ระบบระบอบการเมืองการปกครองในโลกกว้างได้มีการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง ไปตามยุคสมัยเป็นเรื่องธรรมดา แม้บางครั้งจะมีการหลงเหลือ ค้างคา ของพวกไม่ยอมปรับเปลี่ยนอยู่บ้างก็เป็นส่วนน้อย และก็ยังถือเป็นเรื่องธรรมดาเช่นเดียวกัน แต่ในที่สุดแล้ว อะไรๆ ที่ทวนกระแส ทวนค่านิยมสากลก็จะต้องหมดสิ้นไปในที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ปัจจุบันได้หายไปจากโลกแล้วเป็นส่วนใหญ่ อาจพอยังค้างคาอยู่บ้างก็ที่ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นที่ บรูไน
ระบอบคอมมิวนิสต์ พรรคเดียวเผด็จการ ก็ได้ล่มสลายไปเป็นส่วนมาก ยังพอคงเหลืออยู่บ้างก็ที่ จีน เกาหลีเหนือ เวียดนาม ลาว และคิวบา
ระบอบเผด็จการเสียงข้างมาก (ที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย) ก็อยู่ในสภาพขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งก็ถูกท้าทาย และต่อต้านอยู่ตลอดเวลาจากกลุ่มชนที่ต้องการสิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์
ในราชอาณาจักรไทยนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute Monarchy) มาเป็นระบอบกษัตริย์ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ (Constitution Monarchy) ซึ่งมิใช่เรื่องแปลก หรือเรื่องผิดถูก โดยมองได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนเมื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยแล้ว จะสามารถทำได้ดีแค่ไหน ก็ขึ้นกับความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และการขับเคลื่อนผลักดันให้เกิดการปรับปรุงแก้ไขกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งมั่นกันไว้
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของรัฐชาติไทยเมื่อ 24 มิถุนายน 2475 ที่ดำเนินการล้มเลิกระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปนั้น กลับมิได้นำไปสู่ความล่มสลายของการเป็นราชอาณาจักรของรัฐชาติไทยแต่อย่างใด และยังส่งผลให้สถาบันกษัตริย์ไทยดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งคู่กับสังคมไทยในระบอบประชาธิปไตยต่อมาจนบัดนี้
โดยการคงอยู่ของความเป็นราชอาณาจักรของรัฐชาติไทยนั้น เกิดมาจากการเห็นพ้องต้องกันในหมู่คณะราษฎร (หรือคณะผู้ก่อการ) แล้วจึงได้นำความกราบบังคมทูลแก่องค์พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 7 ซึ่งพระองค์ก็ทรงรับไว้ และทรงเห็นพ้องกับการที่ประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไป ภายใต้ความเป็นราชอาณาจักร บนพื้นฐานการปกครองในระบอบเสรีประชาธิปไตยแบบตัวแทน หรือแบบรัฐสภา
สรุปได้ว่าแม้คณะราษฎร 2475 จะดำเนินการปฏิวัติเพื่อล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ลง แต่พวกเขาก็ยังเลือกที่จะรักษาความเป็นราชอาณาจักรต่อไป ด้วยการเลือกที่จะมีองค์พระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ
ซึ่งพฤติกรรมอันเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ได้ทำให้คำว่า “คณะราษฎร” กลายเป็นคำเฉพาะในการเมืองไทย และมีความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว ด้วยที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย อันควรแก่การยอมรับ และการให้เกียรติ จึงไม่ควรจะมีผู้ใดไปกระทำการใดๆ ที่ลดคุณค่า และละเมิดความเป็นเอกลักษณ์
แต่การที่ ณ วันนี้ การที่คนไทยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีพฤติกรรมฝักใฝ่ระบอบสาธารณรัฐ ได้อาจหาญ และบังอาจแอบอ้างเอาชื่อ “คณะราษฎร” มาใช้เป็นชื่อกลุ่มของตน จึงถือเป็นการดูหมิ่น ดูแคลน ถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมยิ่ง สะท้อนด้วยความไม่รู้ถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย และความไม่รู้เท่าทันการณ์กับคำว่า “คณะราษฎร” แล้วมาสถาปนาตนเองเป็น
ผู้แอบอ้างได้เติมตัวเลขปี 2563 ซึ่งเป็นปี พ.ศ. ปัจจุบันลงไปเป็น “คณะราษฎร 2563” จึงเป็นการทำการที่น่าอดสูและหลอกลวงทั้งตัวเอง และประชาชนพลเมืองไทยโดยทั่วไปในทำนองว่า พวกเขาต้องการลุกขึ้นมาสืบทอดเจตนารมณ์ และทำในสิ่งที่คั่งค้างไว้ของ คณะราษฎร 2475 จะได้เสร็จสิ้น ทั้งๆ ที่กิจนั้นได้เสร็จสิ้นลงไปแล้วอย่างสมบูรณ์ คือการเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองการปกครองของไทยที่คงความเป็นราชอาณาจักร และเป็นแบบประชาธิปไตย
บุคคลหลายคนในคณะราษฎร 2563 นั้นแฝงไว้ซึ่งความเกลียดชัง เคียดแค้น อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ด้วยความคิดที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความเป็นสาธารณรัฐ ซึ่งแตกต่างกับ คณะราษฎร 2475 ที่มุ่งมั่นจะนำพาประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตย และตกลงกันแล้วว่าจะเดินหน้าไปในกรอบของความเป็นราชอาณาจักร อย่างสิ้นเชิง
ดังนั้น การที่คนกลุ่มนี้นำเอาคำว่า “คณะราษฎร” มาใช้เป็นชื่อกลุ่มตน แต่มุ่งให้ประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ จึงเป็นเรื่องที่แตกต่างจาก คณะราษฎร 2475 ด้วยประการทั้งปวง ทั้งวุฒิภาวะและการเคารพผู้อื่น
อีกทั้งกลุ่มผู้คนนั้นบังอาจมี ก็มิได้คำนึงถึงความรู้สึกของลูกหลาน ของคณะราษฎร 2475 แต่อย่างใด
เมื่อคิดจะทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ก็ต้องคิดให้รอบคอบ และต้องไม่แอบอ้าง หรือบิดเบือน มิฉะนั้น ก็เป็นแค่พวกฉวยโอกาส หาความดี ความมัน ใส่ตัวเท่านั้น
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี