ในบทความเรื่อง โลกยุคหลังความจริง เมื่อเดือนที่แล้ว (แนวหน้า ฉบับวันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563) ได้เล่าค้างไว้ถึงสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่....เหตุการณ์ความวุ่นวาย การประท้วงของกลุ่มต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาทุกวันนี้ ก็เพราะแต่ละกลุ่มต่างก็มี “ทฤษฎีสมคบคิด” (conspiracy theory) ของกลุ่มตัวเอง เพื่ออ้างความชอบธรรมในการออกมาประท้วงหรือเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น ทฤษฎี Pizzagate ที่ต่อมาถูกนำมาขยายต่อเป็น ทฤษฎี QAnon อันเป็นทฤษฎีที่กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ เช่น กลุ่ม QAnon กลุ่ม AmericanWolf (หมาป่าอเมริกัน) กลุ่ม Proud Boys (เด็กทรนง) กลุ่มมนต์รักชาติ (Patriot Prayer) กลุ่ม Washington Three Percenters (ข้าคือ 3% ของนายพลวอชิงตัน) ใช้ออกมางัดกับกลุ่มผู้ต่อต้านทรัมป์ เช่น กลุ่ม Black Lives Matter หรือ กลุ่ม Antifa ซึ่งเป็นขบวนการต่อต้านการเหยียดผิวและเหยียดหยามผู้คน
ทฤษฎี QAnon เป็นความเชื่อของกลุ่มขวาจัดที่สนับสนุนทรัมป์ซึ่งเรียกตัวเองว่า กลุ่ม QAnon คนกลุ่มนี้มีความเชื่อพื้นฐานในการมีอยู่ของ...เครือข่ายลับอันประกอบไปด้วยกลุ่มชนชั้นนำ ข้าราชการ นักธุรกิจและนักการเมืองจากพรรคเดโมแครต สื่อมวลชน ดาราและบุคคลผู้มีชื่อเสียงในสังคมจากวงการต่างๆ ที่เรียกว่า “Deep State” (รัฐเร้นลึก/รัฐพันลึก/รัฐซ้อนรัฐ)ที่คอยปัดแข้งปัดขา ขัดขวางการทำงานบริหารประเทศของโดนัลด์ ทรัมป์ ในทุกรูปแบบ
ทฤษฎีสมคบคิด QAnon ถูกต่อยอดความเชื่อมาจากทฤษฎี Pizzagate ที่ถูกสร้างหรือเสกสรรปั้นแต่งมา จากเหตุการณ์ยิงกันที่ร้านพิซซ่าชื่อ Comet Ping Pong
ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่แล้วเพียงหนึ่งเดือนเพื่อใช้ทำลายนางฮิลลารี คลินตัน กับพรรคเดโมแครต โดยกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ได้ปล่อยข่าวปลอมไปในโลกสังคมออนไลน์ว่า ร้านพิซซ่านี้มีชั้นใต้ดินที่ถูกใช้เป็นสถานที่ติดต่อการค้าประเวณีเด็กที่มีเครือข่ายไปทั่วโลก โดยพรรคเดโมแครตและนางฮิลลารีล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้เพราะในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นนายทุนคนดังผู้บริจาคเงินให้เดโมแครตและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งของพรรคถูกจับกุมด้วยข้อหาซื้อประเวณีและทำอนาจารทางเพศกับเด็กผ่านทางอินเตอร์เนต ดังนั้น เมื่อผู้สนับสนุนทรัมป์คนหนึ่งได้รับทราบข่าว(ปลอม)นี้ จึงได้ถือปืนบุกไปยังชั้นใต้ดินร้านพิซซ่านี้เพื่อไปช่วยโสเภณีเด็กเหล่านี้ออกมา ซึ่งความจริงแล้วร้าน Comet Ping Pong พิซซ่านี้ก็ไม่ได้มีชั้นใต้ดินตามที่ข่าว(ปลอม) ในโลกสังคมออนไลน์เสนอกัน
ถ้าสืบสาวที่มาของทฤษฎี Pizzagate ต่อไป ก็จะพบว่าทฤษฎีสมคบคิดนี้มันเริ่มมาจากการพูดคุยกันของคนกลุ่มหนึ่งในเฟซบุ๊คว่า...การสั่งพิซซ่านั้นมีความหมายถึงการซื้อบริการโสเภณี.....ต่อมาเมื่อวงพูดคุยกลุ่มมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้นระบบแนะนำของเฟซบุ๊ค (recommendation system) ก็จะเริ่มแนะนำไอเดียนี้กับผู้ใช้ทั่วไปให้เข้ามาร่วมในกลุ่มพิซซ่าเกท อัลกอริทึมของเฟซบุ๊คจะตรวจสอบดูว่าพวกเขาเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเชื่อเรื่องทฤษฎีสมคบคิดประเภทแบบพิซซ่าเกทหรือไม่....ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เฟซบุ๊คของพวกเขาผ่านการทำงานของระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งนับวันจะฉลาดขึ้นๆ ทุกวันและถ้าใช่....ระบบแนะนำของเฟซบุ๊คก็จะประเคนข่าวที่ออกมา จากกลุ่มพิซซ่าเกทให้กับคนเหล่านี้ จนเชื่อคล้อยตามไปกับข่าวปลอมนี้ แม้กระทั่งก่อนหน้านั้นพวกเขาอาจจะไม่เคยค้นหาคำว่า พิซซ่าเกท มาก่อนเลยก็ได้
ทฤษฎีสมคบคิดของกลุ่ม QAnon ยังพรรณนาต่อไปว่า...ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งทรัมป์และทีมงานได้ทำการต่อสู้เพื่อจะเปิดโปงและทำลายกวาดล้างเครือข่ายการค้าประเวณีเด็กทั่วโลกการต่อสู้ระหว่างทรัมป์กับ deep state เปรียบเสมือนการต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรม โดยพวก QAnonต่างเฝ้ารอสองเหตุการณ์สำคัญอันได้แก่1) The Storm หรือ มหาวาตภัย ซึ่งก็คือการกวาดล้างกลุ่มชนชั้นนำผู้ทรยศต่อชาติใน Deep state ที่จะโดนทรัมป์สั่งให้นำตัวมาลงทัณฑ์และนำไปคุมขังที่คุกกวนตานาโม หรือสถานกักกันนักโทษของสหรัฐหรือนรกบนดินในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา และ 2) The Great Awakening ซึ่งก็คือวันที่คนทุกคนจะเข้าถึงสภาวะการตื่นรู้ครั้งยิ่งใหญ่ อันนำสังคมไปสู่ยุคยูโทเปีย (utopia) หรือสังคมอุดมคติ
สาวก QAnon บางกลุ่มเชื่อว่า “Q” เป็นบุคคลระดับสูงที่อยู่วงในของรัฐบาลอาจจะเป็นนายทหารในกองทัพหรือเจ้าหน้าที่ข่าวกรองกลางซึ่งเป็นผู้คอยส่งข้อมูลด้วยรหัสเช่น เลข 17อันเป็นลำดับของตัวอักษร “Q” หรือโค้ดต่างๆ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับแผนการทำลายล้างทรัมป์ของกลุ่มเครือข่าย Deep state คนกลุ่มนี้คิดว่า “Q” คือผู้จงรักภักดีต่อชาติหรือเป็นนักบุญที่มาปกป้องอเมริกา
ในขณะที่ สาวก QAnon อีกบางกลุ่มมโนไปไกลถึงขั้นที่คิดว่า “Q” ก็คือตัวทรัมป์นั่นเอง จากการตีความท่าทางการแสดงของทรัมป์ เช่น ทำนิ้วเป็นรูปอักษร “Q” ต่อหน้าผู้สื่อข่าวแล้วถามว่า “พวกคุณรู้ไหมว่านี้คือสัญลักษณ์ของอะไร....เพราะก่อนพายุใหญ่จะมาคลื่นลมมักจะสงบ” นอกจากนั้นทรัมป์ยังรีทวิตหรือ#QAnon (แฮชแท็ก “QAnon”) เพื่อเน้นย้ำข้อความต่างๆ ที่กลุ่ม QAnon โพสต์ลงในโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ
และจะด้วยการมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองแฝงอยู่หรือการมีอวิชชาเป็นเจ้าเรือน ว่าที่ผู้สมัครทั้ง สว.และ สส. ของพรรครีพับลิกันจำนวนหลายสิบคนได้แสดงตัวอย่างเปิดเผยว่าสนับสนุนกลุ่ม QAnon และเชื่อในทฤษฎีสมคบคิด QAnon รวมทั้งอดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ พลโทไมเคิล ฟลินน์ ที่ได้อัดคลิปวีดีโอลงในยูทูบโชว์การกล่าวคำปฏิญาณตนเป็นสาวก QAnon ของเขาเมื่อวันชาติอเมริกาที่ผ่านมา ขณะที่ลูกชายทรัมป์คนหนึ่งคืออีริค ทรัมป์ ก็ได้โพสต์คำขวัญ QAnon (Where we go one, we go all) ลงในอินสตาแกรมเมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกันก็มีนักการเมืองรีพับลิกันบางคนออกมายอมรับว่า จริงๆ แล้วตัวเขาก็ได้ไม่เชื่อในทฤษฎี QAnon แต่ที่แสดงท่าทีสนับสนุนกลุ่ม QAnon ก็เพราะต้องการคะแนนเสียงจากคนกลุ่มนี้
ประมาณกันว่า ปัจจุบันกลุ่ม QAnon น่าจะมีสมาชิกประมาณ 1.4 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้นมาถึงเกือบ 10 เท่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เพราะสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่คนต้องเก็บตัวอยู่ในบ้าน จึงใช้เวลาส่วนใหญไปกับการใช้คอมพิวเตอร์เล่นโซเชียลมีเดีย ท่องโลกออนไลน์ สร้างทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ขึ้นมา โดยใช้แพลตฟอร์มทางโซเชียลมีเดียอย่าง เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ยูทูบ อินสตาแกรม เป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการชักจูงรวมกลุ่มคนที่ฝักใฝ่ในทฤษฎีสมคบคิดหรือมีความเชื่อเดียวกันเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นกลุ่มต่างๆ ขึ้นมากมายดังที่กล่าวไว้ข้างต้นทำให้ทุกวันนี้ สังคมอเมริกันกำลังกลายเป็น สังคมสมคคิด (conspiratorial society)อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของทฤษฎีสมคบคิดจำนวนมากจากในสังคมออนไลน์ไปสู่การแสดงออกของภาคปฏิบัติในสังคมออฟไลน์
ดร.ธิติ สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี