่นเป็นการพบปะครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสรับรู้ตัวตนของคุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ทำให้ผมได้รับรู้ เข้าใจในแนวคิดและกระบวนการปล่อยเงินกู้ก้อนนี้ของคุณไพบูลย์ ว่าท่านได้มองเห็นประโยชน์ในระยะยาวที่ต้องพัฒนากลุ่มผู้นำในชนบท ให้มีกระบวนการในการร่วมกันคิด ร่วมกันพิจารณา ใช้เงินช่วยเหลือที่ได้มาต่างๆ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า และตรงต่อความต้องการของแต่ละกลุ่มแต่ละพื้นที่มากที่สุด ในช่วงแรกๆ ท่านจึงใช้เวลามากในการให้แต่ละกลุ่มได้เป็นผู้คิดพิจารณาร่วมกันเองว่าจะเอาเงินไปใช้ประโยชน์อะไร โดยส่วนกลางหรือธนาคารออมสินจะเป็นผู้แนะนำแต่เพียงกระบวนการคิดกระบวนการตัดสินใจร่วมกันของชาวบ้าน โดยไม่เข้าไปเสนอโครงการเสียเอง เมื่อผมได้รับฟังแล้ว ผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งในหลักการนี้ของท่านในครั้งนั้น
ผมได้ร่วมงานกับคุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม อีกครั้งในช่วงเวลา 3 ปีที่เราเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชุดที่หนึ่งด้วยกัน ซึ่งมีคุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานสภาที่ปรึกษาฯ คนแรก และมีคุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เป็นรองประธานสภา เมื่อผมยิ่งรู้จัก ผมก็ยิ่งศรัทธาและเคารพนับถือคุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ยิ่งขึ้นตามลำดับ ในวันที่ 26 กันยายน 2563 ที่ผมได้ขึ้นพูด ในหัวข้อ “โอกาสใหม่สังคมไทย : มีจริง ทำได้จริง ต้องการขยายผล” ผมจึงยินดีมาก ที่ได้มีโอกาสมาร่วมพูดในงานรำลึกถึงคุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ในวันนั้น
หัวข้อที่ผมพูด เพื่อยกตัวอย่างเรื่องที่ได้ทำมาแล้วมีความสำเร็จ เพื่อให้สังคมไทยได้รับรู้ว่า โอกาสใหม่ในสังคมไทยนั้นยังมี และทำได้จริงมาแล้ว คืองานที่ผมได้ทำมาเป็นเวลา 6 ปีในฐานะผู้สังเกตการณ์อิสระ เป็นคนหนึ่งในทีม 244 อาสาสมัครในโครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ซึ่งทำให้รัฐบาลสามารถประหยัดเงินงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการภาครัฐต่างๆ รวมไปถึงรัฐวิสาหกิจต่างๆ ด้วย เป็นตัวเลขจำนวนเงินที่ประหยัดไปได้ถึง 118,082 ล้านบาท
ตัวเลขนี้ยังไม่รวมไปถึงการที่ทีมงานผู้สังเกตการณ์อิสระที่ได้เข้าไปร่วมดูแลโครงการหนึ่งใน รฟม. ที่ก่อให้เกิดการแก้ไขเงื่อนไขในทีโออาร์ ที่จะใช้กับเอกชนผู้จะมาร่วมลงทุนกับรัฐ ทำให้รัฐประหยัดเงินในโครงการเดียวโครงการนี้ไปได้ถึง 37,457 ล้านบาท
โครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) คือ การป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐโดยให้มีตัวแทนภาคประชาชนไปเป็นผู้สังเกตการณ์เฝ้าระวังขั้นตอนในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง วิธีการนี้ ได้ริเริ่มนำไปใช้กับประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศมาก่อน โดยการริเริ่มขององค์กรความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) และได้ผลดีมาก ต่อมาองค์การต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เป็นผู้แนะนำและเสนอแนะต่อคณะกรรมต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ในการประชุมครั้งที่ 1 ให้รัฐบาลนำหลักการนี้ไปใช้ ซึ่งได้รับการเห็นชอบสนับสนุนจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการฯ อย่างดีให้ส่งเข้า ครม. ให้ความเห็นชอบ ในอีก 2 วันต่อมา
ผมขอยกตัวอย่าง 3 โครงการตัวอย่าง ที่ใช้ระบบข้อตกลงคุณธรรมทั้งหมด 122 โครงการในช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ดังนี้
1.โครงการจัดซื้อเครื่องจักรโรงงานยาสูบแห่งใหม่งบประมาณก่อนลงนาม 8,160 ล้านบาท ประหยัดไปได้ 2254 ล้านบาท สรุปลดลงได้ 27%
2.โครงการเน็ตประชารัฐ งบประมาณก่อนลงนาม 13,000 ล้านบาท ประหยัดไปได้ 9,741 ล้านบาท สรุปลดลง 74%
3.โครงการจ้างผลิตและจัดทำ e-Passport งบประมาณก่อนลงนาม 12,438 ล้านบาท ประหยัดไปได้ 4,975 ล้านบาทสรุปลดลง 40%
ทั้ง 3 ตัวอย่างนี้ผู้แทนขององค์การต่อต้านคอร์รัปชัน ที่ได้ผ่านการอบรมเป็นอย่างดีโดยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเป็นระยะเวลา 5 วัน จะเข้าไปนั่งในการประชุมของหน่วยงานผู้ที่จะทำการคัดเลือกหรือประมูลในงานจัดหาจัดซื้อหรือจัดจ้างต่างๆ ทีมงานของผู้สังเกตการณ์อิสระจะประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ไม่เพียงด้านวิศวกรรม แต่จะมีผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการเงิน การบัญชี กฎหมาย หรืออาจมีอดีตข้าราชการที่มีความรู้ความเข้าใจในระเบียบและวิธีการของทางราชการที่ถูกต้องไปร่วมทีมด้วย
ในหลายกรณีการเพิ่มผู้ที่มีสิทธิ์เข้ามาประมูลแข่งขันกันให้มีมากราย และเปิดกว้างในการแข่งขันมากขึ้น เพียงอย่างเดียวก็สามารถช่วยให้เกิดการแข่งขันที่ยุติธรรมและลดงบประมาณที่จะต้องใช้ลงได้เป็นหลายพันล้านบาท ในบางกรณีการกำหนดคุณสมบัติของวัสดุและอุปกรณ์ที่จะจัดซื้อให้มีความหลากหลาย ก็สามารถมีผู้ผลิตหลายรายที่จะเข้ามาเสนอแข่งขันได้ ก็จะช่วยให้มีวัสดุปกรณ์ที่สามารถนำมาใช้ได้ในราคาที่ถูกลง
นอกจากนี้ การนำผู้ที่มีประสบการณ์และคุณวุฒิสูงเข้ามาร่วมเป็นอาสาสมัครในฐานะผู้สังเกตการอิสระนั้น คือโอกาสที่จะนำผู้ใหญ่อันมีประสบการณ์เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติให้มาร่วมกันเข้าไปดูแลผลประโยชน์ของประเทศเราได้ด้วย
คำถามสำคัญคำถามหนึ่งที่ผู้จัดปาฐกถาไพบูลย์วัฒนศิริธรรม ตั้งไว้สำหรับผู้นำเสนอแต่ละคนในงาน คือ คำถามว่า หากต้องการขยายผลต้องการการสนับสนุนอย่างไรบ้าง?
สำหรับโครงการข้อตกลงคุณธรรมนี้ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นวิธีการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในวงการราชการไทยดีที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีการต่างๆ ที่ผมเคยได้ใช้ เคยได้พบเห็น ตลอดเวลา 20 ปีที่ผมทำงานด้านป้องกันและต่อต้านคอร์รัปชันในองค์กรต่างๆ มานับไม่ถ้วน ตอบได้เลยว่า การให้มีผู้สังเกตการณ์อิสระเข้าไปร่วมดูแลการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ในที่ประชุมร่างทีโออาร์ นั้น ได้ผลออกมาดีที่สุด จึงขอฝากไว้กับผู้อาวุโส ผู้สูงวัย และผู้ที่มีความรู้ความสามารถในสาขาต่างๆ ขอให้มาร่วมกันเป็นอาสาสมัครผู้สังเกตการณ์อิสระ และขอให้ฝ่ายต่างๆ ที่มีพลังผลักดันสังคมได้ ได้สนับสนุนให้มีโครงการที่ดีนี้ต่อไป
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี