ทำไมกระบวนการยุติธรรมในการนำผู้ทุจริตเรียกเงินสินบนจากผู้รับเหมาเพื่อให้ได้งานก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร จึงต้องใช้เวลาถึง 14 ปี! ทั้งๆ ที่มีบริษัทที่ได้รับความเสียหายจำนวนมาก นับเป็นร้อยๆ บริษัท ที่ถูกเรียกเงินสินบน ในอัตรา 10,000 บาทต่อบ้านเอื้ออาทร 1 หลัง
จากข้อมูลที่ผมได้รับทราบมาด้วยตนเอง ในราวปี พ.ศ.2547 – 2548 ทีมงานออกแบบที่ผมร่วมอยู่ในฐานะวิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้าง ร่วมกันระดมความคิดเพื่อออกแบบบ้าน 2 ชั้น จำนวน 2,000 กว่ายูนิต เพื่อเสนอขออนุมัติแบบจากการเคหะแห่งชาติ แบบที่ทีมเราออกแบบจะสามารถสร้างบ้าน 2 ชั้นตามแบบของการเคหะฯ ให้เสร็จได้อย่างรวดเร็วภายใน48 ชั่วโมง และประหยัดค่าก่อสร้างในโครงการของเราได้ประมาณ 10% แต่จนแล้วจนรอด แบบของเราก็ไม่ได้รับการอนุมัติสักที
มีคนในวงการผู้รับเหมามาบอกเราว่า ทุกคนที่จะได้งานบ้านเอื้ออาทร ต้องจ่ายใต้โต๊ะทุกคน จ่ายให้นักการเมืองคนไหนชื่ออะไร ก็รู้กันโดยเปิดเผย เจ้าของเงินผู้จะลงทุนในโครงการนี้บอกกับเราว่า เขาจะไม่จ่ายเงินทุจริตแบบนี้เด็ดขาด ซึ่งทีมสถาปนิก วิศวกร และผมเองก็สนับสนุนและเห็นด้วยอย่างยิ่ง ในหลักการของการร่วมมือของภาคเอกชนที่จะไม่ไปส่งเสริมให้มีการทุจริตประพฤติมิชอบในวงการราชการ และที่สำคัญ มันไม่ถูกต้องในความเป็นจริง ในเทคนิคทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ว่าเราจะสามารถลดราคาต้นทุนเหลือพอไปจ่ายให้เขาอีก 10,000 บาทต่อหลังได้
ผมเล่าเรื่องนี้ได้ เพราะเราไม่จ่าย และไม่เสนอที่จะจ่าย และเราก็ไม่ได้งานโครงการนี้จริง ตามที่มีผู้คนในวงการก่อสร้างเตือนเรามา
ปีต่อมาเราเอาแนวคิดเรื่องแบบและโครงสร้างบ้าน 2 ชั้น ไปแสดงที่งานของสมาคมสถาปนิกสยาม โดยสร้างบ้านจริงทั้งหลังขึ้นมา ให้คนเดินเข้าชมได้ในงาน เราพิสูจน์ว่าระบบของเราสามารถยกชิ้นส่วนสำเร็จรูปขึ้นติดตั้งสร้างเสร็จได้ภายใน 48 ชั่วโมงได้จริง และได้รับความสนใจมาก
ต่อมาเมื่อ อาจารย์แก้วสรร อติโพธิในนามของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้นำ “คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร” ของการเคหะแห่งชาติมาสอบสวนหาหลักฐานและสอบพยานต่างๆ จน คตส. สามารถส่งต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบสวนต่อไปตามขั้นตอน และ ป.ป.ช. ก็ได้ชี้มูลคดีนี้มาตั้งแต่ปี 2552 กระทั่ง อีก 9 ปีต่อมา เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 อัยการสูงสุดจึงได้เป็นโจทก์ฟ้อง ต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ผมยังแปลกใจมากมาตลอดช่วงเวลานี้ ที่ผู้กระทำผิดต่างๆ ในเรื่องนี้ยังลอยนวลอย่างสบายใจ อยู่ได้โดยไม่ต้องขึ้นศาลที่จัดตั้งมาเพื่อลงโทษนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชันได้อย่างรวดเร็ว พิจารณาศาลเดียวจบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
เวลาล่วงมาอีก 2 ปีถึงปี พ.ศ. 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงได้มีคำพิพากษาออกมา ให้จำคุกนักการเมืองคนนั้น และนักธุรกิจการเมืองคนสำคัญ โดย ตัดสินจำคุก “วัฒนา เมืองสุข” อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ “คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร” โดยศาลพิพากษาจำคุกนายวัฒนา ความผิดตามมาตรา 148 จำนวนของประมวลกฎหมายอาญา 11 กระทง กระทงละ 9 ปี รวม 99 ปี แต่คงจำคุกจริง 50 ปี
ตอนนี้ วัฒนา ยังได้สิทธิ์อุทธรณ์ ภายใน 30 วันหลังศาลฯ ตัดสิน เมื่อ 24 กันยายน 2563 แต่ล่าสุด ทีมทนายของวัฒนา ขอศาลต่อเวลายื่นอุทธรณ์ต่อไปอีก 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ครั้งต่อไปวันที่24 พฤศจิกายน นี้ แต่ถ้าทำคำคัดค้านอุทธรณ์เสร็จไม่ทัน ก็ยังสามารถขอขยายเวลาอุทธรณ์เพิ่มได้อีก
ส่วนนายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง มีความผิด 11 กระทง กระทงละ 6 ปี รวม 66 ปีจำคุกจริง 50 ปี และจำคุกนายอริสมันต์ จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 4 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3, 9, 11-14
เมื่อผลศาลตัดสินเป็นที่สุดแล้ว พิพากษาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 อาจารย์แก้วสรร จึงสามารถ ออกมาชี้แจงสิ่งที่ค้างคาใจประชาชนคนทั่วไป มาตลอดว่า คตส. นั้น คงอ่อนการทำคดี เป็นเหตุให้คดีนี้ล่าช้ามาก อาจารย์แก้วสรร เริ่มชี้แจงว่า ทีมงานที่ทำคดีเรื่องนี้นั้นเป็นมือชั้นหนึ่ง ที่อุทิศแรงกายแรงใจมาร่วมทีมทำงานกันว่า “...ได้ตำรวจมือดีมาช่วยงานสืบสวนเจาะลึกปากคำในการเคหะฯ ได้นักตรวจสอบมือฉกาจจากธนาคารชาติมาไล่ตรวจสอบทางเดินของเงินจนละเอียดยิบ ได้มือทำสำนวนจากกรมพระธรรมนูญ มาสมทบอีกรวมกว่า 20 คนพวกเขาทุ่มเทปิดทองหลังพระกันเป็นปี...”
ถึงแม้ว่าคดีนี้ ป.ป.ช. จะชี้มูลมาตั้งแต่ปี 2552 แต่ทว่า อัยการได้ท้วงติงว่า พบความไม่สมบูรณ์ในสำนวน ต้องตั้งคณะกรรมการร่วมทั้ง 2 ฝ่าย ขึ้นมาใหม่ กระทั่ง 9 พฤษภาคม 2561 อัยการสูงสุด จึงได้เป็นโจทก์ฟ้อง ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จนถึง 24 กันยายน พ.ศ. 2563 ในที่สุดศาลฯจึงได้มีคำพิพากษาออกมา
ทั้งหมดนี้ จึงอธิบายคำถามว่า ทำไมจึงรวมใช้เวลาคดีนี้ ถึง 14 ปี
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี